มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1362

หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิ ตรงหว่างคิ้วมีแสงเรืองกระพริบอีกครั้ง ก่อนที่สำนักเต๋าเสวียนเหมินจะบินออกมา

สำนักเต๋ากำลังลอยอยู่ตรงหน้าเขา ความสูงของมันสูงหลายเมตรมาก บนประตูที่เก่าแก่และเรียบง่ายมีร่องรอยกฎปริภูมิไหลเวียน และมีความเร้นลับที่นับไม่ถ้วนแฝงซ่อนอยู่

เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา ก่อนจะผลักเปิดประตูสำนักเต๋าออก ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น

“โฮก!”

เสียงมังกรคำรามก้องกังวานขึ้นมา ถัดจากนั้นกลิ่นอายความตายที่มากมายมหาศาลก็พรั่งพรูออกมาจากตัวประตูสำนักเต๋า มังกรดำที่กลายมาจากวิญญาณมรณะยื่นศีรษะที่ใหญ่โตมโหฬารออกมา พุ่งตรงเข้ามากัดหลัวซิว

หลัวซิวโคจรพลังแปรเสวียนเทียน พลังกฎความตายที่เขาผนึกรวมขึ้นมาด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นร้อยเท่า!

“ปัง!”

เขาปล่อยฝ่ามือออกไป มังกรดำที่กลายมาจากวิญญาณมรณะถูกฝ่ามือของเขาโจมตีจนร่างกายแตกสลายไปในทันที ถัดจากนั้นหลัวซิวอ้าปากแล้วสูดลมเข้าปาก วิญญาณมรณะที่แตกสลายแล้วก็กลายเป็นกลุ่มหมอกดำ ถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในร่างกายทั้งหมด

“โครมคราม……”

มีเสียงระเบิดดุจเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังออกมาจากร่างกายเขา พลังที่มีปณิธานวิญญาณมรณะแฝงซ่อนอยู่กำลังจลาจลอย่างบ้าคลั่งอยู่ในร่างกายเขา

หลัวซิวกระตุ้นพลังจุติมรณะให้ถึงขั้นสุด กลั่นแปรพลังที่อยู่ภายในร่างกายอย่างสุดความสามารถ ในขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นตัวสำนึก เพื่อลงไปกำจัดปณิธานที่ตายไปแล้วของวิญญาณมรณะในร่างกายตัวเองทิ้ง

พลังของวิญญาณมังกรดำเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้า ถึงแม้มันจะถูกหลัวซิวกดอัดในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ทว่าพลังความตายที่มันผนึกรวมมาเป็นเวลายาวนานอย่างไร้ที่สิ้นสุดก็ยิ่งใหญ่มาก ๆ การที่หลัวซิวจะกลั่นแปรมันนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก

จากการที่เวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไป จู่ ๆ พลังออร่าที่มากมายมหาศาลก็แผ่กระจายออกไปในร่างกายหลัวซิว อากาศที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ถูกพลังออร่าดังกล่าวกดอัดจนบิดเบี้ยว

มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8!

ภายใต้การผลักดันของพลังที่มากมายมหาศาลนี้ ทำให้ผลการฝึกตนของเขาทำลายประตูแห่งกฏเกณฑ์ไปได้อย่างง่ายดาย และบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8

แต่ทว่าความเร็วในการเพิ่มขึ้นของผลการฝึกตนเขากลับไม่ช้าลงเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเร็วยิ่งขึ้นเสียอีก

มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8 ขั้นปฐมภูมิ ช่วงกลาง ช่วงปลาย ขั้นสูง!

ขั้นตอนการทั้งหมดนี้ สำเร็จภายในระยะเวลาไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ

เมื่อหลัวซิวอยู่ในโลกาศุภรครบหนึ่งเดือน เขาก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พลังออร่าที่อยู่บนตัวพุ่งพรวดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ไปได้อีกครั้ง ผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9

ในขณะเดียวกัน ภายใต้การโคจรพลังจุติมรณะ พลังความตายที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายก็ถูกเขากลั่นแปรอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จนกระทั่งผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ช่วงปลายแล้ว การกลั่นแปรถึงจะค่อย ๆ หยุดลง

“แค่นี้เองหรือ?”

จากมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ขั้นสูงบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ช่วงปลายในระยะเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งเท่ากับว่าผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นสองแดนเล็ก ความเร็วในการเลื่อนขั้นนี้ เรียกได้เลยว่าเป็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ทว่าดูเหมือนหลัวซิวจะไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก

“พลังความตายทั้งหมดที่วิญญาณมังกรดำผนึกรวมออกมา เทียบเท่ากับผลการฝึกตนทั้งชีวิตของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนหนึ่ง พลังที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ถูกข้ากลั่นแปร เมื่อหักบางส่วนที่สูญเสียไปในระหว่างการกลั่นแปร แต่พลังทั้งหมดนี้กลับทำให้ข้าเลื่อนขั้นได้เพียงสองแดนเล็ก ๆ อย่างนั้นหรือ?”

หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น เขาพบว่าตนประเมินทรัพยากรที่ต้องสูญเสียในการยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองต่ำเกินไป

เขาพลิกฝ่ามือกลับมา นำแหล่งเบญจธาตุและขวดหยกนั่นออกมา ภายในขวดหยกดังกล่าวมียาเซียนระดับ 3 สิบเม็ด ซึ่งเป็นของรางวัลที่เขาได้รับมาจากการผ่านการประเมินค่ายเสวียนหยินหยาง

เห็นเพียงเขายกมือขึ้นมาแล้วกลืนกินแหล่งเบญจธาตุ ถัดจากนั้นเขาก็หยิบยาเซียนระดับ 3 ออกมาหนึ่งเม็ดแล้วใส่เข้าปาก โคจรพลังจุติมรณะและวิชาบรรพเทพโลหิตพร้อมกัน กลั่นแปรพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในสมบัติทั้งสองชิ้นนี้

หลังจากที่คลื่นพลังที่ถาโถมอยู่ในร่างกายค่อย ๆ สงบลง ผลการฝึกตนสุดท้ายของเขาหยุดอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูง!

ผลการฝึกตนของร่างแยกกฎความตายเพิ่มขึ้น ร่างแยกกฎชีวิตที่อยู่ในโลกเสวียนเทียนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

แบ่งร่างดับเบิ้ลอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูง หากรวมทั้งสองร่างเป็นหนึ่ง ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านคุณภาพ ทำให้ร่างแท้ของเขาก้าวเข้าสู่แดนเทพมารโดยตรง