เปลวเพลิงร้อนแรงกำลังลุกโชน
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนภูเขาแสงมรกตเต็มไปด้วยภาพสยดสยองราวกับแดนนรก เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงตะโกนเดือดดาล เสียงร่ำไห้หาบุพการีดังก้องอย่างไม่ขาดสาย
นี่คือภาพอันนองเลือด
ตระกูลฉิน หนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงของจักรวรรดิประสบเคราะห์ในคืนนี้เช่นกัน!
หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ แววตาไม่ยินดีหรือเสียใจ
ความแค้นนี้ยืดเยื้อมานานเกินไป ครั้งนี้ เขาอยากจะจบมันโดยสมบูรณ์
ฟุ่บ!
เงาร่างของเขาไหวกะพริบ และหายไปในสีรัตติกาล
‘ตระกูลจั่วและฉินไม่มีความเป็นไปได้ที่จะลืมตาอ้าปากได้อีก แต่ยังมีผู้ช่วยเหลือเหล่านั้น… โทษตายหนีพ้น โทษเป็นยากจะหนี คืนนี้จะให้บทเรียนที่ยากจะลืมไปทั้งชีวิตกับพวกเจ้า!’
หลินสวินก้าวเดินกลางอากาศ ดวงตาดำเย็นเยียบ
จิตรับรู้ของเขาแผ่กว้างออกไปราวกับกระแสน้ำ ปกคลุมไปทั่วสี่ทิศแปดด้าน นครต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ล้วนอยู่ในใจ
ก่อนมาพญาแร้งได้ให้รายชื่อฉบับหนึ่งกับหลินสวิน ในนั้นบันทึกขุมอำนาจอิทธิพลที่เคยช่วยเหลือเล่นงานตระกูลหลินในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
และตอนนี้ รายชื่อฉบับนั้นลอยปรากฏในหัวหลินสวิน
‘เซวียเทียนเหรินผู้นำตระกูลเซวียนแห่งนครต้องห้ามคล้อยตามตระกูลฉิน ใช้คำสั่งทหารใบเดียวส่งผู้ชายสามร้อยคนของตระกูลหลินไปตายในสนามรบชายแดนเมื่อสามปีก่อน’
‘โหวไห่เจินผู้นำตระกูลโหวแห่งนครต้องห้ามคล้อยตามตระกูลจั่ว ทำร้ายผู้แข็งแกร่งมือฉมังหนึ่งร้อยห้าสิบสี่คนของตระกูลหลินในการต่อสู้กับสัตว์อสูรมารเมื่อแปดปีที่แล้ว’
‘หงซิ่งผู้นำตระกูลหงแห่งนครต้องห้าม บังคับชิงภูเขาแร่เก้าลูกของตระกูลหลินเมื่อหนึ่งปีก่อน’
‘ผู้นำตระกูล…’
ข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูแต่ละข้อ รวมทั้งที่มาฐานะของพวกเขาล้วนแวบผ่านในหัวหลินสวิน
เหล่านี้ล้วนเป็นผู้สนับสนุน!
แต่หลินสวินคร้านจะไปสนใจว่าพวกเขาทำเรื่องอะไรไว้กับตระกูลหลินกันแน่
สำหรับเขา ในเมื่อเจ้ากล้าลงมือกับตระกูลหลิน ก็ต้องแบกรับการถูกแก้แค้น
คืนนี้ คือคืนแห่งการสังหาร!
เจ้ามองไม่เห็นหรือ เสือสิงโตล่าเหยื่อชื่อเสียงองอาจ แต่กวางอูฐที่น่าสงสารนั้นเคยมีใครสงสารหรือไม่
บนโลกนี้คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งแต่ไหนแต่ไรมา แม้มีเหตุผลแต่ก็เปล่าประโยชน์
และในใจหลินสวินมีความแค้น ตระกูลมีความแค้น ก็ย่อมต้องสังหาร สังหารให้พลิกฟ้าพลิกดิน สังหารจนศีรษะกลิ้งเต็มพื้น!
ย่อมสามารถสังหารจนขุมอำนาจใหญ่ทุกฝ่ายอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหลินอีกชั่วชีวิต!
สรุปแล้ว แม้คนทั้งโลกแค้นเคืองข้า ก็ไม่ยอมให้ไม่มีคนก่นด่าข้า!
……
เจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจ แต่ละภูเขาล้วนมีขุมอำนาจใหญ่ครอบครอง ที่อ่อนแอที่สุดยังเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลาง
พวกเขาเป็นตัวแทนพลังที่ครองอำนาจสูงสุดของนครต้องห้ามในจักรวรรดิ อำนาจแผ่กระจายไปทั่วทั้งจักรวรรดิ ทำให้ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวรรดิทำได้เพียงแหงนมองด้วยความอิจฉา
ตระกูลเซวียแห่งนครต้องห้าม ก็เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางที่ครองตำแหน่งในนั้น
ยอดเขาเงาเมฆา
โถงตระกูลเซวีย
เซวียเทียนเหรินขมวดคิ้วแน่นพูด “เมื่อครู่นี้ข้าได้รับข่าว ว่ามีคนเห็นหลินสวินในนครต้องห้าม”
เหล่าคนชั้นสูงตระกูลเซวียกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันในโถงแล้ว ดึกขนาดนี้พวกเขาถูกเรียกว่ารวมตัว จึงต่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘หลินสวิน’ พวกเขาล้วนนัยน์ตาหดรัด ผู้นำภูเขาชำระจิตที่เคยชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งนครต้องห้ามคนนั้นกลับมาแล้ว?
“เป็นไปได้อย่างไร ข่าวทุกอย่างชี้ชัดว่าชั่วชีวิตนี้เด็กนั่นไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว อีกอย่างถ้าหลินสวินกลับมา เหตุใดในนครต้องห้ามจึงไม่มีข่าวคราวเลย”
มีคนไม่เชื่อ โต้เถียงเย้ยหยัน
“ผู้นำตระกูล ท่านได้ยินใครพูดมากันแน่”
มีคนฉงนใจ
“เหอเยี่ยนชิวปรมาจารย์สลักวิญญาณแห่งภาคีนักสลักวิญญาณ”
เซวียเทียนเหรินพูด
“หึ ตาเฒ่าเหอเยี่ยนชิวคุยโวจนขึ้นชื่อ คำพูดของเขาก็เชื่อได้หรือ”
ทันใดนั้นหลายคนต่างหัวเราะเยาะออกมา
คิ้วที่ขมวดแน่นของเซวียเทียนเหรินก็ผ่อนคลายลง พอใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็เหมือนว่าตนจะตอบสนองรุนแรงเกินไป
ต่อให้หลินสวินกลับมาแล้วอย่างไร
ฟ้าถล่มลงมา ก็ยังมีตระกูลจั่วและฉินค้ำอยู่!
คิดถึงตรงนี้เซวียเทียนเหรินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ฟุ่บ
ปราณกระบี่ที่ราวกับห้อทะยานสานหนึ่งโฉบเข้าโถงและกรีดผ่านลำคอของเซวียเทียนเหริน เฉือนศีรษะใหญ่จนร่วงหล่น
บนศีรษะนั่นรอยยิ้มยังเปื้อนอยู่บนใบหน้า ดูสยดสยองอย่างที่สุด
ปราณกระบี่หายไปในชั่วพริบตา
ในโถงบรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบกริบอย่างที่สุด เหล่าคนชั้นสูงของตระกูลเซวียต่างเบิกตาโพลง มองศีรษะผู้นำตระกูลอย่างเซวียเทียนเหรินหล่นร่วงลงพื้น สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ในใจเกิดความหวาดกลัวไร้ขอบเขต
นี่… เกิดอะไรขึ้นกันแน่
……
ตระกูลโหวแห่งนครต้องห้าม
โหวไห่เจินผู้นำตระกูลโหวกำลังรอข่าวอยู่ เขาได้ส่งคนไปที่ตระกูลฉิน เพื่อหารือว่าหลังจากสิ้นตระกูลหลิน ตระกูลโหวของพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์อะไร
แต่สุดท้ายเขากลับได้รับปราณกระบี่สายหนึ่งแทน
หนึ่งกระบี่ลงมาจากฟ้า ตัดศีรษะของเขาอย่างง่ายดาย!
……
ตระกูลหงแห่งนครต้องห้าม…
ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ขุมอำนาจเล็กใหญ่ในนครต้องห้าม บุคคลระดับผู้นำที่ควบคุมอำนาจตระกูลแต่ละคนล้วนถูกตัดหัว
รวมแล้วเกี่ยวข้องกับสิบเก้าขุมอำนาจของนครต้องห้าม ในนั้นมีตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางหกตระกูล ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่างสิบสามตระกูล
ขอแค่เป็นตระกูลที่เคยเล่นงานตระกูลหลินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลินสวินล้วนไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว
จัดการทั้งหมดนี้เสร็จ ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น!
‘เหลือเพียงเก้าตระกูล…’
ภายใต้สีรัตติกาล หลินสวินเอามือไพล่หลัง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ก้าวเดินกลางอากาศราวกับเซียนจุติลงมา เคลื่อนตัวไปไกล ไปมาไร้ร่องรอย
คืนนี้
กลับสู่หนทางมนุษย์ สังหารในโลกีย์!
……
ในเวลาเดียวกัน ข่าวที่ตระกูลจั่วและฉินสองตระกูลประสบเคราะห์ก็ราวกับภูเขาถล่มพายุซัดสาด แพร่กระจายในสีราตรีของนครต้องห้ามแห่งนี้ด้วยความไวที่น่าตกใจ
ตระกูลจั่วและฉิน ในฐานะสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงที่สะดุดตาที่สุดของนครต้องห้ามทยอยประสบมหันตภัย ข่าวนี้ปิดไม่อยู่แน่
สำหรับคนทั่วไปในนครต้องห้าม ยามราตรีนี้ไม่ต่างอะไรกับที่ผ่านมา
แต่สำหรับขุมอำนาจใหญ่ระดับสูงต่างๆ คืนนี้กลับสะท้านขวัญอย่างเห็นได้ชัด
ตระกูลฉือ
ในฐานะหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเช่นเดียวกัน แทบจะได้รับข่าวที่เกิดขึ้นกับตระกูลจั่วและฉินในค่ำคืนนี้ในทันที
เพล้ง!
ถ้วยชาในมือฉือหลิงเซียวหล่นร่วง แตกกระจายไปทั่ว
สีหน้าของเขาคล้ำเขียว นั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ครู่ใหญ่ยังไม่ได้สติกลับมา
ในฐานะผู้นำตระกูลฉือ ฉือหลิงเซียวเรียกได้ว่าสุขุมมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับเสียอาการขนาดนั้น
ด้านข้างใบหน้างามของฉือฉางเหมยเองก็ซีดเซียว สองตาเหม่อลอย
ทันทีที่ได้รับข่าวนางก็ตกใจจนหนังหัวชาวาบ เกือบจะสงสัยว่ากำลังฝันอยู่
“สังหารสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจนเลือดไหลเป็นแม่น้ำด้วยตัวคนเดียว ตัดหัวสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทีละคน…”
ครู่ใหญ่ฉือหลิงเซียวจึงพึมพำออกมา “นี่… คือเจ้าหนูแซ่หลินคนนั้นจริงๆ หรือ”
ในเสียงแฝงความสั่นสะเทือนที่ไม่สามารถควบคุมได้เสี้ยวหนึ่ง
“ท่านพ่อ ข่าวไม่ผิดแน่”
ฉือฉางเหมยพูดเสียงเบา
“คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันสิบกว่าปี เจ้าคนที่เหมือนมดปลวกคนหนึ่ง กลับผงาดกลายเป็นมังกร ปั่นป่วนคลื่นลมในนครต้องห้าม…”
อารมณ์ในใจฉือหลิงเซียวพลุ่งพล่านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
แม้แต่ตระกูลจั่วและฉินยังถูกเหยียบย่ำแหลกสลายอย่างง่ายดายเช่นนั้น หากหลินสวินมาสังหารตระกูลฉือของพวกเขา… ใครจะขวางได้
คิดถึงตรงนี้ฉือหลิงเซียวก็ขนลุกซู่ พลันตะโกนว่า “เร็ว ตามผู้อาวุโสในตระกูลทุกคนมารวมตัวกัน!”
ฉือฉางเหมยถึงได้พบว่า บิดาแม้ภูเขาเทพถล่มตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า ก็มีเวลาที่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน…
ไม่นานเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันและบุคคลชั้นสูงของตระกูลฉือก็มารวมตัวกัน
หลังจากรู้เรื่องที่ตระกูลจั่วและฉินประสบ คนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างอึ้งไปตามๆ กัน ไม่สามารถสงบได้
ในโถงวุ่นวายอลม่านทั้งแถบ
ฉือฉางเหมยมองทุกอย่างนี้แล้วรู้สึกไม่สมจริงอย่างมาก ที่แท้คนใหญ่คนโตเหล่านี้ก็มีตอนที่หวาดกลัว กังวลและลนลานด้วยหรือ
แต่ความตะลึงทั้งหมดนี้ยังไม่จบ
ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ทยอยมีข่าวกระจายมาอย่างไม่ขาดสาย
“อะไรนะ ผู้นำตระกูลเซวียถูกตัดหัวหรือ”
“แม้แต่ผู้นำตระกูลโหวก็ถูกฆ่าแล้วหรือ”
“ผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าตระกูล อย่างตระกูลหง ตระกูลฉู่ ตระกูลสวี ตระกูลเสวียน…. ล้วนถูกตัดหัวทั้งหมด?”
เริ่มแรกทุกคนในตระกูลฉือต่างสะท้านสะเทือนหนาวเยือกในใจ ถึงตอนท้ายล้วนสีหน้าอึ้งงันชาวาบ
บรรยากาศในโถงไม่วุ่นวายอีกต่อไป แต่เงียบกริบจนแปลกประหลาด ไร้สุ้มเสียง กดดันจนแทบหายใจไม่ออก
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างมือเท้าเย็นเฉียบ จิตวิญญาณหลุดลอย
เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลฉือที่ยิ่งใหญ่สูงส่งต่างหน้าซีด ขวัญหนีวิญญาณลอยล่อง
การช่วงชิงระหว่างขุมอำนาจในนครต้องห้ามย่อมมีกฎเกณฑ์ของมัน
ไม่ว่าจะแข่งขันกันอย่างไร ก็น้อยมากที่จะแตกหักกันจนถึงขั้นนองเลือด
เรื่องที่ไปเหยียบประตูภูเขาของสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างคืนนี้ สังหารผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลเล็กใหญ่สิบกว่าคน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
ตัวคนเดียว สังหารมาตลอดทาง นี่จะสังหารทะลวงฟ้าหรือ
“พวกเรา… ทำอย่างไรดี”
ครู่ใหญ่ฉือหลิงเซียวถามเสียงแหบพร่า ทำลายความเงียบในโถง
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างพูดไม่ออก
ใครก็รู้ว่าในหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลจั่วกับฉินร่วมมือกันกดดันตระกูลหลินอย่างต่อเรื่อง ช่วงชิงอิทธิพลของตระกูลหลิน และช่วงที่ผ่านมายังมอบโทษ ‘ขายชาติ’ ใส่หัวตระกูลหลิน
เดิมทีหากไม่มีอะไรผิดคาด อีกไม่นานตระกูลหลินก็จะดับสิ้นแล้ว
แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนพลิกผัน!
หลินสวินเพียงคนเดียวก็คลี่คลายสถานการณ์ยากลำบาก ก้าวเดียวเหยียบประตูภูเขาตระกูลจั่วและฉิน สังหารเหล่าราชัน ฆ่าฟันคนใหญ่คนโตของสองตระกูลจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต่อให้ตระกูลจั่วกับฉินจะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ก็ต้องถูกลบชื่อออกจากนครต้องห้ามอย่างไม่ต้องสงสัย!
“หลายปีมานี้ตระกูลฉือของพวกเราไม่ได้เข้าร่วมเล่นงานตระกูลหลิน นับว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”
มีคนพูดเสียงขรึม
“แต่อย่าลืมว่าระหว่างที่เจ้าหมอนั่นเดินทางมายังนครต้องห้ามเป็นครั้งแรก ตระกูลฉือของเราเคยส่งกำลังไปโจมตีเขาระหว่างทางตามคำสั่งองค์ชายเก้าจ้าวจิ่งเจิน แม้ว่าสุดท้ายจะล้มเหลว แต่อย่างไรก็เป็นการผูกแค้นกับเด็กนั่นแล้ว”
และมีคนกระวนกระวาย “หากเจ้าหมอนั่นผูกใจเจ็บเรื่องนี้ ตระกูลฉือของพวกเราก็คงจะถูกเขาหมายหัวด้วย!”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนหนาวเยือกในใจ
สุดท้ายฉือหลิงเซียวสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตบโต๊ะตัดสินใจ “ไม่ว่าท่าทีของเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร ตระกูลฉือของเราก็ต้องแสดงความจริงใจให้มากพอ เพื่อคลี่คลายความแค้นในครั้งนั้น”
“พรุ่งนี้ข้าจะไปตระกูลหลินด้วยตัวเอง ไม่ว่าหลินสวินจะยื่นข้อเรียกร้องหรือให้ชดเชยอะไร… ก็ต้องทำให้เขาพอใจทั้งหมด!”
นำเสียงเสียงเด็ดขาดทรงพลัง
ทุกคนเห็นเช่นนี้ในใจต่างถอนหายใจ ล้วนตระหนักได้ว่า ครั้งนี้ตระกูลฉือของพวกเขาอาจจะต้องสูญเสียอย่างมาก…
แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน!
ใครจะจินตนาการได้ว่าไม่เจอกันเพียงสิบกว่าปี คนหนุ่มในวันนั้นก็มีพลังน่ากลัวล้นฟ้าขนาดนี้แล้ว
และบนโลกนี้ พลังคือที่สุด!
——