ภาค 12 เทวกษัตริย์ไร้เทียมทาน บทที่ 1171 ทำลายเขาของท่าน ถอนต้นไม้ของท่าน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ภายใต้การกดทับจากรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ ค่ายกลที่สั่นคลอนในที่สุดก็พังทลายลง

เสาปราณห้าสายล้วนมลายสิน ปราณวิญญาณอันเต็มเปี่ยมสูญสลาย วังวนยักษ์ห้ากลุ่มเบียดใส่กันจนกลายเป็นกลุ่มเดียว แทบจะกลืนกินยอดเขาอนัตตา

พายุปราณวิญญาณที่โกลาหลนี้ทำให้คนบนยอดเขาอนัตตายังแทบเอาตัวไม่รอด

“ในเมื่อจักรพรรดิเอกภพไม่อยู่ ข้าไม่สร้างความลำบากแก่ผู้น้อยอย่างพวกท่าน แต่ว่ายอดเขาอนัตตานี้ไม่อาจเก็บไว้”

เยี่ยนจ้าวเกอไพล่สองมือไว้ด้านหลัง พลิ้วร่างถึงยอดเขาอย่างเนิบนาบ

ตอนนี้ลูกศิษย์ยอดเขาอนัตตา ศิษย์ของจักรพรรดิเอกภพได้แต่หนีออกจากเขา ไม่อาจหันหลังกลับ

พอถึงตอนนี้ ไม่ว่าใครต่างก็ดูออกว่าหากกล้ารั้งอยู่บนเขา ก็เกรงว่าจะต้องถูกฝังร่างไปพร้อมกับสำนัก

ไม่มีคนร่ำร้องด่าทอ อยู่ห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอเท่าไรยิ่งดี

หากเวลานี้ยังปากกล้า ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ ยังอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ ไปถึงตำแหน่งตรงกลางสุดของยอดเขาหลักของยอดเขาอนัตตา

ที่นี่มีอารามแห่งหนึ่ง เป็นที่บำเพ็ญของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด

เยี่ยนจ้าวเกอทำลายผนึกป้องกันด้านนอก เดินเข้าไปข้างในอย่างสงบนิ่ง ไม่เหลือบแลสิ่งของอย่างอื่น ตัดทะลุไปถึงตึกหลัง

ต้นไม้โบราญสูงเทียมฟ้าที่กิ่งใบทอแสงสีเขียวจางๆ ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านเงียบๆ อยู่ในนี้

‘น่าเสียดายไม่ใช่ต้นผลคนของแท้ แต่เกิดจากการทาบกิ่ง ปราณวิญญาณของผลด้อยกว่าไม่น้อย แต่ก็ยังนับว่าหายากยิ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เอื้อมมืออกไป จากนั้นก็หุบนิ้วทั้งห้า

เหมือนกับมือขนาดยักษ์ไร้รูปร่างข้างหนึ่งโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วถอนรากของต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าต้นนั้นออกมา

รากของมันเหมือนกับทะลุยอดเขาอนัตตา หยั่งลึกไปใต้ดิน แต่ตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอดึงออกมาพร้อมกับหินภูเขาและดินโคลน

พร้อมกับการเคลื่อนไหวนี้ ยอดเขาอนัตตาขนาดมหึมาก็โยกคลอนอยางรุนแรง ภูเขาทั้งลูกเริ่มถล่ม!

เยี่ยนจ้าวเกอกระทืบเท้าเป็นครั้งสุดท้าย เขาเซียนที่มีชื่อเสียงในเขาคุนหลุนมาหลายปีก็พังทลายลง ถูกทำลายราบพณาสูร สาบสูญไม่คงอยู่อีก!

บนเมฆที่อยู่ห่างออกไป หวังผู่กับอาหู่มองไป เห็นในเทือกเขาคุนหลุนเกิดผงคลีลอยคลุ้ง เทือกเขาทั้งสายที่มียอดเขาอนัตตาเป็นศูนย์กลางลดต่ำลงไปพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมือประคองต้นไม้ยักษ์ที่ใหญ่กว่าเขาไม่รู้กี่เท่า เหยียบย่างอากาศเดินออกมาจากในเทือกเขาที่ถล่มทลาย กลับถึงเบื้องหน้าหวังผู่กับอาหู่อีกครา

“ศิษย์น้องเยี่ยน จำเป็นต้องพูดว่า ข้าเกือบลืมไปแล้วว่ามรรคาค่ายกลของเจ้าก็มีระดับสูงล้ำเช่นนี้เหมือนกัน” หวังผู่พูดด้วยรอยยิ้มขื่นขม

ความจริงไม่ใช่เขาลืมแล้ว แต่หลายปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอมีการแสดงออกในด้านอื่นละลานตาเกินไป

ไม่เพียงแต่มีพลังส่วนตัวล้ำเลิศ สะกดจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำโดยอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายเท่านั้น

มิหนำซ้ำด้านมรรคาหลอมอุปกรณ์ ยิ่งทำให้ผู้คนอ้าปากตาค้าง ต้องทอดถอนใจว่าตนเป็นเพียงฝุ่นผง

พึ่งพาตัวเองประคับระคองตึกความลับฟ้า เกาะกุมหัวใจของคนบนโลกซ้อนโลก ทำให้ของวิเศษที่สาบปสูญไปหลายปีปรากฏโฉมขึ้นอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวรยุทธ์ หรือหลอมอุปกรณ์ เดิมทีเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและสมาธิมหาศาล

คนอื่นๆ แม้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ หรือพยายามอย่างยากลำบาก หากมีความสำเร็จเท่าเยี่ยนจ้าวเกอในด้านใดด้านหนึ่งได้ ก็ถือว่าสั่นสะเทือนใต้หล้าได้แล้ว

แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนวรยุทธ์หรือหลอมอุปกรณ์ ก็ล้วนอยู่เหนือกว่าทุกคนทั้งสิ้น

จนทำให้หวังผู่มองข้ามไปโดยไม่ได้ตั้งใจว่า ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะสร้างตึกความลับฟ้าขึ้น ตอนที่เขายังเคลื่อนไหวอยู่แค่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้กับฝั่งทิศใต้ เขาอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงก็เคยกลบฝังจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนกลุ่มหนึ่งด้วยค่ายกลแม่งน้ำเหลืองเก้าโค้งมาก่อนแล้ว

เป็นเพราะรู้สึกว่าการร่ำเรียนวรยุทธ์และการหลอมอุปกรณ์ก็โดดเด่นขนาดนี้แล้ว ในด้านอื่นๆ คงไม่มีสมาธิไปดูแลกระมัง

แต่ตอนนี้หวังผู่ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ความคิดนี้ผิดพลาดอย่างรุนแรง

‘ไม่ ความคิดนี้เดิมทีไม่ผิดพลาด’ หวังผู่หัวเราะหนักใจ ‘หากเป็นคนอื่นถือว่าไม่ผิดพลาด เพียงแต่พอเป็นศิษย์น้องเยี่ยนจึงผิดพลาด’

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้หวังผู่ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่หวัง รอนานแล้ว”

จากนั้นเขาก็มองไปยังอาหู่ พูดว่า “นำต้นไม้ต้นนี้ไปยังเขตสุราลัยบูรพา มอบให้บิดาข้าจัดการ”

นี่ไม่ต้องถามไถ่พวกหวังผู่ เมื่อเมื่อต้นออกผลย่อมไม่ลืมเขานครหยก

เยี่ยนจ้าวเกอยกสองมือขึ้น จากนั้นก็หุบเข้าหากันตรงกลาง ต้นไม้ขนาดมหึมาที่ใหญ่จนทะลุฟ้าทะลวงดินพลันหดลงเท่าต้ากล้าเล็กๆ

ปราณสีขาวดำลอยวนเวียนรอบต้นกล้าเล็กๆ ควบคุมไม่ให้มันกลับสู่ขนาดเดิม

จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มอบต้นกล้าให้แก่อากหู่

“คุณชาย ท่านคิดจะไปยังผากิเลนหรือไม่” อาหู่รับต้นกล้ามา บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสัตย์ซื่อ แต่ดวงตาฉายแววโลภสมบัติอย่างเต็มที่

หวังผู่มุมปากกระตุก มองนายบ่าวเบื้องหน้าอย่างหมดคำพูดอยู่บ้าง

“ผากิเลนหรือ ที่นั่นยังไม่ไป เอาไว้ทีหลัง” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ กล่าวอย่างไม่นำพา

พอได้ยินประโยคหน้า หวังผู่ก็โล่งอก แต่พอฟังประโยคหลัง ก็ปวดฟันขึ้นมาอีกครั้ง

“แต่คุณชาย กษัตริย์ดินไม่อยู่ กษัตริย์เร้นลับเข้าฌาน ประมุขปฐวียังถูกท่านสังหารทิ้งนอกเขาคุนหลุน วันนี้ผากิเลนเป็นมังกรไร้หัวแล้ว” อาหู่กล่าวอย่างสงสัย

หวังผู่หัวเราะอย่างขื่นขมเสียงหนึ่ง “เป็นเพราะที่นั่นเป็นที่อยู่ของเซียนลี้ลับ ผนึกป้องกันกับค่ยกลสำนักต่างเป็นกษัตริย์ดินสร้างขึ้นในฐานะเซียนลี้ลับสงบนิ่ง แตกต่างกับยอดเขาอนัตตา ต่อให้ไม่มีคนควบคุม จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นพวกเราก็ยากจะทำอะไรมันได้ นอกเสียจากว่ากษัตริย์ดินจะเสียชีวิต ที่นั่นไร้คนดูแล ถูกกาลเวลาชำระล้างอย่างน้อยสุดพันปีขึ้นไปหรือนานกว่านั้น กลายเป็นนิวาสสถานร้างแห่งหนึ่ง พวกเราบางทีอาจเข้าไปได้”

อาหู่กะพริบตาปริบๆ มองหวังผู่ อ้าปากคิดกล่าวอะไร แต่ก็กลืนกลับไปอีกรอบ

แต่หวังผู่เข้าใจความหมายของเขา รอยยิ้มหนักใจบนใบหน้ายิ่งเข้มข้นกว่าเดิม “มีกระบี่เปิดกำเนิดก็ไม่ไหวเช่นกัน นอกเสียจากว่าจะมียอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนที่แท้จริงควบคุมกระบี่เปิดกำเนิด”

“คุณชาย ถ้าท่านเลื่อนสู่ระดับประมุขเล่า” อาหู่ถามเงียบๆ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ “ในพิธีเปิดสำนัก ประกายกระบี่ที่อาจารย์ลุงเยว่ส่งกลับมาในตอนนั้น เจ้าได้เห็นแล้วใช่หรือไม่”

อาหู่พยักหน้า “แข็งแกร่ง น่ากลัว พวกจักรพรรดิเอกภพไม่อาจตอบโต้

“มิหนำซ้ำอาจารย์ลุงเยว่ตอนนั้นยังไม่ได้เอาจริง” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น สมมติว่าโลกใบนี้มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่มีพลังแข็งแกร่งสุดขีด มากพอจะโค่นล้มความรู้ของคนทั่วไป ถึงแม้ไม่อาจทำร้ายเซียนจริงแท้ที่ผ่านภัยพิบัติมนุษย์เซียนสำเร็จ แต่กลับทุบตีเซียนจริงแท้ได้เหมือนตีลูกหนัง อยากจะทำอะไรก็ทำได้”

“อย่างน้อยดูจากสถานการณ์ เหมือนว่าหากทุบตีเซียนลี้ลับจะมีสภาพเดียวกับเซียนจริงแท้ใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถามกลับ

อาหู่อดพยักหน้าไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “แต่ว่าถ้าหากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไปสู้กับเซียนลี้ลับสักคน ผลลัพธ์มีแต่ทนทานไม่ได้”

“ทำไมกัน” อาหู่เกาศีรษะ ถามอย่างอึดอัด

“เป็นเพราะเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ เซียนลี้ลับสงบนิ่ง”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เอ่ยว่า “ไร้ช่องโหว่กับสงบนิ่ง สำหรับคนในโลกมนุษย์แล้วเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่างเซียนจริงแท้กับเซียนลี้ลับ ไม่เกี่ยวข้องกับวรยุทธ์ การฝึกฝน หรือความเข้าใจ ไม่เกี่ยวกับพรสวรรค์ สติปัญญา และคุณสมบัติร่างกายเช่นกัน แต่เป็นหลักการกฎเกณฑ์ในธรรมชาติ ไม่อาจหลุดพ้น ได้แต่ต้องทำตาม ถ้าหากหลุดพ้นได้ เช่นนั้นเซียนลี้ลับคงไม่นับเป็นอย่างไรแต่แรก”

………………..