ตอนที่ 1702 กึ่งสันโดษ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าถอดสี เธอรู้จักตระกูลโอหยางเป็นอย่างดี นั่นเป็นถึงตระกูลนักธุรกิจที่คนอย่างพวกเขาต้องแหงนหน้าขึ้นมองเชียวล่ะ ฉีฉีเก๋อตกอยู่ในกำมือของพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
ชื่อเสียงในเมืองหลวงของโอหยางสยงไม่ดีเท่าไรเลย!
ฉางชิงซงไม่เคยได้ยินชื่อลุงหลานโอหยาง แต่พอได้เห็นท่าทีเคร่งขรึมของเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ได้ทันทีว่าลุงหลานคู่นี้ต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ ใจก็พลอยดิ่งวูบ
อิงจวี้กังกลับพูดอย่างไร้เดียงสา “ในเมื่อรู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน พวกเราก็ไปเอาตัวคนของเรากันเถอะ!”
“เพี๊ยะ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหวี่ยงฝ่ามือฟาดลงไปอีกครั้งตวาดขึ้น “นายคิดว่านี่เป็นการไปเยี่ยมผู้คนในหมู่บ้านพวกนายหรือไง พูดง่ายดีนี่ นายรู้ที่มาที่ไปของตระกูลโอหยางไหม? แค่เขาชี้นิ้วสั่งก็กำจัดนายจนไม่เหลือซากแล้ว!”
ฉางชิงซงสีหน้าแทบดูไม่ได้ พอเขาได้ฟังก็เข้าใจ ลุงหลานโอหยางคงจะเป็นดั่งบุคคลในแวดวงตำนานสินะ!
นักเรียนจน ๆที่ไร้ยศไร้อำนาจอย่างพวกเขา ไม่อาจยั่วโมโหคนพวกนี้ได้จริง ๆ!
แล้วฉีฉีเก๋อจะทำอย่างไรดีล่ะ?
จะต้องถูกพวกลูกหลานเศรษฐีทำลายไปแบบนี้จริง ๆเหรอ?
เหมยเหมยถอนหายใจพูดด้วยความกังวล “ลุงหลานคู่นี้มีความแค้นกับฉัน ถ้าพวกมันรู้ว่าฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนของฉัน สถานการณ์ก็จะยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกไม่ถึงว่าจะมีเงื่อนงำแบบนี้อยู่ ไม่แปลกเลยที่เหมยเหมยจะมีสีหน้าไม่สู้ดี
“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” ฉางชิงซงกังวลยิ่งกว่าเดิม กระวนกรวายจนดวงตาแดงก่ำ
พอเหมยเหมยเห็นก็รู้สึกแปลกใจ ฉางชิงซงรู้สึกดีกับฉีฉีเก๋อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในหัวมีแต่เรื่องของฉีฉีเก๋อเต็มไปหมด
“ฉันขอคุยโทรศัพท์ก่อน” เหมยเหมยกัดฟันกรอด ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้วคงต้องพึ่งเฮ่อเหลียนเช่อแล้วล่ะ
บุญคุณที่เคยช่วยเหมยซูหานที่บ้านของฉีฉีเก๋อตอนนั้นคงต้องเอามาใช้ในตอนนี้แหละ
หวังเพียงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่ในเมืองหลวง ไม่งั้นคงต้องบุกเข้าไปช่วยเองแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากทุ่งหญ้า เฮ่อเหลียนเช่อก็เหมือนได้ระเหยหายออกไปจากโลก ไม่มีข่าวคราวใด ๆเลย เหมยซูหานก็ด้วย เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของเหมยซูหานค่อนข้างหนัก เฮ่อเหลียนจึงคอยอยู่เฝ้าเขาพักรักษาตัว ใช้ชีวิตแบบกึ่งสันโดษ
และมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือเฮ่อเหลียนเช่อทะเลาะกับหนิงเฉินเซวียนจนแตกหัก เฮ่อเหลียนเช่อกังวลว่าหนิงเฉินเซวียนจะทำร้ายเหมยซูหานอีกจึงคอยปกป้องเหมยซูหานอยู่ข้างกาย ไม่ปล่อยให้หนิงเฉินเซวียนได้สบโอกาสใช้ประโยชน์อีก
ณ เมืองหลวง เขตชานเมือง
เหมยซูหานคาดผ้ากันเปื้อนลายสก็อตสีน้ำเงินทำมื้อดึกให้เฮ่อเหลียนเช่อในครัว ซึ่งก็คือบะหมี่หมูผักดองอย่างเช่นเคย เฮ่อแหลียนเช่อกินเท่าไรก็ไม่เบื่อ บางครั้งเหมยซูหานคิดจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับอารมณ์เสีย เขาจะกินแต่บะหมี่หมูผักดอง
บะหมี่ต้มสุกอย่างรวดเร็ว บะหมี่เส้นเล็กสีขาวราวเส้นใยเงินก็มิปาน ผักดองสีเขียวเข้มและหมูสับสีน้ำตาลอ่อน น้ำมันที่ลอยอยู่เหนือชามเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เหมยซูหานยังทำยำแตงกวาด้วยอีกหนึ่งจาน
แตงกวาเพิ่งหยิบออกมาจากตู้เย็นหมาด ๆทั้งเย็นทั้งกรอบ โรยด้วยกระเทียมชั้นดี น้ำมันงาและน้ำส้มสายชู สดชื่นและเรียกน้ำย่อยมาก เฮ่อเหลียนเช่อชอบกินมาก
ช่วงนี้ได้ตั้งช่วงเวลาอาหารทั้งสามมื้อไว้ เฮ่อเหลียนเช่อจึงไม่มีอาการปวดท้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำยังอ้วนขึ้นเล็กน้อยเหมยซูหานจึงดีใจเหลือเกิน
“อาเช่อ กินบะหมี่สิ” เสียงหวานใสไพเราะที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน เดิมทีเสียงที่เหมือนดั่งเสียงน้ำใสในสายธารแต่กลับถูกหินแหลมคมบาดเข้าจนกลายเป็นเสียงที่แหบพร่า
เฮ่อเหลียนเช่อเงยหน้าขึ้นยิ้ม อ้วนขึ้นและขาวขึ้นด้วย ความกลัดกลุ้มตรงหว่างคิ้วก็หายไปมากเช่นกัน เขาเหลือบเห็นรอยแผลเป็นสีม่วงอมแดงตรงช่วงลูกกระเดือกของเหมยซูหานก็เหมือนถูกมีดปลายแหลมทิ่มแทงใจ เจ็บแสบในทรวง
“หอมจัง บะหมี่ที่นายทำหอมฉุยเชียว”
เฮ่อเหลียนเช่อรับมาแล้วตักบะหมี่ขึ้นมากินคำโต บะหมี่หนึ่งคำแตงกวาหนึ่งคำอย่างเอร็ดอร่อย เหมยซูหานยิ้มและมองดูด้วยท่าทีพึงพอใจ บรรยากาศพลันอบอุ่นไปทั่วทุกอณู
โทรศัพท์สายด่วนดังขึ้น ซึ่งเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อที่โทรเข้ามา “คุณชายเช่อ จ้าวเหมยบอกว่ามีเรื่องสำคัญขอคุยกับคุณชายครับให้โอนสายเข้ามาไหมครับ?”
………………………………………..
ตอนที่ 1703 เรื่องเหลวไหลให้นายทำ
เฮ่อเหลียนเช่อตะโกนตอบอย่างไม่คิด “โอนสายอะไร? ต่อไปนี้เรื่องไร้สาระเล็กน้อยพวกนี้ไม่ต้องมาขอความเห็น ปฏิเสธไปเลย!”
เหอะ แค่ได้ยินชื่อจ้าวเหมยสองคำนี้ก็โมโหแล้ว
ไอ้หนุ่มที่มาเคาะประตูนี่มีแต่ตาหามีแววเลยสักนิด พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนคน!
ลูกน้องเขาหน้าซีดราวขี้เถ้าปิดประตูเตรียมถอย แต่เหมยซูหานเรียกเขาไว้ จ้องเฮ่อเหลียนเช่ออย่างโมโหพลางพูดเสียงอ่อนกับลูกน้องว่า “โอนสายเข้ามาเถอะ!”
เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างอารมณ์เสีย “ทำไมต้องโอนสายเข้ามาด้วย?”
“เธอโทรมาดึกดื่นขนาดนี้จะต้องมีเรื่องสำคัญแน่ จะไม่ให้รับสายได้อย่างไร!”
เหมยซูหานพูดจาไพเราะ เห็นเฮ่อเหลียนเช่อยังคงตีหน้านิ่งขรึมจึงพูดอีกว่า “จ้าวเหมยเป็นถึงผู้มีพระคุณของฉันนะ”
“โอนมา โอนสายมา แต่ฉันต้องเป็นคนรับสาย นายนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ” เฮ่อเหลียนเช่อจำต้องให้ความร่วมมือ แต่กลับใจแคบไม่ให้เหมยซูหานพูดคุยกับจ้าวเหมย
เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ แค่ยอมรับสายก็พอแล้ว ใครรับสายก็เหมือนกัน
ทางด้านเหมยเหมยก็ร้อนใจมาก แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่ในเมืองหลวงแต่โทรศัพท์ก็ถูกโอนสายอยู่หลายต่อหลายครั้ง หาตัวยากเสียยิ่งกว่านายใหญ่อีกกว่าเจ้าหมอนี่รับสายได้
“มีเรื่องไร้สาระ…มีอะไรก็รีบพูดมา!” เฮ่อเหลียนไม่ได้พูดดีนัก แต่ข้างกายกลับมีเสียงแหบพร่าดังขึ้น “อาเช่อ…”
น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อจึงอ่อนลง “มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน?”
เหมยเหมยจึงไม่พูดพร่ำเพรื่ออะไรกับเขาอีก พูดออกไปตรง ๆว่า “พวกโอหยางปินลักพาตัวเพื่อนของฉันไป เฮ่อเหลียนเช่อนายช่วยพูดกับพวกนั้นที บอกให้พวกเขาปล่อยเพื่อนของฉันหน่อย”
เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะยกใหญ่ “เธอใหญ่มาจากไหน? ถึงกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน? เพื่อนเธอจะเป็นจะตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ผู้ชายของเธอมีความสามารถมากไม่ใช่เหรอ? เธอให้คนแซ่เหยียนนั่นไปช่วยสิ มาบอกคนอย่างฉันทำไม?”
เหมยซูหานหยิกแผ่นหลังเขาด้วยความโมโห อยากจะแย่งโทรศัพท์มา แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับยกโทรศัพท์ขึ้นสูงไม่ยอมให้เหมยซูหานเลยดูอารมณ์ดีไม่น้อยเลย
วันพระไม่ได้มีหนเดียวนี่ ผู้หญิงของเหยียนหมิงซุ่นมาขอร้องเขา บ่งบอกได้ดีทีเดียวเลยว่าผู้ชายอย่างเหยียนหมิงซุ่นไร้ประโยชน์!
เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “เฮ่อเหลียนเช่อ นายจะทำตัวเป็นคนชั้นต่ำที่ลืมบุญคุณคนเหรอ? ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉัน ตอนนี้นายก็คงอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปแล้ว”
เฮ่อเหลียนเช่อสะอึกทันที สีหน้านิ่งขรึม ยังไม่ทันคิดออกว่าจะตอกกลับว่าอย่างไร เหมยเหมยก็พูดขึ้นอีกว่า “หรือว่าในใจของนายเหมยซูหานไม่สำคัญเลยงั้นสิ? เพราะงั้นฉันช่วยชีวิตเขาไว้ สำหรับนายแล้วจะมีหรือไม่มีเขาก็ได้งั้นเหรอ?”
“ไร้สาระ ฉันพูดเสียเมื่อไหร่ว่าจะไม่ช่วย!” เฮ่อเหลียนเช่อสังเกตเห็นสีหน้าของเหมยซูหานที่ไม่เป็นปกติ จึงรีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วปิดแฮนด์ฟรี
นางชั่วช้าจ้าวเหมยพูดจามีไหวพริบดีนะ ถ้าปล่อยให้เธอชวนทะเลาะต่อไป เหมยซูหานจะต้องโกรธเขาแน่
เหมยเหมยโล่งใจ มุมปากยกยิ้ม “อืม งั้นฉันจะอยู่ที่บ้านรอฟังข่าวดีจากนาย”
เฮ่อเหลียนเช่อสบถ รู้สึกอึดอัดใจชะมัดจึงพูดกระแนะกระแหนอย่างห้ามไม่ได้ “เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม? เรื่องไร้สาระแค่นี้ก็ทำไม่ได้”
“พี่หมิงซุ่นทำแต่เรื่องใหญ่ที่สำคัญ เรื่องไร้สาระพรรค์นี้คงต้องรบกวนคนอย่างนายแล้วล่ะ!” เหมยเหมยเย้ยหยันต่อปากต่อคำ
คนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อถึงแม้จะทั้งวิปริตทั้งกระหายเลือด แต่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อเขารับปากที่จะช่วยแล้ว นั่นก็ยืนยันได้ว่าเขาจะทำให้สำเร็จ ดังนั้นเธอถึงได้วางใจและกล้าที่จะต่อกรกลับ
“เคร้ง!”
โทรศัพท์ถูกวางใส่อย่างแรง เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปากพูดกับพวกฉางชิงซงว่า “วางใจเถอะ อีกไม่นานฉีฉีเก๋อก็จะกลับมา”
สองลุงหลานโอหยางปินเป็นหมาที่เฮ่อเหลียนเช่อเลี้ยงไว้ เจ้านายออกคำสั่ง พวกเขากล้าที่จะขัดเหรอ?
ฉางชิงซงรอด้วยความร่าเริง รู้สึกโล่งใจไปมาก แต่ในเมื่อยังไม่เจอเจ้าตัวก็ยังไม่อาจวางใจได้ เขาจึงยังนั่งอย่างไม่เป็นสุข
……………………………………………………………………