ตอนที่ 2064 มากันครบ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2064 มากันครบ

 

คนที่ปรากฏตัวคือจฮุยหยิน

 

หลิงฮันคิดจะมาที่นี่เพื่อหาผงกระดูกมังกรสวรรค์ การที่คนอื่นจะมีความคิดเหมือนกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

เมื่อเห็นขี่ยหยิน เทียนชิงเต่ก็รีบดึงสายตากลับมา เพราะไม่ต้องการเสียหน้าต่อหน้าศัตรูเก่า

 

“ธิดา เป็นเขาคนนั้น!” ด้านหลังขี่ยหยิน ชายสวมชุดเขียวผู้หนึ่งชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน

 

เจ้าชี้นิ้วมาที่ข้าทําไม?

 

“เห็นหลายคนบอกว่าเจ้าสามารถกระตุ้นสะพานมังกรสีดําได้งั้นรึ?” จขี่ยหยินเปิดปากเอ่ยถามหลิงชั้น

 

“ว่าไงนะ!” เทียนซึ่งเย่อุทานออกมา

 

เรื่องเช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร!

 

สะพานมังกรคือตัวแทนแห่งเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุด ตั้งแต่ที่เขตแดนลี้ลับร้อยมังกรปรากฏขึ้นมาไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เหยียบย่าถึงจุดนั่นได้ จนมันถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจเอื้อมถึง

 

เทียนชิงเย่สงบสติอารมณ์และไม่คิดว่าคําพูดของฐ์ขี่ยหยินจะผิดพลาด

 

พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับที่เรียกว่าได้อัศจรรย์อีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะอยู่แค่ในระดับตัดวิญญาณหยางแต่ก็สามารถต่อสู้ทัดเทียมกับเขาได้ซึ่งเป็นศักยภาพที่อยู่เหนือไปกว่าจักรพรรดิถ้าหากจะบอกว่าอีกฝ่ายสามารถกระตุ้นเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดสําเร็จก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

 

ทําไมเกียรติยศนั้นถึงไม่เป็นของเขากัน?

 

เทียนชิงเก่าหมัดแน่นเพื่อพยายามระงับไม่ให้ตนเองลงมือ

 

หลิงฮันมองไปยังฐ์ขี่ยหยินก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “ถูกแล้ว”

 

มีหลายคนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจึงไม่จําเป็นต้องปิดบัง หรือต่อให้อยากปิดบังก็คงปิดไม่ได้

 

จขี่ยหยินพยักหน้าและกล่าว “อาจารย์ของข้าคาดเดาว่าหากกระตุ้นเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้ก็จะได้ รับบุปผาแห่งเต๋จากที่นั่น ซึ่งข้ามั่นใจว่าพี่ชายหญิงน่าจะเก็บเกี่ยวมาได้บ้างสินะ?”

 

หลิงฮันหรี่ตาลงและคิดว่าอาจารย์ของสตรีผู้นี้จะต้องเป็นราชานิรันดร์ระดับเก๋ หรือราชานิรันดร์ระดับแปดเป็นอย่างน้อยแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่สามารถคาดเดาความลับของสวรรค์และปฐพี่ได้แต่เขาก็ไม่มีความจําเป็นอะไรที่จะต้องตอบสตรีตรงหน้าเขาจึงทําเพียงยิ้มอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

 

“ข้าอยากจะขอให้พี่ชายหลิงขายบุปผาแห่งเต๋ให้ข้าสิบต้น” สู่ยหยินกล่าว

 

ช่างโลภมากอะไรอย่างนี้

 

จํานวนของบุปผาแห่งเต๋ที่หลิงชั้นเก็บเกี่ยวได้คือสิบเจ็ดต้นเท่านั้น แถมหลังจากแบ่งพวกมันให้กับสตร์ทั้งสามโดยเฉลี่ยนแล้วพวกเขาทุกคนได้บุปผาแห่งเต๋ไปคนละเกือบๆห้าต้นเท่านั้นต่อให้หลิงฮันไม่ได้แบ่งปันพวกมันให้กับสตรีทั้งสามหลังจากขายสิบต้นให้จฮุยหยินแล้วบุปผาแห่งเต่ที่เขาเหลืออยู่ก็ยังน้อยอยู่ดี

 

และประเด็นคือบุปผาแห่งเต๋นั้นแตกต่างจากผลึกมังกร ความล้ําค่าของมันเกินกว่าจะนําศิลาดวงดาวมาแลกเปลี่ยนได้

 

อย่างที่รู้กันว่า สมบัติชิ้นนี้มีเพียงคนที่ก้าวเดินเข้าสู่สะพานมังกรสีดําเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองซึ่งในยุคสมัยนี้มีเพียงหลิงฮันกับคู่หมิงแค่สองคน

 

หลิงฮันส่ายหัว “ข้าไม่พบเจอบุปผาแห่งเต่าอะไรนั่นทั้งนั้น”

 

“พี่ชายหลิงฮันจะใจจืดใจดําไปหน่อย?” ใบหน้าอันงดงามของฐ์ขี่ยหยินมืดมนลงเล็กน้อย

 

“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?” จักรพรรดิเอ่ยปาก กลิ่นอายอันสูงส่งของนางถูกปลดปล่อยออกมาทําให้ถึงแม้ระดับพลังของนางจะไม่สูง แต่ออร่าของนางกลับทรงพลังเป็นจนน่าประหลาดใจนี่คืออํานาจที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิดและไม่มีใครเลียนแบบได้

 

จฮุยหยินไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ใบหน้าอันงดงามของนางค่อยๆ ปรากฏร่องรอยของความเย็นชาและชี้นิ้วใส่จักรพรรดินี“เจ้ากล้าพูดจาสามหาวกับข้างั้นรึ?”

 

“เป็นเจ้าเองที่เสนอหน้ามาแส่หาเรื่อง” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าไม่มีนิสัยชอบทุบตีสตรีแต่ถ้าหากเจ้ารนหาที่ข้าก็ไม่คิดจะสุภาพด้วย”

 

“เหอะๆ คิดว่ากระตุ้นเส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุดได้แล้วจะไร้เทียมทานที่สุดในยุธภพหรือไงกัน?” จฮุยหยินกล่าวอย่างเหยียดหยาม

 

นางกับหลิงฮันมีความต่างในระดับพลังอยู่ถึงสามระดับย่อย แถมเมื่อนับรวมศักยภาพระดับจักรพรรดิของนางเข้าไปความต่างชั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นถึงห้าระดับย่อย ซึ่งหลิงฮันมีคุณสมบัติอันใดมาพูดจากับนางเช่นนั้น?

 

“ฮุยหยิน อย่าได้ประมาทคนผู้นี้” เทียนชิงเย่กล่าวด้วยสีหน้าพะอืดพะอม “พวกเราจะร่วมมือกันและแบ่งบุปผาแห่งเต๋เท่าๆกัน”

 

จีฮุยหยินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานออกมา “หรือว่าเจ้าประมือกับเขาแล้ว?”

 

หากไม่ใช่แบบนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เทียนชิงเย่จะยื่นข้อเสนอให้ร่วมมือกัน

 

เทียนชิงเย่จะต้องเอาชนะหลิงฮันไม่ได้เป็นแน่… พระเจ้า ทั้งๆ ที่หมอนั่นยังเป็นเพียงจอมยุทธรดับตัดวิญญาณหยางตัวจอยแท้ๆ!

 

นางประเมินต่ําไปจริงๆ แต่มาคิดดูแล้วคนที่สามารถเหยียบย่าเข้าสู่เส้นทางแห่งเดสวรรค์สูงสุดได้จะทําความเข้าใจด้วยสามัญสํานึกธรรมดาได้อย่างไร?

 

เทียนชิงเต่ไม่อยากยอมรับ แต่เหตุผลข้อแรกเลยคือเขามีความจําเป็นต้องสังหารหลิงฮันตั้งๆเน้นๆ และเห ตุผลข้อสองคือเขาต้องการบุปผาแห่งเต๋ เพราะงั้นหลังจากเล็กน้อยอยู่เล็กน้อยเขาก็พยักหน้ายอมรับ

 

ถึงแม้ขี่ยหยินจะคาดเดาเอาไว้แล้ว นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงอยู่ดี

 

จิตสังหารของนางพรั่งพรูออกมาในทันที อัจฉริยะเช่นนี้หากปล่อยไว้นางคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ

 

“ตกลง มาจัดการหมอนั่นด้วยกัน!” นางตัดสินใจเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว

 

เทียนชิงเต่พยักหน้า จริงอยู่ที่ตัวเขาคนเดียวไม่สามารถสังหารหลิงฮันได้ แต่ถ้ามีจ์ขี่ยหยินมาเพิ่มโอกาสที่จะกําราบหลิงฮันได้ก็มีสูงขึ้น เพราะพวกเขาจะช่วยกับใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์หลอมร่างของหลิงฮัน

 

ภายใต้การบดขยของอํานาจแห่งเต๋สวรรค์และปฐพี ต่อให้เป็นกายหยาบที่ไร้เทียมทานที่สุดก็สามารถกลายเป็นเศษซากได้

 

สุดยอดจักรพรรดิทั้งสองเผยจิตสังหารอันโหดเหี้ยม จํานวนครั้งที่ทั้งสองร่วมมือกันนั้นเกิดขึ้นน้อยมากยิ่งการร่วมมือกันเพื่อจัดการจอมยุทธที่ระดับพลังต่ํากว่าตนเองถึงสามระดับย่อยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหากข่าวนี้แพร่งพรายออกไปเกรงว่าใครก็คงไม่เชื่อ

 

พรึบ!

 

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เงาของจอมยุทธร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานเข้ามาจากระยะไกลด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ โดยที่ด้านหลังของเขามีร่างอีกสองร่างไล่ตามมาด้วยความเร็วที่ทัดเทียมกัน

 

“โอ้?” ร่างเงาที่น่าอยู่ด้านหน้าชุดชะงักและกล่าวกับหลิงฮัน “อะไรกัน เจ้ากําลังตกที่นั่งล่าบากอยู่งั้นรึ?”

 

ร่างเงานี้คือจอหมิง

 

หลิงฮันอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขาก็เห็นร่างเงาอีกสองร่างหยุดนิ่งเช่นกัน ทั้งสองคนนี้… คือเซียโหวถึงกับยี่หวานิ่ง

 

“ไม่หนีต่อแล้วรี?” เซียโหวถงกล่าวกับพี่อู่หมิงด้วยน้ําเสียงเย็นชา

 

จ่อหมิงกวาดสายตามองอย่างไม่แยแสและกล่าว “ข้าแค่ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับพวกเจ้าเท่านั้นคิดว่าข้ากลัวร์ไง?”

 

“เหอะ ช่างปากกล้า!” ยี่หวานิ่งแสยะยิ้มมุมปากด้วยท่าทางโอหัง

 

เทียนชิงเยู่กับสู่ยหยินสับสนเล็กน้อย จักรพรรดิทั้งสองอย่างเซียโหวถงกับยี่หวานิ่งไล่ตามจีอู่หมิงมาด้วยกันในขณะที่พวกเขาทั้งสองเองก็กําลังจะร่วมมกันเพื่อจัดการหลั่งฮัน แต่กลายเป็นว่าหลิงฮันกับคู่หมิงเองก็ดูเหมือนจะรู้จักกัน… ช่างเป็นสถานการณ์ที่ประหลาดนัก

 

หลิงฮันกล่าวแทรกออกไป “สองคนนั้นเองก็ต้องการบุปผาแห่งเต๋ของเจ้าเหมือนกันสินะ?”

 

“ก็แค่ตัวโง่งมทั้งสอง” จ่อหมิงกล่าวอย่างไม่แยแส หากจะมีใครสักคนที่เขานับว่าเป็นคู่ต่อสู้ เกรงว่าในยุทธภพนี้ก็คงจะมีหลิงฮันแค่คนเดียว

 

ต่อให้พวกยหวานิ่งจะมีระดับพลังที่สูงกว่าแล้วมันอย่างไร? ในอดีตกาลที่เขายังเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าและยืนอยู่บนจุดสูงสุด จอมยุทธที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะไร้ผู้ใดเปรียบอย่างยหวานิ่งกับเซี่ยโหวถงนั้นเขาเคยเห็น และสังหารมาแล้วมากมาย

 

ฟังจากที่หลิงฮันกล่าวแล้ว เทียนชิงเต่กับฮุยหยินก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขากับพวกเซียโหวถงมีจุดประสงค์แบบเดียวกันแต่มีเป้าหมายที่ต่างกัน

 

“อย่าก้าวก่ายเป้าหมายของกันและกัน”