ตอนที่ 2523 ไม่ทันได้พูด

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“หึๆ แม้แต่มดมันก็ยังทำหน้าเช่นนี้ได้ มดนั้นมันคงไม่ได้รู้ถึงอันตรายและความตายเป็นแน่!” ลู่หยวนเจี๋ยกล่าวขึ้นมา

เหล่าคนของลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูที่เดินตามมาเองก็หัวเราะขึ้นอย่างดังลั่นป่า

ดูท่าพวกเขาคงได้เห็นเรื่องราวเช่นนี้มาไม่น้อย

สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมันเชื่อมต่อกับโลกเบื้องล่างมากมายหลายหลาก การจะมีนักยุทธจากโลกเบื้องล่างบรรลุขึ้นมาได้มันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด

เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นย่อมจะเป็นยอดคนในโลกเบื้องล่าง

แต่เมื่อขึ้นมาถึงโลกนี้แล้ว พวกเขานั้นจะต่ำตมเสียยิ่งกว่าเศษดิน

เพราะว่าบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มันไม่มีนักยุทธทั่วๆ ไปอยู่เลย

ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์สิ้น

เพราะฉะนั้นความโอหังไม่สนใจใครของเย่หยวนนี้มันจึงดูน่าขำในสายตาของผู้คน

เมื่อกุ้ยเทียนหยูได้เห็นว่าเย่หยวนยังคงไม่คิดสนใจเขานั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กน้อย มาก้มลงกราบต่อหน้านายน้อยผู้นี้แล้วขอโทษเสีย นายน้อยผู้นี้จะยกเว้นชีวิตให้”

เย่หยวนนั้นเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาและกำลังจะพูดแดกดันตอบกลับไปแต่หญิงสาวที่มากับกลุ่มคนทั้งหลายนั้นกลับกล่าวขึ้นมาแทรกก่อน “ศิษย์พี่ทั้งสอง การที่น้องชายผู้นี้จะขึ้นมาจากภพเบื้องล่างนั้นมันย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย ถือว่าเห็นแก่หน้าน้องช่วยปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปสักครั้งจะได้หรือไม่?”

ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นย่อมไม่คิดอยากปล่อยผ่านไปเพราะท่าทางของเย่หยวนนั้นมันกวนส้นเท้าอย่างมาก

เพียงแค่ว่าคนทั้งสองนั้นคิดตามจีบตัวหยางเสว่เจินจึงทำได้แต่ต้องตามใจนางไป

กุ้ยเทียนหยูหัวเราะขึ้นมา “ในเมื่อศิษย์น้องเสว่เจินกล่าวเช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะถือว่าทำบุญปล่อยชีวิตของมันไป”

ลู่หยวนเจี๋ยตอบขึ้นบ้าง “เราจะถือว่าเห็นแก่หน้าศิษย์น้องเสว่เจิน ไสหัวไปเสีย”

หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ศิษย์พี่ทั้งสอง น้องชายท่านนี้ดูท่าคงไม่มีกำลังพอจะออกไปจากป่าด้วยตัวเอง ทำไมเราไม่พาเขาออกไปด้วยกันเล่า?”

คนทั้งสองนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างไม่อยากยอมรับ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะบอกปัดคำขอของหยางเสว่เจินได้

สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงได้แต่พยักหน้ารับออกมาอย่างไม่เต็มใจ

เย่หยวนนั้นหันไปมองตัวหยางเสว่เจินด้วยความตกตะลึงไม่น้อย ไม่นึกฝันว่านางผู้นี้กลับมีจิตใจที่กว้างใหญ่ต่อคนแปลกหน้าได้ปานนี้

เพราะแท้จริงตัวเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ว่าใดๆ ของคนทั้งหลายเลย

แม้ว่าเวลานี้เขาจะยังไม่ได้บ่มเพาะวรยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์หรือวิชายุทธที่ใช้บนโลกนี้ได้แต่เพียงแค่พลังของเขาแห่งถงเทียนมันก็มากพอจะสังหารทุกคนในที่นี้ได้แล้ว

หลายวันมานี้เขาเองก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ เช่นกัน

อย่างน้อยๆ เขานั้นก็เข้าใจวิธีการควบคุมเขาแห่งถงเทียนได้มากขึ้นกว่าตอนสังหารจุนเถียนมาก

พลังของเขาแห่งถงเทียนที่เขาดึงมาใช้ได้เองมันก็เพิ่มพูนขึ้นไปอีกหลายขั้น

คนทั้งหลายตรงหน้าเขานี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังอยู่แค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นกลาง

คนระดับนี้มันไม่มีทางจะหลบรอดจากพลังของเขาแห่งถงเทียนไปได้อย่างเด็ดขาด

เพียงแค่ว่าหากมิจวนตัวจริงๆ แล้วเย่หยวนก็ไม่คิดจะเอาเขาแห่งถงเทียนออกมาใช้

เพราะที่แห่งนี้มันเป็นดินแดนใต้การปกครองของนิกายสวรรค์หยกแท้ หากเขาเอาเขาแห่งถงเทียนออกมาแล้ว เขาย่อมจะต้องสังหารคนทั้งหมดที่ได้เห็นเพื่อปิดปาก

ไม่เช่นนั้นวันหน้ามันจะได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ไป

เย่หยวนนั้นมิใช่คนโหดร้ายไร้มารยาท เขาจึงก้มหัวลงคารวะหยางเสว่เจินก่อนจะกล่าว “ขอบพระคุณแม่นาง”

หยางเสว่เจินยกมือขึ้นมาโบกปัด “มิใช่เรื่องใหญ่ใด”

ดูท่าแล้วนางคงไม่มีอารมณ์จะมาพูดให้มันมากความเป็นแน่

นางนั้นแค่บังเอิญเห็นเย่หยวนจึงคิดช่วย

เย่หยวนเองก็ย่อมจะไม่ขออะไรมากมายไปกว่านั้นและออกเดินตามกลุ่มคนทั้งหลายนั้นไป

ฟ้ามันค่อยๆ มืดลงจนคนทั้งหลายต้องหาที่ค้างแรม

แต่จู่ๆ มันกลับมีเสียงเสียงร้องโฮ่กขึ้นมาลิบๆ

พวกลู่หยวนเจี๋ยนั้นหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มในทันที

“เด็กน้อย คนไม่ทำงานนั้นไม่สมควรจะได้กิน! เรานั้นช่วยปกป้องเจ้ามาตลอดทางแล้ว เวลานี้เจ้าไม่ไปทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับเราบ้างเล่า?” ลู่หยวนเจี๋ยหันไปถามเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม

มีหรือที่เย่หยวนจะไม่รู้ได้ว่าเจ้าหมอนี่กำลังวางแผนร้าย?

แต่เขานั้นเองก็มีกำลังพอจะปกป้องตนเองจึงไม่ได้คิดกลัวใดๆ “เจ้าคิดอยากให้ข้าไปล่าเสือตัวนั้น?”

ลู่หยวนเจี๋ยผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว มันเป็นแค่เสือสองปีกเขย่าสวรรค์ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้น หนึ่งในภูติแท้ที่อ่อนแอที่สุดบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด เราเดินทางกันมาไกลคนทั้งหลายต่างเหนื่อยอ่อนกันสิ้น ทำไมเจ้าไม่ไปล่ามันมาให้ทุกคนได้กินคลายหิวหน่อยเล่า?”

เย่หยวนนั้นยังไม่ทันได้ตอบอะไรแต่หยางเสว่เจินก็กล่าวขัดขึ้นมาก่อน “ศิษย์พี่ลู่ นี่มันจะไม่เป็นการกลั่นแกล้งเขาเกินไปหรือ? เขานั้นยังไม่ทันได้บ่มเพาะขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นเลย มีหรือที่จะไปจัดการกับเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ได้?”

ลู่หยวนเจี๋ยยิ้มตอบกลับมา “ศิษย์น้อง เจ้าเด็กคนนี้มันออกจะวางท่า อย่างน้อยๆ แค่เสือนี้มันก็คงพอรับมือไหวมิใช่หรือ?”

หยางเสว่เจินนั้นยังคิดจะเถียงออกไปแต่ทางกุ้ยเทียนหยูก็กล่าวขึ้นมาเสริม “หึ ศิษย์น้อง มันก็แค่การจับเสือ เจ้าเองก็จะปกป้องมันเกินไปไหม? ที่สำคัญกว่านั้นข้ายังจะให้ลู่ชิงและกุ้ยเฉิงติดตามไปด้วย มันคงไม่ถึงตายหรอก”

หยางเสว่เจินได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นดูท่าคงไม่เห็นด้วยกับคนทั้งสอง

แต่นางนั้นกำลังขอพึ่งพาคนทั้งสองอยู่จึงไม่อาจจะขัดใจพวกเขาได้มากมายเช่นกัน

แต่ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนก็ได้มีโอกาสพูดขึ้นมา “ข้าจะไปเอง!”

เมื่อลู่หยวนเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมา “ต้องอย่างนั้น! การบรรลุเต๋าขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์ได้จากภพเบื้องล่างมันย่อมจะต้องเป็นผู้กล้าแน่นอน! ลู่ชิง กุ้ยเฉิง พวกเจ้าติดตามน้องชายผู้นี้ไปแล้วปกป้องเขาให้ดี! หากเขาไม่อาจจะรับมือเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ไหวพวกเจ้าจงช่วยเหลือเขาเสีย”

ระหว่างที่พูดไปเขาก็เน้นตรงคำว่า ช่วยเหลือ อย่างมาก

หยางเสว่เจินได้แต่ถอนหายใจยาว เย่หยวนนั้นรับปากไปตายเอง นางย่อมจะไม่มีทางช่วยเหลือได้แล้ว

เพราะเวลานี้แม้แต่เรื่องของตนเองนางยังต้องไปขอให้คนอื่นมาช่วย!

หยางเสว่เจินนั้นมิใช่คนโง่เง่า มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความคิดของพวกลู่หยวนเจี๋ย?

เพียงแค่ว่านางนั้นได้แต่คิดกังวลเรื่องการแก้แค้นจนไม่อาจจะไปสนใจชีวิตคนแปลกหน้าได้อีกแล้ว

เย่หยวนนั้นเองก็ไม่ได้คิดพูดคุยให้มากความเดินนำลู่ชิงและกุ้ยเฉิงหายลับไป

ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมาลู่ชิงและกุ้ยเฉิงก็วิ่งกลับมา

เมื่อลู่หยวนเจี๋ยได้เห็นว่ามีแค่พวกเขาทั้งสองที่วิ่งกลับมาเขาก็ย่อมจะเผยอยิ้มขึ้น

แต่ไม่นานเขาก็ปั้นหน้าเครียด

ลู่หยวนเจี๋ยด่าออกไปอย่างไม่รอให้พวกลู่ชิงได้กล่าวรายงานใดๆ “ข้าบอกให้พวกเจ้าดูแลความปลอดภัยของเขามิใช่หรือ? นี่มันอะไรกัน? เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้หรืออย่างไรกัน?”

หยางเสว่เจินนั้นหันไปมองในป่าลึกแต่กลับไม่เห็นเงาร่างของเย่หยวน มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่นางก็ได้แค่ถอนหายใจยาวออกมา

กุ้ยเฉิงนั้นกำลังจะเปิดปากพูดแต่กลับได้ยินเสียงตะโกนของกุ้ยเทียนหยูขึ้นมาขัด “กุ้ยเฉิง เจ้าไร้ค่านี่! เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วเช่นนี้ข้ายังจะเอาหน้าที่ไหนไปช่วยเหลือศิษย์น้องเสว่เจินกัน?”

ลู่หยวนเจี๋ยกล่าวขึ้นมาเสริม “พวกเจ้าทั้งสองมันโง่เกินกว่าที่จะดูแลเด็กหนุ่มคนเดียว! แค่เสือสองปีกเขย่าสวรรค์นั้นเจ้ากลับปล่อยให้มันทำร้ายเขาได้หรือ?”

กุ้ยเทียนหยูกล่าวขึ้นมาเสริมด้วยน้ำเสียงรุ่มร้อน “พวกเจ้ายังจะยืนนิ่งกันทำไมอีก? ทำไมยังไม่รีบมาก้มหัวขอโทษศิษย์น้องเสว่เจิน?”

ลู่ชิงและกุ้ยเฉิงนั้นได้แต่พยายามอ้าปากแต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะพูดทุกครั้งไป

ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นพูดเสริมต่อเนื่องด่าว่าพวกเขากันอย่างไม่เปิดโอกาสให้ลู่ชิงและกุ้ยเฉิงได้มีโอกาสกล่าวใดๆ เลย

ในใจของพวกเขานั้นมันแน่นอนแล้วว่าเย่หยวนคงตายลงแล้ว

“ไม่ต้องขอโทษอะไรกันหรอก พี่ๆ ทั้งสองคนนี้เองก็คงเหนื่อยที่ต้องวิ่งกลับมารายงานก่อน พวกเจ้าเองก็อย่าลืมให้รางวัลพวกเขาเล่า” ในเวลานั้นเองที่มันเกิดเสียงหนึ่งขึ้นมาขัดจังหวะการด่าว่าของคนทั้งสอง

สีหน้าของคนทั้งสองเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นมา

พวกเขานั้นหันไปตามต้นเสียงและได้พบว่าเย่หยวนกำลังแบกเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ไว้บนหลังเดินตรงมายังค่ายพัก

เพียะ!

เพียะ!

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นลู่ชิงและกุ้ยเฉิงก็ถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง

ทั้งลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน “เจ้าโง่ ทำไมไม่พูดมาแต่แรกเล่า?!”

ลู่ชิงและกุ้ยเฉิงนั้นได้แต่ร่ำร้องในใจ!

กุ้ยเฉิงที่พยุงตัวขึ้นมาได้นั้นกล่าวพร้อมยกมือลูบแก้ม “นายน้อย ข้าจะรายงานบอกแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้พูดเลย! เจ้าเด็กคนนี้มันสังหารเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ด้วยหมัดเดียว!”

ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ

มดปลวกที่ยังไม่บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นนั้นกลับสังหารเสือสองปีกเขย่าสวรรค์ได้ด้วยหมัดเดียว?