ตอนที่ 2524 ที่มาเดียวกัน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาได้ใหม่ๆ นั้นมันยังไม่ถูกนับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์บนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดใดๆ

ต่อให้จะเป็นเหล่าคนชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นเองก็ยังจัดการพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่าเสือสองปีกเขย่าสวรรค์นั้นมันจะไม่ได้เป็นสัตว์ที่ร้ายกาจมากมายแต่การจะฉีกร่างของเย่หยวนออกเป็นชิ้นๆ นั้นมันก็แสนง่ายดาย

เพียงแค่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับตรงกันข้าม

เย่หยวนนั้นกลับสังหารมันด้วยหมัดเดียว!

มีหรือที่พวกเขาจะรู้ได้ว่าเย่หยวนนั้นมิใช่แค่ผู้บรรลุสวรรค์ทั่วๆ ไป?

ผู้บรรลุคนอื่นๆ นั้นมักจะมีพลังแห่งกฎรุนแรงติดตัวมาเพียงหนึ่งอย่าง

แต่เย่หยวนนั้นแม้จะไม่นับเต๋าโอสถ เขาก็ยังมีพลังแห่งกฎอีกถึงสี่อย่าง!

ที่สำคัญมันยังเป็นสี่อย่างที่ผสานกันไว้แล้ว!

กำลังของเขานั้นมันแย่เสียยิ่งกว่าแย่หากเอาไปเทียบกับยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุดอย่างจุนเถียน

แต่หากเทียบกับชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นแล้ว มันย่อมจะแข็งแกร่งอย่างมาก!

หลายเดือนที่เขาเร่ร่อนหาทางออกป่าหมึกเรืองมานี้เย่หยวนเองก็เริ่มที่จะปรับตัวรับแรงกดดันแห่งกฎของที่แห่งนี้ได้แล้ว

นอกจากกฎแห่งกาลเวลาแล้ว เย่หยวนสามารถจะใช้กฎอีกสามอย่างได้เต็มที่

เช่นนั้นแล้วการสังหารเสือสองปีกเขย่าสวรรค์มันจะเป็นเรื่องยากใด?

ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นหันมามองหน้ากันด้วยความอับอายและคับแค้นสุดตัว

เพียะ!

เพียะ!

คนทั้งสองหันไปตบหน้าลูกน้องของตนพร้อมๆ กัน “เจ้าไร้ประโยชน์!”

กุ้ยเทียนหยูเดินมาหยุดลงตรงหน้าเย่หยวนก่อนจะร้องลั่น “เด็กน้อย แค่สังหารเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ลงได้เจ้าอย่าคิดว่ามันเหนือล้ำใด! สิ่งนี้แค่ข้าพ่นลมปากใส่มันก็ตายลงแล้ว! มดมันก็ยังเป็นมดอยู่วันยันค่ำ!”

เย่หยวนยกร่างของเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ขึ้นมาก่อนจะตอบไปด้วยรอยยิ้ม “เอาสิ เป่ามันหน่อย”

กุ้ยเทียนหยูหน้าดำมืดลงทันทีคิดอยากสังหารเย่หยวนลงให้ตายๆ ไปเสีย

เวลานี้แม้แต่ตัวหยางเสว่เจินที่ทำหน้าอมทุกข์มาตลอดทางก็ยังอดหัวเราะขึ้นไม่ได้

พ่นลมสังหารนั้นมันย่อมจะเป็นการโม้โอ้อวด

กุ้ยเทียนหยูนั้นย่อมเก่งกาจพอจะสังหารนักยุทธจากมหาพิภพถงเทียนด้วยแค่ลมหายใจ

แต่ไม่ว่ามันจะอ่อนแอแค่ไหนตัวเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ก็ยังเป็นถึงภูติแท้!

ภูติแท้นั้นมันมีระดับพลังเทียบชั้นบรรยากาศสวรรค์

มันมิใช่เรื่องยากหากกุ้ยเทียนหยูคิดจะสังหารเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ลง แต่การใช้แค่ลมหายใจนั้นคงเป็นการโม้เกินจริงแล้ว

หลังจากเรื่องราวจบลงหยางเสว่เจินก็ลากตัวเย่หยวนไปคุยด้วย

ได้เห็นเช่นนั้นไฟแค้นของลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูก็ยิ่งจะรุ่มร้อนขึ้นมา

หยางเสว่เจินนั้นมีรูปงามอย่างมาก นางนั้นนับได้ว่าเป็นสาวงามล่มเมืองคนหนึ่งที่มีใบหน้าท่าทางสูงส่งทำให้คนไม่กล้าจะเข้าใกล้ง่ายๆ

“วันพรุ่งนี้เราจะออกจากเขตของป่าหมึกเรืองแล้ว เราแยกทางกันตอนนั้นเถอะ เหล่านักยุทธของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นต่างดูถูกเหยียดหยามผู้บรรลุสวรรค์อย่างมาก หากมิใช่เพราะข้านั้นศิษย์พี่ทั้งสองของข้าคงสังหารเจ้าไปตั้งแต่แรกเห็นแล้ว หากเจ้าอยากใช้ชีวิตสงบๆ จงเดินทางไปยังดินแดนสวรรค์ห้าแสงเถอะ ที่แห่งนั้นมันคือดินแดนของเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ ดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงนี้มันลำบากเกินกว่าที่เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้” หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนแล้วว่าคลื่นพลังจากร่างของเขานั้นมันต่างจากพวกหยางเสว่เจินไปอย่างสิ้นเชิง สามารถจะแยกออกได้อย่างง่ายดาย

เหมือนว่าบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้เหล่าผู้บรรลุสวรรค์และยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์ท้องถิ่นจะไม่ถูกและด่าแบ่งแยกกันไปอย่างชัดเจน!

มันเหมือนการเป็นคนพื้นถิ่นกับคนต่างถิ่น

ความรู้สึกเหนือล้ำกว่าที่เกิดมาจากชาติกำเนิด

แม้ว่าเย่หยวนจะไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันเหนือล้ำกว่ากันอย่างไรก็ตาม

เย่หยวนตอบกลับไป “ข้านั้นเพิ่งจะขึ้นมาถึงและยังไม่รู้เรื่องราวบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดแม้แต่น้อย แม่นางจะให้เย่ผู้นี้ติดตามท่านไปสักระยะได้หรือไม่? ไม่เช่นนั้นแล้วหากข้าออกเดินทางเองอย่างไม่รู้เรื่องราว มันจะได้ตายอย่างไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป”

“เรื่องนั้น…” หยางเสว่เจินได้แต่พูดอ้ำอึ้ง

คำพูดของเย่หยวนนั้นมันฟังดูสมเหตุสมผลอย่างมาก

เพียงแค่ว่าตอนนี้ตัวนางเองยังเอาตัวไม่รอด มีหรือที่จะเหลือเวลามาดูแลเย่หยวนใดๆ อีก?

เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่คิดให้นางปกป้องตัวเองใดๆ เขานั้นแค่คิดติดตามไปใช้หนี้บุญคุณให้แก่หยางเสว่เจิน

เขานั้นเห็นได้ชัดเจนว่าหยางเสว่เจินเป็นหญิงสาวจิตใจงาม เพียงแค่ว่าครอบครัวของนางเจอปัญหาใหญ่ทำให้นางทำหน้าตาอมทุกข์เช่นนี้มาตลอดทาง

ศิษย์พี่ทั้งสองของนางนั้นเองก็คงไม่มีความคิดที่ดีงามต่อนางนัก

หากเย่หยวนปล่อยให้หยางเสว่เจินจากไปแล้ว มันก็คงเหมือนการส่งเหยื่อเข้าปากเสือ

เย่หยวนผู้นี้ไม่มีทางจะปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นต่อหน้า

“ให้พูดตรงๆ แล้วกลับไปยังอาณาจักรตะวันออกครั้งนี้ ข้าคงมีแต่ศัตรูรายล้อม มันคงอันตรายเกินกว่าที่จะให้เจ้าติดตามไปได้!” หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง

แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มขึ้นมา “สภาพของข้าตอนนี้ไปไหนบ้างเล่าที่มันจะปลอดภัย? สำหรับข้าที่ไม่รู้เรื่องราวอันตรายในโลกนี้ แม่นางนั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี ข้าจึงอยากจะเชื่อแม่นาง”

หยางเสว่เจินหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เช่นนั้น… ก็ได้”

ในค่ำคืนอันเงียบงันนั้นจิตของเย่หยวนมันได้เข้าไปสอดส่องภายในพิภพโกลาหลของเขา มองดูลึกเข้าไปในเขาแห่งถงเทียน

แต่ว่าเขานั้นไม่รู้จะต้องเริ่มอย่างไร

“หลายเดือนมานี้ข้าได้แต่จ้องมองมันมานับหมื่นๆ แสนๆ ครั้งแต่กลับไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำนั้นมันคือสิ่งใด! หรือว่าชะตาของข้ามันจะไม่เข้ากับวิชานี้กัน?”

เย่หยวนนั้นมิใช่คนไร้ความอดทนแต่หลังจากพยายามมาหลายเดือนแต่กลับไม่อาจจะวิเคราะห์ได้แม้แต่เศษเสี้ยว ตัวเขาย่อมจะต้องเกิดความสงสัยขึ้นมา

เขาได้แต่ต้องส่ายหัวสลัดความคิดด้านลบนั้นทิ้งไปก่อนจะจ้องมองดูเขาแห่งถงเทียนทุกรายละเอียด

จนสุดท้ายเย่หยวนก็รู้สึกได้ว่าหนังตาของตนมันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผล็อยหลับไป

ในฝันของเขานั้นตัวเย่หยวนได้มาปรากฏอยู่ในที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีหนังสือใหญ่ยักษ์วางลอยอยู่กลางอากาศ

เจ้าหนังสือนี้มันมีคลื่นพลังสุดแสนโบราณเหมือนได้ผ่านยุคสมัยมามากมายจนสั่นสะท้านทั้งกายวิญญาณ

เย่หยวนสั่นไปทั้งตัวก่อนจะร้องขึ้นมา “สวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำ!”

แต่ไม่นานเขาก็ต้องได้สติก่อนจะยิ้มขึ้นมาอย่างขื่นขม “สิ่งใดที่คิดในตอนกลางวันมันก็จะปรากฏให้เห็นในวันตอนกลางคืน! ข้านั้นกลับฝันเห็นสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำอย่างนั้นหรือ? ดูท่าข้าจะเริ่มถึงทางตันแล้วจริงๆ! แต่จะอย่างไร… ต่อให้มันจะเป็นฝันแต่ข้าก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้!”

เย่หยวนนั้นก้าวเดินออกไปก่อนจะเปิดหน้าหนังสือยักษ์นั้นดู

ว่างเปล่า!

เย่หยวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “สวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำ? หึๆ นี่หรือคือสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำ? มันไม่มีคำบรรยายใดๆ เขียนไว้เลย แล้วคนเราจะบ่มเพาะมันอย่างไรเล่า?”

แต่วินาทีต่อมาภาพตรงหน้าของเย่หยวนก็เปลี่ยนไป

สวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเมฆหมอกแห่งความโกลาหล เย่หยวนที่ถูกมันปกคลุมอยู่นั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอันสุดแสนโบราณ

ราวกับว่าเขานั้นได้กลับมายังยุคแห่งการกำเนิดสวรรค์

ในความโกลาหลนั้นเย่หยวนกลับรู้สึกได้ถึงอากาศอันสุดแสนประหลาดสายหนึ่ง

เย่หยวนหรี่ตาลงมองก่อนจะร้องขึ้นมา “นี่มัน… มันคือวิธีการหมุนลมเป็นกระแสหรือ? เจ้าหมอกโกลาหลนี้มันดูเหมือนตอนที่ข้าเพิ่งสร้างวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมา แต่หากเทียบกันแล้วความโกลาหลของข้ามันกลับเหมือนเป็นแค่เด็กทารกต่อหน้ามัน!”

เย่หยวนนั้นตื่นตะลึงอย่างสุดใจ

เขานั้นได้พบว่าบัญญัติเทพแห่งถงเทียนนั้นกลับมีที่มาใกล้เคียงกับหมอกโกลาหลนี้!

ได้เห็นเช่นนี้เย่หยวนก็รู้สึกได้ว่าที่เขาสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมามันคงมิใช่เรื่องบังเอิญแล้ว

เพราะสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมันเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำ

เย่หยวนนั้นจับสัมผัสของกระแสลมนั้นอย่างจดจ่อไม่คิดปล่อยให้รายละเอียดใดๆ หายไปจากสายตา

แต่ไม่นานเขาก็ไม่อาจจะทนจำมันไปได้อีก!

ซับซ้อนเกินไป!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่ในที่สุดร่างของเย่หยวนก็สั่นสะท้านก่อนจะผุดลุกสะดุ้งตื่นขึ้น

เขานั้นรีบส่งจิตของตนลงไปในโลกใบน้อยพยายามจะหาร่องรอยเพิ่มเติมจากเขาแห่งถงเทียน

แต่น่าเสียดายที่มันกลับน่าผิดหวัง

“ที่แท้มันเป็นแค่ฝันหรอกหรือ?” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยความเสียดาย

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไป

เพราะเขานั้นยังคงจำได้ว่ากระแสลมนั้นมันพัดอย่างไร!

“ภายในร่างกายนั้นคือโลกใบน้อย การหมุนวนของกระแสลมนั้นมันน่าจะเป็นเส้นทางแห่งสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำ!”

เย่หยวนไม่คิดลังเลรีบเปลี่ยนร่างกายของตนให้กลายเป็นดั่งก้อนพลังงานโกลาหลทันที

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ส่งปราณเทวะของตนไหลไปตามกระแสที่จดจำมา!

เมื่อได้ลองหมุนมันครบรอบเย่หยวนก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นทันที!

………………………