ภาค 12 เทวกษัตริย์ไร้เทียมทาน บทที่ 1170 อาละวาดในเขาคุนหลุน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเดินทางไปยังทะเลหวงเจียเขตตะวันอาคเนย์ หมายจะนำลายมือแห่งแผ่นดินที่ซ่อนอยู่ที่นั่นไป แต่ผลลัพธ์กลับถูกเนี่ยจิงเสินขัดขวาง

ต่อจากนั้นข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกเอาชนะจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ เฉินเฉียนหัว และหวังเจิ้งเฉิงติดต่อกันก็ถูกส่งมา

โดยเฉพาะหลังจากที่จักรพรรดิเอกภพทราบว่าเยี่ยนตี๋สังหารประมุขบูรพา นักพรตเทียนอี้ และเยี่ยนจ้าวเกอสังหารประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ทราบว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว

เขาเดิมทีต้องการให้เนี่ยจิงเสินถูกพวกหวังเจิ้งเฉิงและเฉินเฉียนหัวดึงดูดไป ทว่าผลลัพธ์สุดท้าย เนี่ยจิงเสินมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน เป็นเขาเองที่ทนทานไม่ได้ก่อน

เนี่ยจิงเสินทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ถ้ารอเยี่ยนจ้าวเกอพกพากระบี่เปิดกำเนิดกลับเขตตะวันอาคเนย์ จักรพรรดิเอกภพไม่มีทางปลอดภัยเหมือนตอนนี้

ดังนั้นเขาได้แต่มาด้วยความฮึกเหิม และกลับไปด้วยความผิดหวังอีกครั้ง แม้เห็นลายมือแห่งแผ่นดินอยู่ตรงหน้า ทว่าได้แต่กลับไปมือเปล่า

จักรพรรดิเอกภพไปที่ไหนหลังออกจากทะเลหวงเจีย เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการบุกในวันนี้ของเขา

รอยตราพลิกนภาร่วงหล่นใส่ยอดเขาอนัตตา ซึ่งเป็นที่บำเพ็ญของจักรพรรดิเอกภพอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

แทบจะเป็นในเวลาเดียวกับที่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือ เหนือยอดเขาอนัตตาก็มีแสงสว่างขึ้น

ในประกายแสงสีเหลืองเข้มปรากฏแสงพิสุทธิ์หลายสาย หนักแน่นผนึกตัวแต่ก็มีชีวิตชีวา

เงาแสงตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นมายา เหมือนกับปรากฏฟ้าดินที่แท้จริง เทียบได้กับลักษณะในตอนที่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงกางรูปภูผาธาราโบ่วกี้

ต้นไม้สูงเทียมฟ้าขนาดมหึมาต้นหนึ่งปรากฏกลางฟ้าดิน กิ่งใบแกว่งไกว ครอบคลุมฟากฟ้า ค้ำยันท้องนภา

ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอครอบลงบนยอดของต้นไม้มหึมานั้น

ในเสียงดังกระฮึ่ม กิ่งใบทั้งหมดของต้นไม้ที่เหมือนกับค้ำยันท้องฟ้านั้นพลันถูกกดให้งอโค้งพร้อมกัน ลำต้นที่ตั้งตรงหยาบใหญ่สั่นไหวไปด้วย

“จักรพรรดิเอกภพโปรดออกมา ตอนที่อยู่ในทะเลหวงเจีย ข้าผู้แซ่เยี่ยนเคยบอกว่าจะมีซักวันหนึ่งที่ท่านทำอะไรข้าไม่ได้ แม้ข้าไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน”

เยี่ยนจ้าวเกอยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ ต้นไม้หยาบใหญ่ที่เหมือนเสาสวรรค์ดูคล้ายต้นหญ้าต้นหนึ่งใต้ฝ่ามือของเขา

“วันนี้ข้าผู้แซ่เยี่ยนมาทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ จักรพรรดิเอกภพไม่คิดทดลองดูด้วยตัวเองหรือ”

เขากดฝ่ามือลงอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้มหึมาเทียมฟ้านั้นกำลังถูกกดจนคดงอแล้ว!

ครั้งนี้รอบๆ ยอดเขาอนัตตาพลันเกิดแผ่นดินไหว

ลำแสงสายแล้วสายเล่าเคลื่อนไหวไหลเชี่ยวอยู่บนผืนดิน กอปรกันเป็นลวดลายค่ากลที่ลี้ลับซับซ้อน สี่ทิศรอบๆ มีเสาปราณหนึ่งสายพลันผุดขึ้นจากผืนดินโดยมียอดเขาอนัตตาเป็นศูนย์กลาง พวยพุ่งขึ้นฟ้า เหมือนกับน้ำตกที่ผุดขึ้นจากพื้น

เสาปราณสีสายแบ่งเป็นสีเขียว แดง ขาว ดำ

เสาปราณสีเขียวมีพลังชีวิตเอ่อล้น พลังชีวิตไร้สิ้นสุดปรากฏขึ้นมาจากด้านใน

เสาปราณสีแดงร้อนดั่งเปลวไฟ แก่นของเพลิงร้อนแรงที่ลุกไหม้โหมกระพือ

เสาปราณสีขาวคมกล้าดุร้าย จิตแห่งเหล็กกล้าซึ่งเผยประกายคมออกมาทำลายมิติ

เสาปราณสีดำยิ่งใหญ่มหึมา ธารธาราที่ยิ่งใหญ่ไพศาลรวมตัวกันเป็นเส้นเดียว

สิ่งที่ลอยขึ้นพร้อมกับเสาปราณสี่สายนี้ยังมียอดเขาอนัตตา

ทรายหลายสายเวียนวนพวยพุ่งขึ้น เลื้อยขดอยู่รอบๆ ยอดเขาอันนัตาเหมือนกับมังกรเหลืองหลายตัว ทำให้ภาพเงาของแผ่นดินนั้นยิ่งชัดเจนหนักแน่นกว่าเดิม

พลังห้าธาตุถูกโคจร ลวดลายค่ายกลขนาดยักษ์ห้าสายสี่เล็กหนึ่งใหญ่หมุนกลางอากาศ กอปรกันเป็นกลุ่มแสงห้ากลุ่ม แยกกันยึดครองทิศเหนือใต้ออกตกและตรงกลาง

ภายใต้ผลของค่ายกล ต้นไม้สูงเทียมฟ้าที่กำลังถูกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอกดงอต้นนั้นฟื้นฟูพลังชีวิตและพละกำลังขึ้นมาใหม่ เริ่มยันฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ให้ตกลงมา

เยี่ยนจ้าวเกอมองค่ายกลที่ป้องกันยอดเขาอนัตตาด้วยความสนใจ จุ๊ปากชมเชย “ถึงแม้ตอนอยู่ในทะเลหวงเจียจะปรากฏขึ้นมาแวบเดียว แต่ก็ทราบถึงระดับค่ายกลของจักรพรรดิเอกภพแล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ วันนี้พอเห็นค่ายกลนี้แล้ว ยิ่งพิสูจน์ได้อย่างมากพอ ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงไร้บัณฑิตจอมปลอมโดยแท้ เพียงแต่ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของข้าไม่หมือนกับในอดีตแล้ว”

เขาส่ายหน้าด้วยความเสียดายอยู่บ้าง “น่าเสียดาย พวกเราไม่อาจสู้กันในการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลซึ่งหน้าได้”

หวังผู่มองอยู่ไกลๆ “ถึงแม้ในตอนนั้นประมุขทิศบนจะทำลายที่อยู่ของจักรพรรดิแพรบนยอดเขาอัศจรรย์ แต่พลังของจ้าวเกอแข็งแกร่งมากพอ ทว่าถึงอย่างไรยอดเขาอัศจรรย์และยอดเขาอนัตตาก็มีความแตกต่างกัน”

“จักรพรรดิเอกภพที่แล้วมาขึ้นชื่อเรื่องค่ายกล ระดับด้านมรรคาค่ายกลของเขาเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในห้าจักรพรรดิบนโลกซ้อนโลก”

ดังนั้นค่ายกลคุ้มครองสำนักและผนึกป้องกันของยอดเขาอนัตตา ความจริงแล้วยังแข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดเขาอัศจรรย์

ถ้าจักรพรรดิเอกภพกำเนิดเฝ้าสำนักของตัวเอง จะมีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ ถึงแม้จะไม่มีอาวุธเซียน แต่ต่อให้จักรพรรดิเซียนจริงแท้คนอื่นมีอาวุธเซียนอยู่ในมือ ก็ยากจะได้ชัย

ในเขาคุนหลุน ความได้เปรียบด้านชัยภูมิของยอดเขาอนัตตา เกรงว่าจะเป็นรองแค่นิวาสสถานของสามกษัตริย์เท่านั้น

“น่าเสียดาย ดูท่าทางแล้วจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจะไม่อยู่” อาหู่ป้องตามองไปไกล ดูยอดเขาอนัตตาที่ต้านทานเยี่ยนจ้าวเกอด้วยพลังทั้งหมด

เขาเกาศีรษะ กล่าวอย่างกระจ่างแจ้ง “หรือเป็นเพราะกลัวว่าประมุขตระกูลกับคุณชาย รวมถึงประมุขเนี่ยแห่งทิศใต้จะบุกมาพร้อมกันทีเดียว ถ้ามีกระบี่เปิดกำเนิดอีก เขาเกรงว่าจะไม่มีที่หลบหนีแล้ว”

“ถึงจักรพรรดิเอกภพจะไม่อยู่ กระนั้นแค่ค่ายกลโคจรด้วยตัวมันเองก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว ยอดเขาอนัตตาไม่ด้อยกว่ายอดเขาอัศจรรย์” หวังผู่ยิ้มอย่างหนักใจอีกรอบ ก้มมองกระบี่เปิดกำเนิดในมือ “สังหารประมุขปฐวีไปยังไม่พอ วันนี้ยังจำเป็นต้องยอดเขาอนัตตาอีกหรือ”

“ท่านหวังคิดมากไปแล้ว” อาหู่ยามนี้หัวเราะอย่างสัตย์ซื่อ “ในเมื่อจักรพรดริเอกภพกำเนิดไม่อยู่ คุณชายย่อมไม่ต้องยืมกระบี่เปิดกำเนิด”

“ส่วนสภาวะค่ายกลตรงหน้านี้…”

เสียงของอาหู่ยังไม่ทันขาด หวังผู่ก็อ้าปากตาค้าง

เยี่ยนจ้าวเกอกดฝ่ามือ สะกดการเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งห้าที่อยู่เบื้องล่าง

ขณะที่พูด สภาวะรอยตราพลิกนภาของมือขวาก็ยังคงกดใส่ค่ายกลจากเบื้องบน

จากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ตั้งนิ้วชี้นิ้วกลางข้างซ้ายเป็นกระบี่ วาดกลางความว่างเปล่าทีหนึ่ง

เต่างูขดตัวหากัน หยินหยางโอบผสาน ปรากฏเป็นสภาวะเสวียนอู่ก่อน

จากนั้นเสวียนอู่มีโลหิตพุ่งกระฉูด ประกายกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงร่วงหล่นใส่ค่ายกลคุ้มครองสำนักดุจห่าฝน

บนยอดเขาอนัตตามีคนผู้หนึ่งเผยโฉม น้ำเสียงชิงชัง “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าข่มเหงผู้คนเกินไปแล้ว เขาคุนหลุนเป็นที่ที่เจ้าอาละวาดได้หรือ”

“อาจารย์ท่านมาเยือนทะเลหวงเจียถึงสองครั้ง ข้าเพิ่งมายอดเขาอนัตตาเป็นครั้งแรก ใช้คำว่าข่มเหงคนเกินไปได้อย่างไร” เยี่ยนจ้าวเกอากล่าวด้วยรอยยิ้ม สภาวะกระบี่พลันเปลี่ยนแปลง “ข้าจะอาละวาดในเขาคุนหลุนได้หรือไม่ บอกไม่ได้ แต่พวกท่านย่อมทำไม่ได้”

หลังจากท่าสังหารเสวียนอู่ ก็เป็นท่าสังหารมังกรเขียว

เป้าหมายคือเสาปราณสีเขียวซึ่งเป็นหนึ่งในเสาปราณห้าเสาซึ่งค้ำยันค่ายกลนั้น

ค่ายกลที่อ่อนแอลงเพราะถูกท่าสังหารเสวียนอู่ ตอนนี้เจอการโจมตีจากท่าสังหารมังกรเขียวอีกรอบ

เสาปราณสีเขียวเป็นปราณวิญญาณกำเนิดธาตุไม้ในปัญจธาตุ เกรงกลัวท่าสังหารมังกรเขียวมากที่สุด

เมื่อห้าปัญจธาตุหมุนวน เชื่อมต่อกันและกัน เดิมทีไม่อาจถูกสะกดง่ายถึงเพียงนั้น

แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็บรรลุการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลเช่นกัน ท่ากระบี่ไม่ใช่เป็นการฝืนโจมตีอยางเดียว แต่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ค้นหาจุดเปราะบางของค่ายกลยอดเขาอนัตตาเพื่อลงมือ

สังหารเสวียนอู่กับสังหารมังกรเขียว สองกระบี่สอดประสาน ทำลายล้างคู่ต่อสู้ดุจห่าฝนพายุคลั่ง

ผู้ที่คุมค่ายกลถึงอย่างไรไม่ใช่จักรพรรดิเอกภพ พยายามกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลอย่างเต็มที่ แต่จะเปลี่ยนแปลงเหนือกว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร

ยิ่งสู้กันมากเท่าไร เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งเข้าใจค่ายกลนี้มากเท่านั้น

พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ค่ายกลยอดเขาอนัตตาก็เปลี่ยนแปลงไม่ทัน สู้ความเร็วการออกกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้

ท่าสังหารมังกรเขียวอันน่าสะพรึงฟันใส่เสาปราณสีเขียวจนขาดลงในกระบี่เดียว

การโคจรของห้าปัญจธาตุถูกทำลาย พลังโดยรวมของค่ายกลพลันตกฮวบ

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าสังหารเสวียนอู่อีกครั้ง ฟันเสาปราณอีกสี่ต้น

สุดท้าย มือขวาที่กดค้างอยู่ด้านบนมาโดยตลอดก็พลันตบลงไป!

ค่ายกลที่คุ้มครองยอดเขาอนัตตาแหลกสลายโดยสิ้นเชิง!

………………..