ตอนที่ 2043 พลังทําลายที่น่าอัศจรรย์

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2043 พลังทําลายที่น่าอัศจรรย์

 

สําเร็จ!

 

แต่ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะมีเวลาให้ดีใจ ตราประทับทั้งสีบนกระดูกทั้งสี่แท่งของเขาก็เชื่อมโยงเข้าหากัน และส่องประกายแสงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

ไม่ดีแล้ว!

 

หลิงฮันอุทานในใจ เขาสัมผัสได้ถึงพลังอํานาจที่น่าสะพรึงกลัวกําลังถาโถมอยู่ในร่างกาย และ พริบตานั้นเองกระดูกทั่วร่างของเขาก็แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับห้วงจิตวิญญาณถูกทําลาย

 

‘พรึบ’ กลุ่มก้อนเปลวเพลิงถูกจุดขึ้นอย่างร้อนระอุ และร่างของหลิงฮันก็ก้าวเดินออกมาจากเปลวเพลิง

 

“เจ้าหนู เจ้าเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว” หอคอยน้อยปรากฏตัวและตําหนิติเตือน “ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะกําเนิดใหม่จากเถ้าถ่านใช้ได้อีกครั้งเมื่อสามวันก่อน เจ้าคงจะตายไปจริงๆ แล้ว”

 

หลังจากใช้ทักษะกําเนิดใหม่จากเถ้าถ่านไปหนึ่งครั้ง จําเป็นต้องรอไปอีกนานกว่าจะใช้ทักษะครั้งต่อไปได้ ก่อนหน้านี้หลิงฮันตายไปแล้วครั้งหนึ่งในตอนที่เก็บเกี่ยว ทองหยกกําเนิดดารา ซึ่งระยะเวลาในตอนนั้นถึงตอนนี้ยังผ่านมาไม่นานเท่าไหร่เลย

 

หลิงฮันรู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะ ใครจะไปคาดคิดว่าเมื่อแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่เชื่อมโยงกัน มันจะระเบิดพลังทําลายที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้นออกมา จนแม้แต่กายหยาบของเขาก็ไม่อาจต้านทานไหว

 

“เจ้าโงรึเปล่า? แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่เป็นสิ่งที่มีพลังเทียบเท่ากับราชานิรันดร์ ซึ่งเป็นเพราะระดับพลังของเจ้า พวกมันถึงได้ถูกจํากัดพลังเอาไว้ การที่เจ้าผืนเปิดผนึกขีดจํากัดพลังของพวกมัน หากไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วจะเป็นอื่นใดไปได้?” หอคอยน้อยตําหนิต่ออย่างดุดัน

 

หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ครั้งนี้ข้าทําพลาดไปแล้ว แต่ต่อให้มีโอกาสอีกครั้ง ข้าก็เลือกที่จะทําเหมือนเดิมอยู่ดี”

 

“เพราะหากไม่ทําขนาดนี้ ก็ไม่มีทางเอาชนะจี่อู๋หมิงได้!”

 

ตอนนี้หลิงฮันมองเห็นความหวังที่จะเอาชนะจี่อู๋หมิงแล้ว อย่างน้อยภายในหนึ่งกระบวนท่า จี่อู๋หมิงก็ไม่สามารถสังหารเขาได้ เพราะงั้นหากเขาปลดปล่อยพลังทําลายของแก่นกําเนิดสวรรค์ และปฐพีออกไปได้ จี่อู๋หมิงจะต้องต้านทานไม่ไหวแน่นอน

 

“แต่ข้าก็ต้องคิดให้ดีกว่านี้ ไม่เช่นนั้นกระบวนท่านี้จะไม่ใช่การโจมตีศัตรู แต่เป็นการฆ่าตัวตาย”

 

เขาพึมพําและเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง

 

“บ้า! เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” หอคอยน้อยพึมพํา มันไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทําไมหลิงฮันจําต้องเสี่ยงชีวิตตนเองถึงขนาดนี้ เพียงเพื่อการกระทําโง่ๆ

 

หลิงฮันกระตุ้นแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก่อนที่พลังของพวกมันจะปะทุออกมาอย่างสมบูรณ์ เขาก็ทําการปลดปล่อยอํานาจออกมาก่อน

 

‘ตูมมม’ ทันใดนั้นพื้นที่รอบด้านของเขาในรัศมีพันไมล์ก็กลายเป็นว่างเปล่า

 

“รุนแรงมาก!”

 

หลิงฮันชะงักเล็กน้อย “พลังทําลายของมันเหนือกว่าทักษะนิรันดร์ใดๆ ที่ข้าฝึกฝนอยู่ แต่ข้อเสียก็คือนี่เป็นเพียงการชี้นําพลังออกไปลวกๆ เท่านั้น หากศัตรูเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากพอ ก็สามารถหลบคลื่นพลังได้”

 

“ถ้าแบบนั้นข้าก็ต้องหาวิธีทําให้การโจมตีนี้ระเบิดรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีรัศมีที่กว้างกว่าเดิม”

 

“นอกจากนั้น ถ้าหากปลดปล่อยพลังออกมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย การเชื่อมโยงของ แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ทั้งสี่ก็จะยาวนานยิ่งขึ้น”

 

“ไม่สิ จะเรียกว่าเชื่อมโยงก็ไม่ถูก นี่คือการใช้การขัดแย้งกันของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ในการเปิดผลึกขีดจํากัดของพวกมัน และระเบิดพลังทําลายล้างที่เกินกว่าระดับพลังบ่มเพาะของข้าออกมา”

 

“ยิ่งระยะเวลาที่พวกมันขัดแย้งกันนานขึ้นเท่านั้น ผลึกก็จะเปิดออกมากเท่านั้น และพลังทําลายก็จะรุนแรงตามๆ ไป”

 

หลิงฮันลองทดลองต่อ ครั้งนี้เขาหน่วงการขัดแย้งของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่ให้นานขึ้นเล็กน้อย ‘ตูมมมม’ คลื่นทําลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา ส่งผลให้พื้นที่รอบด้านหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

 

“อั่ก!” เขาอ้าปากและกระอักโลหิตออกมาคําใหญ่

 

“เกือบจะได้ตายอีกครั้งแล้ว!”

 

หลิงฮันปาดเหงื่อ เมื่อครู่ทําหน่วงระยะเวลาการขัดแย้งกันของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่ให้นานขึ้นเล็กน้อย ทําให้พลังทําลายยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว แต่ในขณะเดียวกันการทําแบบนี้ก็ส่งผลให้ตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนกระดูกภายในร่างแตกร้าว

 

หากหน่วงเวลานานกว่านี้อีกนิด เขาคงตายไปแล้ว

 

“เป็นการฝึกฝนที่ตื่นเต้นดีเหลือเกิน!” หลิงฮันหัวเราะคนเดียว พร้อมกับใช้หยดวารีอมตะฟื้นฟูบาดแผล

 

บาดแผลที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่เขาทําเอง เพราะงั้นเจตจํานงยุทธที่ถูกทิ้งไว้จึงไม่ขัดแย้งกับการฟื้นฟู ทําให้กระดูกภายในร่างฟื้นสภาพกลับมาทันทีเมื่อใช้หยดวาอมตะ

 

หอคอยน้อยคร้านจะตําหนิ จึงไม่เลิกกล่าวอะไรออกมา

 

หลิงฮันยังคงครุ่นคิดถึงการควบคุมพลังให้สมดุลและปลอดภัยต่อตัวเขาเองต่อไป

 

หลังจากโลกภายนอกผ่านไปอีกสามวัน หลิงฮันก็หยุดคิด

 

“สําเร็จ!” เขาเผยรอยยิ้ม “แต่พูดก็พูดเถอะ การใช้การขัดแย้งกันของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสีมาโจมตีเช่นนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นพลังของตัวข้ารึเปล่านะ?”

 

“ช่างเถอะ ระดับพลังของข้าในตอนนี้ยังต่ําเกินไป จึงต้องหยิบยืมพลังนอกกายมาใช้ เมื่อใดที่ข้าบรรลุจุดสูงสุด เมื่อนั้นข้าจะต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือใคร”

 

หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬ และตามเหล่าสตรีว่าในไม่กี่วันมานี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

“อัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน เพื่อรอคอยการเปิดม่านของการประลองร้อยมหามังกร”

 

หลิงฮันยิ้ม “แล้วการประลองร้อยมหามังกรจะเริ่มเมื่อไหร่งั้นรึ?”

 

“อีกราวๆ สิบวัน” จักรพรรดิตอบ

 

“เป็นการต่อสู้บนลานประลองรึเปล่า?” หลิงฮันถามต่อ

 

“ไม่ใช่” จักรพรรดินีส่ายหัว “เห็นว่าผู้เข้าร่วมจะต้องเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพี ที่จะมีการแข่งขันบางอย่างอยู่ภายในนั้น ซึ่งคนที่ได้อันดับแรกจะได้รับอํานาจร้อยมังกรจากเขตแดนลี้ลับ รวมถึงวาสนาอันไร้ที่สิ้นสุด”

 

เมื่อได้ยินที่นางกล่าว หลิงฮันก็รู้ว่าจักรพรรดินีเองก็ไม่รู้รายละเอียดของการประลองร้อยมหามังกรเท่าไหร่เหมือนกัน

 

เขามุ่งหน้าไปหาฟู่เยว่เพื่อถาม

 

“หลังจากที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับร้อยมังกรแล้ว พวกเราจะต้องเลือกเส้นทางแห่งเต๋ งสามพันเส้นทาง ซึ่งหลังจากที่ผ่านเส้นทางทั้งสามพันไปได้แล้ว การประลองที่แท้จริงถึงจะเริ่มขึ้น แต่การประลองที่ว่าเป็นในรูปแบบใดนั้น ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด” ฟู่เยว่กล่าวน่าสนใจ…

 

“แล้วการแข่งขันศาสตร์ปรุงยา จะเริ่มขึ้นหลังการประลองร้อยมหามังกรเปล่า?” หลิงฮันถาม

 

“ถูกแล้ว” ฟู่เยว่พยักหน้า “ในทุกครั้งไม่ว่าการประลองร้อยมหามังกรจะใช้เวลานานเท่าไหร่ การแข่งขันศาสตร์ปรุงยาก็จะจัดตามหลังตลอด เพราะงั้นไม่ต้องเป็นกังวลไป”

 

เงื่อนไขในการเข้าเขตแดนลี้ลับร้อยมังกรคือต้องมีอายุต่ํากว่าสิบล้านปี และระยะเวลาที่เขตแดนลี้ลับจะเปิดออกในแต่ละครั้งคือหนึ่งร้อยล้านปี นั่นหมายความว่าใครก็เคยเข้าไปแล้วจะไม่สามารถเข้าไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง

 

ในช่วงวันต่อๆ มา หลิงฮันก็ยังคงฝึกฝนการประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่ต่อไป โดยที่เขาเรียกมันว่าแก่นพลังมหาพินาศ ตอนนี้เขายังมีแก่นกําเนิดสวรรค์อยู่แค่สี แต่ในอนาคตมันจะเพิ่มเป็นห้า เจ็ด และเก้า!

 

ฟู่เยว่และปู่เส่าจวิ้นนั้นตัวติดกันเป็นกาว เนื่องจากทั้งคู่เป็นนายน้อยเหมือนกันทั้งคู่ พวกเขาจึงมีนิสัยคล้ายคลึงกัน

 

ไม่นานเวลาก็ผ่านไปสิบสามวัน

 

“ครืนนน” ที่เหนือน่านฟ้าของเมืองได้มีเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น ไม่ว่าใครจะอยู่ซอกมุมไหนของเมือง ก็ต้องได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน และเมื่อทุกคนเดินออกมาและแหงนมองขึ้นดูภาพที่ทุกคนเห็นก็คือเงามังกรหนึ่งร้อยตัวกําลังโบยบินและพัวพันกันอยู่บนท้องฟ้า

 

จนในที่สุดเงาของมังกรเหล่านั้นก็ผสานรวมกันกลายเป็นประตูทางเข้า

 

เขตแดนลี้ลับร้อยมังกร เปิดออกแล้ว