บทที่ 2203 เกาก้วนเป็นไส้ศึก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ซ่างกวนชิงมองประมุขชิงตาปริบๆ

“ไม่ต้องแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรอ?” ประมุขชิงถามเสียงเรียบ

โพ่จวิน อู๋ฉวี่และซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงแล้วเดินเข้ามา ซือหม่าเวิ่นเทียนรับแผ่นหยกจะมือซ่างกวนชิงมาอ่านก่อน หลังจากอ่านแล้วก็ทำสีหน้าเหมือนพูดไม่ออก มองไปที่ซ่างกวนชิงด้วยสายตาแปลกๆ

ตามด้วยอู๋ฉวี่ แล้วสุดท้ายก็โพ่จวิน หลังจากอ่านแล้วทุกคนก็ขมวดคิ้วอย่างพูดไม่ออก

สุดท้ายประมุขชิงก็นำแผ่นหยกกลับมาอีก ตรวจอ่านดูอีกครั้ง ยืนยันซ้ำไปซ้ำมา จนแน่ใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่เกาก้วนเขียนไว้

เขากลัดกลุ้มเพราะคิดไม่ออก เกาก้วนทำอย่างนี้สื่อถึงกี่ความหมาย?

เหมือนหมายความว่าพูดทิ้งท้ายแล้วจากไป หมายความว่าจะบอกความลับให้เขารู้ หมายความว่าจะเตือนให้เขาระวังตัว แล้วหมายความว่าใส่ร้ายซ่างกวนชิงเช่นกัน ทั้งยังดูเหมือนกลัวประสบเคราะห์ร้าย ถูกบีบให้หนีไป ทำให้คนนึกเชื่อมโยงไปต่างๆ นานา

เมื่อครู่นี้ถ้าไม่เอ่ยถึงว่าเวินหวนเจินอาจจะปรากฏตัวใกล้กับเขาหลิงซาน เขาก็ไม่คิดที่จะเรียกหาเกาก้วน เพราะเรื่องจับตาดูสิบปราสาทดำเนินอยู่ในความรับผิดชอบของเกาก้วนมาตลอด ผลปรากฏว่าพอจะเรียกตัวก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เขาสังเกตุได้ถึงความผิดปกติทันที

ที่จริงตอนเปิดเผยว่าเหมียวอี้ฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดารา เขาก็สงสัยเกาก้วนแล้ว คนที่สืบหากำพืดของหนิวโหย่วเต๋อในปีนั้นก็คือเกาก้วน เกาก้วนกล่าวอย่างมั่นใจและมีเหตุผลว่าหนิวโหย่วเต๋อคือผู้สืบทอดของอสุราอัคนี เห็นได้ชัดว่าเข้าใจผิดแล้ว เกาก้วนไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องประเภทนี้ผิดพลาด

แต่ตอนหลังเขาก็มาคิดอีก รู้สึกว่าเกาก้วนไม่น่าจะมีปัญหา ลองนึกย้อนกลับไปก็จะรู้ เกาก้วนเอะอะก็ฆ่าคน หลายครั้งที่ต้องการให้หนิวโหย่วเต๋อตาย เรียกได้ว่าอยากเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อให้ถึงตายจริงๆ ไม่เหมือนโกหก ถ้ามีปัญหาอะไรจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติกับหนิวโหย่วเต๋ออย่างนี้ แต่ในเมื่อนี่เป็นแผนการของเจ้าสามไป๋ ก็มีความเป็นไปได้แน่นอนว่ามีวิธีการอะไรสักอย่างที่ช่วยปิดบังตัวตนหนิวโหย่วเต๋อได้ ปิดบังเกาก้วนก็เป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้นตอนที่ประมุขพุทธะถามถึง เขาก็คิดอย่างนี้เช่นกัน

แต่ในตอนนี้ เกาก้วนหนีไปแล้ว!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” โพ่จวินเอ่ยถาม

ซ่างกวนชิงสีหน้าขื่นขม เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ

“หรือว่าเกาก้วนจะเป็นไส้ศึก? นี่…นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” ซือหม่าเวิ่นเทียนประหลาดใจ

โพ่จวินขมวดคิ้ว “เกาก้วน แม้จะนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะเรียกว่าขุนนางทรราชก็ไม่ถือว่าเกินไป แต่เขาจำเป็นต้องเป็นไส้ศึกด้วยเหรอ? ไม่มีใครสามารถนำจุดอ่อนมาขู่เขาได้ ถ้ามีคนทำอย่างนี้จริงๆ อย่างมากเกาก้วนก็อธิบายกับฝ่าบาทให้กระจ่างได้ ฝ่าบาทย่อมใจกว้างอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง เขาไปสวามิภักดิ์ต่อคุณชายสามไป๋กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วจะได้ผลประโยชน์อะไร? อีกฝ่ายจะให้อะไรเขาได้? เขาอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตขุนนางแล้ว ยังจะมีใครมอบสิ่งที่ดีกว่าในตอนนี้ให้เขาได้อีก? เกาก้วนล่วงเกินคนไว้เยอะเกินไป มีคนที่ต้องการให้เขาตายเยอะเกินไป หนิวโหย่วเต๋อไม่มีทางที่จะไม่สนใจความคิดเห็นของกำลังพลเบื้องล่าง และอาจจะไม่ปกป้องเขาด้วย แล้วอีกอย่าง ในมือเขาก็ไม่มีอำนาจทางทหาร รับผิดชอบแค่ทรมานสืบสวนนักโทษเท่านั้น เรื่องสงครามมาถึงขั้นนี้แล้ว ความลับที่เขากุมไว้ก็ไม่ได้มีราคาอะไร แรกเกียรติยศความร่ำรวยมาไม่ได้ เกาก้วนไม่มีเหตุผลให้เป็นไส้ศึกเลย

คนที่เหลือได้ยินแล้วพยักหน้าเบาๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ผิด

ซ่างกวนชิงทำสีหน้าไม่ถูกแล้ว กล่าวยังคับแค้นโศกเศร้าว่า “โพ่จวิน ตามความหมายที่เจ้าพูด แสดงว่าสิ่งที่เกาก้วนพูดเป็นความจริง ข้าเป็นไส้ศึกงั้นเหรอ?”

โพ่จวินบอกว่า “ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นไส้ศึก แต่พูดจากในด้านต่างๆ ราคาที่เจ้าเป็นไส้ศึกสูงกว่าเกาก้วน”

ซ่างกวนชิงแทบจะทักทายบรรพบุรุษของเขา รีบหันกลับมากุมหมัดคารวะต่อประมุขชิง “ฝ่าบาท…”

“พอแล้ว!” ประมุขชิงโบกมือ จ้องซ่างกวนชิงพร้อมบอกว่า “ตรวจสอบคนของหน่วยตรวจการขวาเดี๋ยวนี้ ดูว่ายามปกติใครรับหน้าที่จับตาดูฝั่งสิบปราสาทดำเนิน ถ้าตรวจสอบเจอแล้วก็ถามถึงสถานการณ์ของสิบปราสาทดำเนินให้กระจ่างเดือนนี้ แล้วก็ ให้คนของหน่วยตรวจการขวาติดต่อไป ดูว่าสามารถติดต่อเกาก้วนได้หรือเปล่า” จากประโยคสุดท้ายสามารถฟังออกเลยว่า เขายังทำใจเชื่อได้ยากว่าเกาก้วนจะเป็นไส้ศึก เหตุผลก็เหมือนที่โพ่จวินบอก

ทางฝั่งนี้เริ่มงานยุ่งทันที

ประมุขพุทธะหันกลับมาสั่งอวี้หลัวช่าเช่นกัน “ให้คนของเจ้าหาทางหยั่งเชิงดูสักหน่อย ดูว่ายืนยันได้หรือเปล่าว่าเป็นคนของปราสาทดำเนินนภา”

“รับทราบ!” อวี้หลัวช่าจีบนิ้วตรงหน้าอก แล้วก็ออกจากรถมังกรของประมุขชิงไป

พอมาถึงด้านนอก ขณะกำลังเหาะอยู่ในดาราจักร อวี้หลัวช่าก็นำระฆังดาราขึ้นมาติดต่อเหมียวอี้อย่างสง่าผ่าเผย

การควบคุมการใช้ระฆังดาราก็แบ่งแยกคนเช่นกัน คนระดับอวี้หลัวช่าสามารถติดตามสถานการณ์ด้านต่างๆ ได้ทุกเมื่อ เป็นไปไม่ได้ที่ประมุขพุทธะจะห้ามไม่ให้นางใช้ระฆังดารา

มังกรดำบินร่อน กลับมาอยู่ข้างกายเหมียวอี้แล้ว คนกลุ่มนี้บุกเข้าไปที่อาณาเขตดาวนิรนามในอาณาเขตของสี่ทัพแล้ว

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนหัวมังกรกำลังจับเขามังกร ตาทิพย์ระหว่างคิ้วเปล่งเสาแสงสีรุ้ง กำลังจ้องไปยังจุดลึกในดาราจักร มือข้างหนึ่งหยิบระฆังดารา คำว่า : เป็นยังไงบ้าง?

อวี้หลัวช่า : พี่ใหญ่ รายงานขึ้นไปแล้ว มีปฏิกิริยาไม่น้อย แล้วก็ยังมีอีกเรื่อง ทูตตรวจการขวาเกาก้วนเหมือนจะเป็นไส้ศึก เหมือนจะหนีไปแล้ว

เหมียวอี้ : เกาก้วนเป็นไส้ศึกเหรอ?

อวี้หลัวช่า : อย่าบอกนะว่าเขาไม่ใช่คนของพี่ใหญ่? ขนาดพี่ใหญ่ก็ยังยืนยันไม่ได้เหรอ? เช่นนั้นก็แปลกแล้ว? เออใช่ ประมุขพุทธะให้เข้ามาสืบให้ชัดเจนว่าใช่คนของปราสาทดำเนินนภาหรือเปล่า

เหมียวอี้ : ข้าจะให้ฝั่งนั้นให้ความร่วมมือกับเจ้า ไม่ให้เจ้าเผยพิรุธอะไร จำไว้นะ ความปลอดภัยของเจ้ามาเป็นอันดับแรก ต้องระวังตัวไว้ ถ้าพบความผิดปกติอะไร ก็ให้ถอดตัวหนีออกมาทันที อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ ความปลอดภัยของเจ้ามาเป็นอันดับแรก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าก็ไม่มีทางแก้ตัวกับซินหูได้

อวี้หลัวช่ารู้สึกอบอุ่นในใจ รสชาติยามมีคนในครอบครัวเป็นห่วงนั้นดีจริงๆ พอนึกถึงลูกชาย จิตวิญญาณที่ว่างเปล่ามาหลายปีก็เหมือนมีที่ให้กลับบ้านทันที นางหวังจริงๆ ว่าทุกอย่างจะจบลงโดยเร็ว ตอนหลังก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าถ้ามีใครรู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไร สามารถอยู่ข้างกายลูกชายได้อย่างสงบจิตสงบใจ เป็นเพราะนางติดค้างลูกชายมากเกินไป นางตอบด้วยแววตาอ่อนโยนว่า : พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนในใจแล้ว

เหมียวอี้กำชับอีกครั้ง : ต้องระวังตัวไว้นะ

หลังจากทั้งสองติดต่อกันจบแล้ว เหมียวอี้ก็ตาเป็นประกาย เคยอาการครุ่นคิดจนเหม่อลอย เกาก้วนเป็นไส้ศึกเหรอ?

เขานึกเชื่อมโยงไปถึงสิ่งที่เซี่ยโห้วท่าพูดไว้ก่อนตาย อย่าบอกนะว่าสายลับคนนั้นคือเกาก้วนจริงๆ? ถ้าเป็นเกาก้วนจริง พูดตามตรงว่าเขาเองก็ทำใจเชื่อได้ยาก ตอนนี้พอลองนึกย้อนกลับไป ตัดสินจากเบาะแสเล็กน้อยบางอย่าง เกาก้วนก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าใช่จริงๆ ก็ถือว่าเกาก้วนคนนี้ซ่อนตัวได้ลึกเกินไปหน่อย อยู่ที่ตำหนักสวรรค์มาหลายปีขนาดนี้ ปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่ระวังตัวอย่างสูง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครพบพิรุธเลยสักนิด? ทำจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เชื่อว่าเขาคือสายลับของฝั่งตัวเอง ถ้าเป็นไส้ศึกจริงๆ ไส้ศึกคนนี้ก็ถือว่าทำงานใช้ได้เลย

พอดึงตัวเองกลับมาจากความคิด เขาก็หันกลับมาบอกหยางเจาชิงว่า “บอกเหิงอู๋เต้า ลงมือได้!”

“รับทราบ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับคำสั่ง แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหิงอู๋เต้า

ตาทิพย์เสาแสงสีรุ้งตรงหว่างคิ้วเหมียวอี้ขยับเล็กน้อย เพ่งเล็งไปยังพวกก่วงลิ่งกงที่หนีไปในจุดลึกของดาราาจักรต่อไป

เขาเจอเส้นทางหลบหนีของก่วงลิ่งกงผ่านร่องรอยที่สายลับของตระกูลเซี่ยโห้วทิ้งไว้ ไม่นานเขาก็ถูกสายลับที่ก่วงลิ่งกงดักซุ่มไว้ระหว่างทางพบแล้ว โชคดีที่เขาวางตัวสายลับไว้ข้างกายก่วงลิ่งกงตั้งแต่แรก สายข้างในบอกให้เขารู้ได้ทันเวลา บอกว่าก่วงลิ่งกงพบไส้ศึกของฝั่งนี้แล้ว ควบคุมเข้มงวดมาก ไม่มีใครมีโอกาสทิ้งร่องรอยไว้ระหว่างทางได้อีกแล้ว

ตามข่าวที่ได้รับมา เหมียวอี้รีบใช้งานตาทิพย์ ตามค้นหาตลอดทางโดยอิงจากเบาะแสที่มี ไม่นานก็เจอกลุ่มของพวกก่วงลิ่งกงแล้ว

และก่วงลิ่งกงเองก็เห็นได้ชัดเจนมากว่ากำลังพยายามสะบัดเขาให้หลุด กำลังอ้อมไปอ้อมมาอยู่ที่อาณาเขตดาวนิรนาม โชคดีที่ประตูดวงดาวของอาณาเขตดาวนิรนามแห่งนี้อยู่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าก่วงลิ่งกงอยากจะพาคนเข้าไปในประตูดวงดาว ถ้าข้ามเข้าไปในอาณาเขตดาวนิรนามนับไม่ถ้วนใน ชั่วพริบตาเดียว เช่นกันตาทิพย์ของเขาก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้เหมือนกัน

เมื่อตาทิพย์เจอกลุ่มของก่วงลิ่งกงก็จัดการง่ายแล้ว ไม่ว่าก่วงลิ่งกงจะอ้อมอย่างไร เหมียวอี้ก็นำคนตรงไปยังทางลัดในดาราจักรอันกว้างใหญ่ได้อยู่ดี เสียบเข้าไปโดยตรง…

ในดาราจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล อารามแปดทิศที่ใหญ่โตราวกับเป็นป้อมปราการในดาราจักร โลหะสะท้อนแสงอ่อนๆ

เหิงอู๋เต้าดักซุ่มอยู่ในจุดมืดของดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่ง กำลังใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์จ้องอยู่ไกลๆ หลังจากเก็บระฆังดาราในมือแล้ว ก็หันกลับมาสั่งคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาว่า “ทำตามแผน เริ่มโจมตีได้!”

“รับทราบ!” ลูกน้องที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวาเอ่ยรับคำสั่ง

ผ่านไปไม่นาน ทัพใหญ่สามร้อยล้านก็ปรากฏตัว ตั้งกระบวนทัพเรียบร้อย แล้วพุงไปทางอารามแปดทิศด้วยความเร็วสูง

ทางอารามแปดทิศ ท่ามกลางเสียงระฆังที่ดังก้องอยู่ในดาราจัก มีเสียงตะโกนดังต่อเนื่องเป็นระลอก “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก…”

ในดาราจักรนิรนาม แม่ทัพคนหนึ่งรีบเข้ามาใกล้ก่วงลิ่งกง แล้วกุมหมัดคารวะรายงาน “ท่านอ๋อง สายลับที่วางไว้ระหว่างทางพบหนิวโหย่วเต๋ออีกแล้ว”

ก่วงลิ่งกงหน้าบึ้งทันที ยังนึกว่าสะบัดหลุดแล้วเสียอีก

พอหนิวโหย่วเต๋อเข้ามาในอาณาเขตดาวนิรนาม ก็ถูกสายลับของเขาพบทันที ภายใต้ระยะทางช่วงนั้น พบว่าเส้นทางที่หนิวโหย่วเต๋อสะกดรอยตามไม่ผิดพลาดเลยสักนิด เมื่อนึกเชื่อมโยงกับเรื่องที่เถิงเฟยหลบเข้าไปในอาณาเขตดาวนิรนามแล้วแต่ยังโดนฮุบกำลังพลได้ เขาก็มั่นใจว่าในบรรดากำลังพลที่ติดตามมาด้วยมีไส้ศึก จึงสั่งให้คนแอบสังเกตการณ์ ผลก็คือพบว่ามีแม่ทัพคนหนึ่งแอบทิ้งร่องรอยเส้นทางเอาไว้

เขาย่อมเดือดดาลมากอยู่แล้ว สังหารแม่ทัพคนนั้นเสียตรงนั้นเลย จากนั้นก็จับตาดูอย่างเข้มงวด ไม่ว่าในบรรดากำลังพลที่ติดตามมาจะมีไส้ศึกหรือไม่ ก็ไม่ให้โอกาสใครได้เปิดเผยเส้นทางเลย เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด เขายังตั้งใจอ้อมอยู่ในดาราจักรเพื่อให้ฝ่ายศัตรูสับสนด้วย

ตอนหลังพบว่าหนิวโหย่วเต๋อเบี่ยงออกนอกเส้นทาง เดิมทีโล่งใจนึกว่าสะบัดหลุดแล้ว แต่ใครจะคิดว่าตอนหลังสายลับจะรายงานขึ้นมาอีก พบว่าหนิวโหย่วเต๋อโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ตอนที่แทรกซึมผ่านเส้นทางของฝั่งนี้ก็ถูกสายลับของฝั่งนี้พบเข้าแล้ว ทั้งยังเห็นกับตาว่าตรงหน้าผากของหนิวโหย่วเต๋อมีดวงตาข้างหนึ่งที่เปล่งแสงได้

หลังจากทดสอบอ้อมทางหลายครั้งจนถึงตอนนี้ ก่วงลิ่งกงก็มั่นใจได้แล้ว ว่าตัวเองอาจจะโดนหนิวโหย่วเต๋อเพ่งเล็งแล้วก็ได้ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับไส้ศึก มีความเป็นไปได้สูงว่าดวงตาเปล่งแสงบนหน้าผากหนิวโหย่วเต๋อจะเป็นอวัยวะจำพวกตาทิพย์ สามารถเล็งเป้าหมายได้ในระยะไกล

นอกจากนี้ เขาก็หาคำอธิบายอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะที่นี่คืออาณาเขตดาวนิรนาม เป็นไปไม่ได้ที่หนิวโหย่วเต๋อจะหลับหูหลับตาเพ่นพ่านไปทั่ว

หลังจากไตร่ตรองซ้ำไปซ้ำมา ก่วงลิ่งกงก็โบกมือ กำลังพลที่ติดตามมาหยุดทันที เขาหันตัวมาหาทุกคน แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “จัดกระบวนทัพรับมือศัตรู!”

ลั่วหม่างจอมพลสายวอกเตือนว่า “ท่านอ๋อง หนิวโหย่วเต๋อมีกำลังทหารเข้มแข็ง มีศักยภาพเหนือกว่าพวกเรา ใช้กำลังปะทะกันโดยตรง เกรงว่าพวกเราจะเอาชนะได้ยาก!”

“ข้าทำอะไรย่อมมีขอบเขตอยู่แล้ว!” ก่วงลิ่งกงกล่าวช้าๆ ด้วยใบหน้าขรึม

“รับทราบ!” บรรดาแม่ทัพทำได้เพียงกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง

หลังจากบรรดาแม่ทัพไปจัดการงานของตัวเองแล้ว ก่วงลิ่งกงก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อประมุขชิง…

ในถมังกรที่กำลังเหาะด้วยความเร็วสูง หลังจากประมุขชิงวางระฆังดาราแล้ว ก็กล่าวเสียงเรียบว่า “เป็นอย่างที่คาดไว้ ขอเพียงหนิวโหย่วเต๋อติดตามไม่ปล่อย ก่วงลิ่งกงจะต้องสู้เต็มที่หาโอกาสชนะแน่นอน เป็นใหญ่ในอาณาเขตคานอำนาจกับข้ามาหลายปีขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่กระดูกแข็ง จะยอมสวามิภักดิ์ง่ายๆ ได้ยังไง!”

“ก่วงลิ่งกงติดต่อเจ้ามาแล้วเหรอ?” ประมุขพุทธะถาม

ประมุขชิงพยักหน้า “เขาตอบตกลงที่จะร่วมมือกับพวกเราแล้ว พวกเขาจะโจมตีสกัดหนิวโหย่วเต๋อ ระหว่างทางมาอาณาเขตดาวนิรนามจะมีสายลับนำทางให้พวกเรา อาศัยทัพใหญ่สามร้อยล้านของเขา ก็สามารถต้านทานจนกว่าพวกเราจะไปถึงได้สบายๆ”

ซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆ ออกความคิด “พวกเขาได้สู้มากๆ หน่อยก็ได้ขอรับ พอเกิดความเสียหายพอสมควรแล้ว พวกเราค่อยลงมือ!”

“ความคิดคนชั้นต่ำ!” จู่ๆ โพ่จวินก็พูดดูถูก “เจ้าเล่นสกปรกจนชินแล้ว บนสนามรบให้ความสำคัญกับการตัดสินใเด็ดขาดยามวิกฤต ก่วงลิ่งกงไม่ใช่คนโง่ ระหว่างทางมีสายลับของเขา เขาจะไม่รู้ถึงความช้าเร็วของพวกเราเชียวเหรอ? ให้พวกเขาพบว่าพวกเรามีเจตนานี้ เจ้าคิดจะบีบให้ก่วงลิ่งกงจนตรอกแล้วไปเข้าข้างหนิวโหย่วเต๋อเหรอ? ข้าว่าเจ้าเหมือนไส้ศึกยิ่งกว่าเกาก้วนอีก!”

……………………