เช้าวันรุ่งขึ้น
เงาร่างหลายสิบร่างยืนอยู่หน้าโถงใหญ่เขาชำระจิต มีทั้งหญิงทั้งชาย ต่างเป็นลูกหลานรุ่นเยาว์ตระกูลหลิน
ในกลุ่มนี้ที่อายุมากหน่อยก็อย่างหลินเสวี่ยเฟิง ว่ากันตามศักดิ์แล้วยังเป็นญาติผู้พี่ของหลินสวิน
ส่วนที่อายุน้อยยังเพิ่งอายุสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้น ต้องเรียกหลินสวินว่าท่านอาหรือท่านลุง
แต่ละคนต่างรออยู่เงียบๆ ใบหน้าเต็มไปความกังวล ร้อนรน ตั้งตาคอยและคาดหวัง
เมื่อหลินสวินเดินออกมาจากโถงใหญ่ภูเขาชำระจิตก็เห็นภาพเช่นนี้
“ไม่ได้บอกว่าขอแค่สิบคนหรือ”
หลินสวินอึ้งไป
“นายน้อย ท่านมาเลือกเอาเองเถอะ”
หลินจงยิ้มเจื่อน
หลินสวินชำเลืองมองไปไกล ที่นั่นมีคนใหญ่คนโตตระกูลหลินมากมายกำลังชะเง้อคอมอง ใบหน้าเจือแววคาดหวัง
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแล้ว แอบอยากหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ การไปสังหารอสูรมารคราวนี้ของตนไม่ได้เป็นการพาเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งไปท่องใต้หล้าเสียหน่อย
สุดท้ายเขาก็กวาดสายตาไปในที่นั้นปราดหนึ่ง แล้วเลือกลูกหลานตระกูลหลินออกมาสิบคน
พวกเขาต่างมีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ศักยภาพสูง แม้ไม่ถึงกับเป็นอัจฉริยะที่มีน้อยในใต้หล้า แต่เมื่อเทียบกันแล้วความสามารถก็ถือว่าไม่เลว
แน่นอนว่าในใจหลินสวิน พรสวรรค์กับศักยภาพล้วนเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญยังอยู่ที่จิตใจ
ฝึกมรรคก็คือฝึกใจ
ผู้มีปัญญาโง่เขลา ขอเพียงพากเพียรไม่ลดละ ภายหน้าก็จะมีช่วงเวลาที่สั่งสมความสามารถในมรรคาได้
ผู้มีปัญญาล้ำเลิศ หากจิตใจไม่แน่วแน่ก็ย่อมไปได้ไม่ไกลในเส้นทางฝึกมรรค
อย่างสิบคนที่เขาเลือกมานี้ ก่อนหน้านี้ก็เผยสีหน้าเยือกเย็นหนักแน่นต่างจากผู้อื่น
หลังจากได้รู้ผล ในที่นั้นมีทั้งคนเศร้าซึมและดีใจระคนกันไป
หลินเสวี่ยเฟิงอึดอัดใจอยู่บ้าง เขาเป็นคนที่อายุมากที่สุดในที่นั้น ทั้งยังเป็นญาติผู้พี่ของหลินสวิน แต่กลับไม่ถูกเลือก
แม้ในตอนแรกเขาไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ตอนนี้ยังออกจะผิดหวังอย่างเลี่ยงได้ยาก
“เสวี่ยเฟิง เจ้าก็มาด้วยกันเถอะ”
เสียงของหลินสวินดังขึ้นข้างหู ทำให้หลินสวินเสวี่ยเฟิงชะงักไป ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้ม พยักหน้าไม่หยุด
หลินสวินทอดสายตาไปมองหลินจง “ลุงจง เรื่องหอเก็บตำรากับหอสมบัติล้ำค่าจะต้องจัดการให้เรียบร้อย ขอเพียงเป็นลูกหลานตระกูลหลินของเรา ใครมีความสามารถโดดเด่นก็จะได้รับรางวัลทั้งนั้น!”
หลินจงพยักหน้า “วางใจเถอะขอรับนายน้อย!”
หลินสวินร้องอืม
ช่วงหลายปีที่ท่องไปในดินแดนรกร้างโบราณ ตัวเขาได้สะสมสมบัติอย่างวัตถุดิบวิญญาณ ของล้ำค่าศักดิ์สิทธิ์ ลูกกลอนโอสถและตำราไว้จำนวนมาก
และตอนนี้เขาเป็นมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดแล้ว สมบัติบางชิ้นก็ใช้ไม่ได้ไปนานแล้ว ดังนั้นจึงเอาออกมาทิ้งไว้ในหอเก็บตำรากับหอสมบัติล้ำค่าของภูเขาชำระจิตตระกูลหลินทั้งหมด
เป้าหมายก็เพื่อให้ตระกูลหลินได้มีรากฐานและโอกาสผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในช่วงฟ้าดินแปรผันฉับพลันครั้งนี้
อย่างการนำลูกหลานตระกูลหลินสิบคนไปสังหารอสูรมารที่แนวหน้าคราวนี้ หลินสวินก็มีความคิดจะบ่มเพาะส่งเสริมให้เหล่าลูกหลานเติบโต
ถึงอย่างไรการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนก็ต้องเปิดฉากขึ้นภายในสิบปี ถึงตอนนั้นเขาก็ต้องจากไปแล้ว
แผนการของหลินสวินก็คือ ภายในสิบปีนี้จะต้องทำบางอย่างเพื่อตระกูลหลินให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็ทำให้ก่อนตนจากไปจะได้ไม่ต้องกังวลใจกับคนข้างหลังอีก
สวบ!
ไม่นานนักยานขนส่งอวกาศก็ทะยานฟ้า นำหลินสวิน หลินเสวี่ยเฟิง รวมทั้งลูกหลานตระกูลหลินสิบคนจากไปกลางอากาศ
บนยานสำเภาหลินสวินเปิดม้วนหยกออก ภายในบันทึกข้อมูลโดยละเอียดของกองทัพสัตว์อสูรมารที่กระจายตัวอยู่ในอาณาเขตจักรวรรดิ
‘ที่ส่วนลึกของเทือกเขาวิญญาณหยินนอกเมืองดาราโรยในมณฑลซีหนานของจักรวรรดิ เป็นอาณาเขตกองทัพสัตว์อสูรมารกองหนึ่ง ผู้นำ ‘ราชันอสูรมารเกราะทอง’ มีกองทัพอสูรมารแสนตนในปกครอง มีแม่ทัพอสูรมารทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองตน…’
‘ในบึงยักษ์เขางูเหลือมมณฑลอวิ๋นกวงของจักรวรรดิ มีเก้ามหาราชันอสูรมารกับเหล่าบริวารสัตว์อสูรมารยึดครอง เหิมเกริมไปทั่วทั้งแถบ ผู้นำของกลุ่มนั้นคือ ‘ราชันนิลดำ’…’
‘ที่มณฑลเป่ยถิงของจักรวรรดิ…’
ข่าวแล้วข่าวเล่าฉายขึ้นในใจของหลินสวินราวสายน้ำไหล ทำให้เขานิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้
จนถึงตอนนี้ในมณฑลของจักรวรรดิ เกือบครึ่งหนึ่งต่างประสบภัยพิบัติจากอสูรมารอย่างหนัก ปัญหานี้รุนแรงนัก
พออ่านจนจบหลินสวินก็เข้าใจคร่าวๆ แล้ว
ราชันอสูรมารก็คืออสูรมารบำเพ็ญที่มีพลังปราณระดับราชันขึ้นไป ต่างเกิดจากสิ่งมีชีวิตจำพวกสิงสาราสัตว์ ภูตไพรต้นไม้ใบหญ้าเข้าถึงมรรค
ภายในจักรวรรดิในปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งราชันอสูรมารที่เป็นที่รู้จักมีสามสิบหกตน
ในกลุ่มนี้ที่มีภัยคุกคามต่อจักรวรรดิมากที่สุดคือ ‘ราชันชุดดำ’ ที่อยู่ในพื้นที่มณฑลทางใต้ของจักรวรรดิ ศักยภาพลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ลือกันว่ามีพลังปราณน่าหวาดหวั่นอมตะเคราะห์ด่านเก้า ถึงกับเป็นไปได้สูงว่าจะบรรลุระดับอริยะแล้ว!
ราชันชุดดำปรากฏตัวน้อยนัก ข่าวคราวของเขาก็น้อยที่สุด ดูลึกลับอย่างยิ่ง
‘ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า… และอาจจะเป็นระดับอริยะหรือ ราชันชุดดำผู้นี้ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับไหนเข้าถึงมรรคกัน…’
หลินสวินจมสู่ความคิด
เรื่องนี้ไม่ปกตินัก!
เป็นอย่างที่จ้าวจิ่งเซวียนว่าไว้ ในจักรวรรดิแต่ก่อนมีอสูรมารบำเพ็ญดำรงอยู่น้อยนิด แต่พอฟ้าดินแปรผันฉับพลันช่วงสิบกว่าปีนี้ ภายในจักรวรรดิเริ่มมีสัตว์อสูรมาร อสูรมารบำเพ็ญและราชันอสูรมารปรากฏตัวมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย…
เหมือนกับโผล่มากลางอากาศ
หลินสวินไม่เชื่อว่าภายในเวลาสั้นๆ แค่สิบปี ฟ้าดินแห่งนี้จะสร้างผู้แข็งแกร่งระดับราชันกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งออกมาได้
พูดอีกอย่าง ที่มาที่ไปของสัตว์อสูรมารเหล่านี้มีปัญหา!
ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นว่าพอฟ้าดินแปรผันฉับพลัน อาณาเขตจักรวรรดิก็ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขยายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากกว่าสามเท่าไปด้วย!
ภายในอาณาเขตเหล่านี้มีภูเขาลือชื่อ แดนมงคล แม่น้ำ ทะเลสาบมากมายปรากฏขึ้น… ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีมาก่อน
อิงตามคำพูดของจ้าวจิ่งเซวียน จักรวรรดิในอดีตก็เหมือนพื้นที่ที่ถูกผนึกไว้แห่งหนึ่ง เพียงเผยให้เห็นแค่มุมหนึ่งของโลก
และตอนนี้พร้อมกับที่ฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ผนึกก็สลายตามไปด้วย จึงทำให้ดินแดนปรากฏขึ้นในโลกมากยิ่งขึ้น!
อีกทั้งพร้อมๆ กับที่ฟ้าดินแปรผันฉับพลันดำเนินไป ภายหน้าสถานการณ์เช่นนี้ยังจะปรากฏมากยิ่งขึ้น
“พิกลจริงๆ…”
ก่อนหน้านี้หลินสวินก็รู้ว่าโลกชั้นล่างไม่ธรรมดา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ภายในอาณาเขตจักรวรรดิก็เกิดเรื่องพิสดารเช่นนี้ขึ้นแล้ว
“ผู้นำตระกูล คราวนี้พวกเราไปสังหารอสูรมารที่ไหนหรือ”
หลินเสวี่ยเฟิงเดินมา ขัดจังหวะความคิดของหลินสวิน
“ไปมณฑลซีหนาน”
หลินสวินเอ่ย ราชันอินทรีแดงก็ประสบเหตุไม่คาดฝันในส่วนลึกของเทือกเขาวิญญาณหยิน นอกเมืองดาวตกในมณฑลซีหนานของจักรวรรดิเช่นกัน
และในเวลาเดียวกัน สำหรับหลินสวินแล้วมณฑลซีหนานก็มีความหมายไม่ธรรมดาอยู่
สมัยเด็กตอนเขามาถึงจักรวรรดิครั้งแรก สถานที่ที่เขาเข้ามาก็คือเมืองตงหลิน ซึ่งเป็นเมืองชายแดนมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ
……
ในวันที่หลินสวินจากมาก็มีข่าวปะทุขึ้นภายในนครต้องห้าม…
หลินสวิน ผู้นำภูเขาชำระจิตได้ออกจากนครต้องห้ามไปขจัดภัยพิบัติอสูรมารที่แนวหน้าแล้ว!
หินก้อนเดียวก่อให้เกิดคลื่นพันชั้น ทำให้หลายคนต่างตกตะลึง ข่าวมากมายที่ลือกันในนครต้องห้ามช่วงนี้บอกว่า เพราะหลินสวินล้มตระกูลจั่วและฉิน จึงทำให้กองทัพสัตว์อสูรมารกับพ่อมดเถื่อนเก้าสายคว้าโอกาสรุกรานจักรวรรดิยิ่งขึ้น เหมือนกับโจมตีหลินสวินด้วยการมองว่าเขาเป็นผู้ทำผิดมหันต์
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหลินสวินจะเริ่มโจมตีกลับแล้ว
ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้แจกแจงอะไรเลย แค่ไปขจัดภัยพิบัติอสูรมารตรงๆ!
ข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สะเทือนนครต้องห้ามทันที
ในช่วงใกล้ๆ นี้สถานการณ์ของจักรวรรดิโกลาหลขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติของสัตว์อสูรมารหรือการรุกรานของพ่อมดเถื่อนเก้าสาย ต่างทำให้ทุกคนในจักรวรรดิระส่ำระสาย
และตอนนี้หลินสวินกำลังจะออกโจมตี ใครจะไม่จับตามองได้
บุคคลร้ายกาจแห่งยุคที่สามารถเหยียบย่ำขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูล อย่างตระกูลจั่วและฉินด้วยตัวคนเดียวผู้นี้ จะต้านคลื่นคลั่ง ใช้พลังของตนคนเดียวกำราบภัยพิบัติอสูรมาร คลี่คลายสถานการณ์ของจักรวรรดิได้หรือไม่
“ดียิ่งนัก! มีใต้เท้าหลินสวินออกโจมตี จะต้องกวาดล้างศัตรูรอบด้าน ฆ่าจนกองทัพสัตว์อสูรมารพวกนั้นหนีหางจุกตูดแน่!”
“ใครว่าผู้อาวุโสหลินสวินกล้าแต่ในบ้านกัน ลุกขึ้นมาเลย ข้าจะด่ามันให้ตายไปข้างหนึ่ง!”
“ข้าตั้งตารอตอนผู้อาวุโสหลินสวินได้รับชัยชนะกลับมานัก!”
ในนครต้องห้ามแม้แต่คนธรรมดายังได้ข่าว รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิม ความรู้สึกดีต่อหลินสวินก็เพิ่มพูนขึ้นมาก
ในช่วงที่ผ่านมานี้กองทัพสัตว์อสูรมารรุกรานภายในจักรวรรดิไม่ว่างเว้น เผาปล้นชิงฆ่า ทำชั่วทุกรูปแบบ ทำให้ปวงประชาใต้หล้าแค้นเคืองมานานแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นย่อมดึงดูดความสนใจเช่นนี้ไม่ได้แน่ แต่หลินสวินกลับต่างออกไป สำหรับทุกคนในจักรวรรดิในตอนนี้แล้ว เขาก็เหมือนเรื่องเล่าขานตำนานไร้พ่ายบทหนึ่ง!
เขาคนเดียวยังสามารถปั่นป่วนึคลื่นลมในนครต้องห้าม สร้างแรงสะเทือนให้จักรวรรดิ!
และตอนนี้เขากำลังจะไปขจัดภัยอสูรมาร ใครจะไม่ตื่นเต้นได้
ส่วนข่าวลือ คำใส่ร้าย และการติฉินนินทาที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินซึ่งเผยแพร่ไปในช่วงนี้ก็มลายไปสิ้น ไม่มีที่ให้ดำรงอยู่ได้อีกต่อไป เพราะข่าวอันสะเทือนเลื่อนลั่นนี้กระจายออกมา!
“เจ้าหมอนี่ ในที่สุดก็เริ่มทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อจักรวรรดิบ้างแล้ว” แม้แต่ขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลบางกลุ่มยังทอดถอนใจไม่ว่างเว้น
หลินสวินแข็งแกร่งมาก และทำให้ขุมอำนาจมากมายหวาดกลัวหาใดเทียบ ตอนนี้เขาลุกขึ้นมาขจัดภัยพิบัติสัตว์อสูรมารได้ ย่อมทำให้ทุกคนดีใจ
หลายวันผ่านไปแม้แต่ขุมอำนาจสัตว์อสูรมารภายในจักรวรรดิบางกลุ่มยังตระหนก หลังจากได้ข่าวนี้ต่างฮือฮาไปครู่หนึ่ง
ราชันอสูรมารบางตนนิ่วหน้าไม่ว่างเว้น เริ่มระมัดระวัง
และมีราชันอสูรมารบางส่วนคุยโวสีหน้าหยิ่งผยองว่า “หลินสวินหรือ ถ้ามันกล้ามา ข้าจะให้มันรู้ว่าอย่างไรเรียกว่ารนหาที่ตาย!”
ท่าทางเย่อหยิ่งดูแคลนเช่นนี้ สร้างความโกรธาให้กับผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิไม่รู้เท่าไร
ไม่นานนักก็หาราชันอสูรมารตนนี้พบ เขาคือ ‘ราชันสุนัขโลหิต’ ที่ยึดครองดินแดนในมณฑลซีเป่ยของจักรวรรดิ เป็นอสูรมารบำเพ็ญระดับราชันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งผู้หนึ่ง
“ข้าชื่นชมหลินสวินนัก ตอนนี้ข้างกายข้ากำลังขาดข้ารับใช้เผ่ามนุษย์ที่มีฝีมือคนหนึ่งพอดี หลินสวินคนนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมากคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย”
ราชันเกราะทองที่ยึดครองอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาวิญญาณหยิน ในมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิเอ่ยโอ้อวดว่าต้องการรับหลินสวินเป็นข้ารับใช้!
ทันใดนั้นหลายคนต่างสูดหายใจเย็น ราชันเกราะทองเป็นถึงอสูรมารบำเพ็ญที่น่ากลัวผู้หนึ่ง โด่งดังเป็นที่สุด
“รอดูเถอะ หลินสวินจะต้องไปมณฑลซีหนาน ราชันเกราะทองอย่างเจ้าล้างคอให้สะอาดรอไว้จะดีที่สุด!”
และมีผู้แข็งแกร่งในจักรวรรดิมากมายโกรธจนกัดฟันกรอด
มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่เผยสีหน้าประหลาด เพราะนางรู้ว่าเป้าหมายแรกที่หลินสวินเลือกฆ่าก็คือราชันเกราะทอง!
ถึงตอนนั้นหากราชันเกราะทองผู้นั้นได้พบหลินสวิน จะทำสีหน้าเช่นไรกัน
สวบ!
และตอนนี้ยานขนส่งอวกาศกำลังตัดผ่านกลางชั้นเมฆ หลินสวินที่มีฐานะเป็นผู้นำกำลังชี้แนะการฝึกปราณแก่ลูกหลานตระกูลหลินสิบคนนั้น ถ่ายทอดวิชาความรู้ ชี้แจงแถลงไข
ไม่ได้สังเกตเลยว่าเพราะการออกเดินทางของเขาได้ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนในจักรวรรดิ ดึงดูดสายตาไม่รู้เท่าไรให้จับจ้องมา
——