“ทว่า”
ฉือหลิงเซียวเปลี่ยนเรื่อง พูดพร้อมสายตาที่วูบไหว “ก่อนที่จะตัดสินใจชดเชยให้ตระกูลหลิน พวกเรายังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ”
“เรื่องใด”
ทุกคนต่างอึ้ง
“ดูปฏิกิริยาขององค์ชายสามสักหน่อย”
ฉือหลิงเซียวกล่าวเสียงต่ำ “หลายปีมานี้หากไม่ได้รับการอนุญาตเป็นนัยๆ จากองค์ชายสาม ตระกูลจั่วและฉินจะกล้ากดข่มตระกูลหลินอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร”
“อย่าลืมว่าตอนนั้นก่อนที่หลินสวินจะไปดินแดนรกร้างโบราณ เคยได้คำสัญญาจากราชันกระหายเลือดจ้าวไท่ไหลว่าราชวงศ์จะช่วยคุ้มครองตระกูลหลิน แต่เห็นได้ชัดว่าองค์ชายสามไม่ได้ทำเช่นนี้!”
ทุกคนต่างหัวใจกระตุกวูบ
ฉือหลิงเซียวยิ้มเยาะ เอ่ยว่า “ตอนนี้ตระกูลจั่วและฉินประสบภัย ฝั่งองค์ชายสามเกรงว่าคงนั่งไม่ติดแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าเผชิญกับเรื่องราวเช่นคืนนี้ องค์ชายสามจะทำอย่างไร”
ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งพยักหน้าพูด “ไม่เลว หลินสวินแข็งแกร่งมาก การที่เขาสามารถสังหารเหล่าราชันอย่างง่ายดายได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าองค์ชายสามใช้พลังของทั้งจักรวรรดิเล่นงานเจ้าหมอนั่น เกรงว่าเขาก็คงแบกรับไม่ไหว”
ฉือหลิงเซียวเอ่ย “ต่อให้หลินสวินแบกรับได้ กิจการและคนตระกูลหลินจะหนีไปไหนได้เล่า”
“องค์ชายสามเป็นเพียงแค่ผู้สำเร็จราชการ มีอำนาจปกครองราชสำนัก แต่ไม่ได้ครองอำนาจเด็ดขาดของจักรวรรดิอย่างแท้จริง ด้วยฐานะของเขาเกรงว่าคงยากจะทำได้ถึงขึ้นนั้นกระมัง”
มีคนขมวดคิ้ว
หลินสวินแข็งแกร่งเกินไป ตัวตนที่น่ากลัวระดับนี้ ด้วยพลังของเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอจะสยบทั้งจักรวรรดิ!
ประลองฝีมือกับตัวตนระดับนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องชั่งใจว่าจะสามารถแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมาได้หรือไม่
“ดังนั้นพวกเราเพียงต้องรอดูปฏิกิริยาขององค์ชายสาม แล้วค่อยดูท่าทีของราชวงศ์ต่อเรื่องนี้”
ฉือหลิงเซียวกลับคืนสู่ความสุขุมแล้ว “แน่นอน เรื่องอะไรที่พวกเราควรทำก็ต้องทำ สั่งการลงไป ตั้งแต่วันนี้กองกำลังทั้งหมดในจักรวรรดิของตระกูลฉือ ห้ามผูกแค้นกับใครก็ตามในตระกูลหลินโดยเด็ดขาด แม้ต้องเสียเปรียบก็อดทน ห้ามล่วงเกิน!”
ทุกคนต่างพยักหน้า
หลินสวินได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาในคืนนี้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักตระกูลหลินเสียใหม่!
……
คืนนี้ไม่เพียงแค่ตระกูลฉือ
บรรดาตระกูลทรงอิทธิพลและตระกูลที่ยิ่งใหญ่แทบจะทั้งหมดในนครต้องห้ามต่างตะลึง แทบจะวางธุระทุกอย่างในมือลงติดตามเรื่องใหญ่ท่วมฟ้าที่เกิดขึ้นกะทันหันในคืนนี้กันถ้วนหน้า
หลังจากข่าวมากมายถูกพวกเขารับรู้มากขึ้น บรรดาขุมอำนาจทั่วทั้งนครต้องห้ามต่างตะลึง
เด็กหนุ่มที่อำนาจทั่วนครหลวงในตอนนั้นกลับมาแล้ว!
คืนนี้เขาสังหารตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินโดยลำพัง ฆ่าผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคนต่อเนื่อง!
นี่หมายความถึงอะไร
ขอเพียงคนที่มีสมองก็ย่อมต้องรู้
ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลหนึ่ง สามารถยืนหยัดในนครต้องห้ามได้จนถึงวันนี้และไม่เคยถูกสยบ ความแข็งแกร่งของรากฐาน ความยิ่งใหญ่ของอานุภาพต้องเหลือเชื่ออย่างแน่นอน
แต่คืนนี้ ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสองตระกูลล้วนถูกคนผู้หนึ่งเหยียบย่ำต่อเนื่อง!
นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า ในสายตาของหลินสวินตอนนี้ ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงที่สูงส่งนั้นไม่มีค่าอะไรแล้ว!
ส่วนผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคนที่ถูกสังหารนั้น ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร เพราะแม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงยังไม่สามารถขัดขวางการกำราบของหลินสวินคนเดียวได้ แล้วพวกเขาจะทำได้อย่างไร
“ไม่เจอกันเพียงสิบกว่าปี คนหนุ่มในวันนั้นมีพลังที่พลิกมือเรียกลมโบกมือเรียกแล้ว ภายใต้ฝ่ามือเขา สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ไม่ต่างอะไรกับไก่ดินสุนัขกระเบื้องที่ต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ใครจะกล้าเชื่อ”
ผู้คนนับไม่ถ้วนตะลึง ใจสั่นและหวาดกลัว
ตัวคนเดียวสังหารคนใหญ่คนโตเหล่านั้นจนศีรษะกลิ้งหลุนๆ เลือดไหลเป็นสายน้ำ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ และคนที่กล้าทำเช่นนี้ พลังจะน่ากลัวเพียงใด
“ตระกูลหลินโชคดีแค่ไหนที่มีคนที่แข็งแกร่งพลิกฟ้าขนาดนี้”
มีคนรำพัน ทอดถอนใจ
ตอนนั้นแม้หลินสวินจะชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า แต่อย่างไรก็เป็นบุคคลแกร่งกล้าในหมู่คนรุ่นเยาว์ แม้ความสามารถน่าทึ่ง สำหรับขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการคุกคามที่ใหญ่โตอะไร
แต่ตอนนี้ใครยังจะกล้ามองเช่นนี้
พูดอย่างไม่เกินจริงได้ว่า หลังจากผ่านเรื่องคืนนี้ ยามสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเหล่านั้นพูดถึงหลินสวินเกรงว่าคงต้องหวาดเกรงไปสามส่วน!
และตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ซ่ง เซี่ย ฉี เหล่านี้ต่างสะท้านสะเทือนในคืนนี้เช่นนั้น นอนไม่หลับโดยสมบูรณ์
เมื่อนานมาแล้วคนรุ่นเยาว์ในตระกูลพวกเขา ล้วนเคยขัดบาดหมางและขัดแย้งกับหลินสวินไม่มากก็น้อย
แต่พวกนั้นเป็นความขัดแย้งระหว่างเด็ก หลังจากเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตออกหน้า ก็ได้สลายความขัดแย้งกับหลินสวินแล้ว
และคืนนี้ เมื่อได้รู้สภาพอนาถของตระกูลจั่วและฉิน ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเหล่านี้ต่างรู้สึกโชคดีอย่างบอกไม่ถูก
ใช่แล้ว โชคดี!
โชคดีที่หลายปีมานี้ไม่ได้ร่วมกดข่มตระกูลหลิน
“เรื่องคืนนี้ก็ดูว่าองค์ชายสามจะจัดการอย่างไรแล้ว”
สายตาของขุมอำนาจใหญ่มากมายต่างจับจ้องไปทางราชวงศ์แห่งจักรวรรดิ
เป็นเช่นที่ฉือหลิงเซียววิเคราะห์ ในการเคลื่อนไหวกดข่มตระกูลหลิน หากไม่ได้รับอนุญาตเป็นนัยจากองค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวิน ตระกูลจั่วกับฉินย่อมไม่กล้าเหิมเกริมเช่นนี้
และคืนนี้หลินสวินก็สร้างความลำบากมาให้กะทันหัน สังหารจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ องค์ชายสามจ้าวจิ่งเหวินจะตัดสินใจอย่างไร
เขาจะออกหน้าให้ตระกูลจั่วและฉินหรือไม่
การตัดสินใจขององค์ชายสาม อาจไม่สามารถเป็นตัวแทนเจตนาของทั้งจักรวรรดิได้
แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า เผชิญกับเรื่องใหญ่เช่นนี้ การตัดสินใจขององค์ชายสามมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะตัดสินโชคชะตาในอนาคตของตระกูลหลิน!
……
ดึกมากแล้ว อีกไม่นานก็จะเช้า
ในส่วนลึกของราชวัง
เสียงร้องแหลมลนลานดังขึ้น…
“องค์ชาย เกิดเรื่องด่วนขึ้นพ่ะย่ะค่ะ!”
บนเตียงมังกรหรูหรางดงาม จ้าวจิ่งเหวินตกใจตื่น พลันขมวดคิ้วลุกขึ้น “เรื่องอะไร”
“องค์ชาย ยากจะอธิบายด้วยคำพูดได้ ทูลเชิญพระองค์เสด็จไปตำหนักเฉียนหยวน ตอนนี้มีขุนนางใหญ่มากมายรอพระองค์ออกหน้าอยู่”
นอกตำหนักเสียงแหลมเล็กนั่นดังขึ้นอีกครั้ง
จ้าวจิ่งเหวินตกใจ ถึงกับต้องไปปรึกษาที่ตำหนักเฉียนหยวนเชียวหรือ หรือภัยจากสัตว์อสูรมารในอาณาเขตจักรวรรดิรุนแรงขึ้นอีกแล้ว
หรือว่ากองทัพจักรวรรดิบริเวณชายแดนต้านการโจมตีของพ่อมดเถื่อนเก้าสายไม่ไหว
คิดถึงตรงนี้จ้าวจิ่งเหวินก็ปวดหัวขึ้นมาทันที
หลายปีมานี้แม้เขาจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิ คุมอำนาจปกครองบ้านเมือง แต่กลับกังวลและประหม่าอย่างมาก
เพราะหลายปีมานี้จักรวรรดิเผชิญศึกนอกในไม่ขาดสาย ทำให้จ้าวจิ่งเหวินเองก็เหนื่อยกับการดิ้นรน ทุกข์ใจจนพูดไม่ออก
“ข้ารู้แล้ว”
จ้าวจิ่งเหวินสูดหายใจเข้าลึก เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เกิดอะไรขึ้น”
บนเตียงสาวงามเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งลืมตางัวเงียพร่ามัวพร้อมหาวคราหนึ่ง โผล่ร่างออกมาครึ่งท่อน เผยผิวหน้าอกที่ขาวยิ่งกว่าหิมะแถบใหญ่ ท่าทางเกียจคร้านแต่เย้ายวนเช่นนั้นแฝงความดึงดูดอย่างที่สุด
นี่คือชายาขององค์ชายนามว่าฉินหรูเยวี่ย ลูกสาวคนเล็กของผู้นำตระกูลฉิน
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า นอนต่อไปเถอะ!”
จ้าวจิ่งเหวินน้ำเสียงเย็นชา เสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกจากตำหนักไป
ฉินหรูเยวี่ยถูกต่อว่าเช่นนี้สีหน้าพลันชะงักไป จากนั้นลอบหัวเราะเยาะ “หึ! หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากตระกูลฉินของข้า องค์ชายสามอย่างเจ้าจะมีวันนี้ได้อย่างไร”
ตำหนักเฉียนหยวน
ทองอร่ามรุ่งเรือง โคมไฟสว่างไสว
ตอนที่จ้าวจิ่งเหวินไปถึงก็พลันตกใจ ทอดสายตามองไป ในตำหนักถึงกับมีเงาร่างมากมายรวมตัวอยู่หนาแน่น
ทุกคนล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของราชสำนัก
ถึงขั้นที่บุคคลบรรดาศักดิ์ระดับอ๋อง โหว ในราชวงศ์หลายคน และพวกตาเฒ่าที่ไม่ได้เข้าราชสำนักมานานยังปรากฏตัวในค่ำคืนนี้
ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่!
จ้าวจิ่งเหวินหัวใจบีบรัด ใบหน้ายังคงนิ่งสงบ นั่งอยู่บนบัลลังก์อันเป็นตัวแทนของผู้ปกครองจักรวรรดิแล้วขมวดคิ้วพูด “ดึกขนาดนี้เกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้ทุกท่านมารวมตัวกันที่นี่”
ขุนนางใหญ่คนหนึ่งก้าวออกมา พูดเสียงสั่น “ทูลองค์ชาย เมื่อครู่นี้ตระกูลจั่วและฉินประสบเคราะห์…”
เสียงของขุนนางใหญ่คนนี้ดังก้องอยู่ในตำหนัก
จ้าวจิ่งเหวินซึ่งอยู่บนนั่งบัลลังก์อึ้งงันอย่างสิ้นเชิง หัวแทบจะระเบิด หลินสวินหรือ เจ้าหมอนั่นกลับมาแล้วหรือ
โดยเฉพาะหลังจากรู้การกระทำของหลินสวินในคืนนี้ องค์ชายสามแข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว สีหน้าอึมครึมไม่สงบ สองมือกดบนเท้าแขนเก้าอี้มังกรอย่างแรง กัดฟันแน่น ถึงได้ไม่แสดงออกว่าเสียอากาศจนเกินไป
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถข่มกลั้นได้ ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนโต๊ะ คำรามออกมา “เจ้าหลินสวินคนนี้… บ้าคลั่งจริงๆ!”
เสียงดังก้องอยู่ในตำหนัก เหล่าขุนนางต่างเงียบไม่พูดจา
จ้าวจิ่งเหวินนั่งอยู่ตรงนั้น ลมหายใจถี่กระชั้น หน้าอกขยับขึ้นลง สีหน้ามืดทะมึนจนน่ากลัว
ตระกูลจั่วและฉินมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างที่สุดกับเขา พูดได้ว่าเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องท้องเดียวกัน
แต่กลับประสบเคราะห์พร้อมกันในคืนนี้!
ส่วนคนร้าย ยิ่งเป็นคนที่เขาคิดไม่ถึง!
ทั้งหมดนี้กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป เหมือนค้อนยักษ์ที่ทุบใส่ศีรษะขององค์ชายสาม เขาในสมัยก่อน แม้เจอเรื่องยากลำบากแค่ไหนก็ไม่มีทางเผยท่าทีเสียอาการขนาดนี้
แต่ตอนนี้ เขากลับไม่สามารถควบคุมความโกรธในใจได้
“ยามนี้จักรวรรดิมีทั้งศึกในนอก หลินสวินนี่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของจักรวรรดิ กลับฆ่าคนตระกูลจั่วและฉินตามอำเภอใจในคืนนี้ ช่างไร้กฎไม่สนเกณฑ์ ไม่อาจละเว้นโทษได้!”
จ้าวจิ่งเหวินกัดฟัน มองทุกคนในตำหนักอย่างเย็นเยียบ “พวกเจ้าเงียบทำไม หรือถูกหลินสวินทำเอากลัวหัวหดแล้ว”
ทุกคนยิ่งเงียบกว่าเดิม ไม่มีใครปริปากพูด
เรื่องคืนนี้ผิดปกติเกินไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่กล้าแสดงท่าทีของตนออกมาง่ายๆ
พวกเขามาครั้งนี้ เพียงแค่อยากเห็นท่าทีและการตัดสินใจขององค์ชายสามเท่านั้น แต่ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวในคลื่นลมอันตรายที่ไม่อาจคาดการณ์นี้
ในตำหนักเงียบสงัด ทุกคนใช้ความเงียบตอบกลับ นี่ทำให้จ้าวจิ่งเหวินยิ่งเดือดดาล ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว “ประกาศราชโองการ!”
ประโยคเดียวกึกก้องกังวาน!
เหล่าขุนนางตื่นตระหนก ต่างคิดไม่ถึงว่าจ้าวจิ่งเหวินถึงกับตัดสินใจเร็วขนาดนี้ เขาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วหรือ
หรือควรบอกว่า ภายใต้เพลิงโกรธที่คุกคามจิตใจ เขาไม่ได้ใคร่ครวญถึงความรุนแรงของเรื่องนี้อย่างชัดเจน?
และตอนนี้เอง จ้าวจิ่งเหวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เปล่งเสียงออกมาทีละคำ “หลินสวินไร้คุณธรรม กระทำการเลวร้าย ทำร้ายประชาชนที่จงรักภักดีต่อจักรวรรดิ โทษมิอาจอภัย…”
ทั้งตำหนักเงียบกริบ
เหล่าขุนนางใจสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่ ตระหนักได้ว่าหากประกาศราชโองการนี้ออกไป ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือตระกูลหลินที่อยู่เบื้องหลังของเขา ก็จะกลายเป็นนักโทษของจักรวรรดิโดยสมบูรณ์
และสิ่งที่รอหลินสวินกับตระกูลหลิน ก็คือการถูกประกาศจับและกำราบจากทั้งจักรวรรดิ!
หลินสวินจะนั่งรอความตายหรือ
เป็นไปไม่ได้แน่!
แต่เขาคนเดียว จะเป็นศัตรูกับทั้งจักรวรรดิได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้นมีคนรู้สึกดีใจ ตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่
และมีคนมุ่นคิ้ว คิดว่าราชโองการนี้ของจ้าวจิ่งเหวินเป็นการระบายความโกรธชัดๆ ไม่ได้สนใจสถานการณ์ของจักรวรรดิในตอนนี้ ดูไม่มีเหตุผลอย่างมาก
จากนั้นพลันมีหลายคนเดินขึ้นมาหมายจะหยุดยั้ง แต่ตอนนี้เอง…
ปัง!
ประตูใหญ่ของตำหนักเฉียนหยวนถูกเรี่ยวแรงมหาศาลผลักออก ลมกลางคืนอันหนาวเหน็บพาไอเย็นม้วนเข้าในโถง ทำให้หลายคนสั่นไปทั้งตัว
เสียงเดือดดาลของจ้าวจิ่งเหวินก็หยุดลงตามไปด้วย
——