“เหตุใดจึงยังไม่ออกมา? หรือว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นแล้วจริง ๆ?”

เวลาผ่านไปราว ๆ เกือบสามเดือนแล้ว นับตั้งแต่หลัวซิวเข้าไปภายในแดนปริศนาเบญจธาตุ ทางเข้าของแดนปริศนาก็เงียบสงบมากมาโดยตลอด

เซียวจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่พวกเขากังวลใจมากที่สุดกลับไม่ใช่ความเป็นความตายของหลัวซิว แต่เป็นกังวลว่าเขาจะสามารถนำเอาบทสุดท้ายของวิชาหยางมหาเบญจธาตุออกมาได้หรือไม่

ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมา เขามาที่แดนปริศนาเบญจธาตุหลายต่อหลายครั้ง ว่ากันตามหลักแล้วไม่ควรจะมีสิ่งอันตรายใด ๆ ถึงจะถูก นอกเสียจากหลัวซิวจะบังเอิญเจอเรื่องอื่นภายในแดนปริศนา

ถึงอย่างไร ในบรรดาพวกเขาก็มีเพียงแค่เซียวจื่อเจี้ยนเท่านั้นที่ผ่านทะลุไปยังด่านที่หกได้ ส่วนด่านหลังจากนั้นแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร พวกเขาเองต่างก็ไม่รู้แน่ชัด

ในมุมมองของปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิว ด้วยพลังพรสวรรค์ของหลัวซิว อย่างน้อย ๆ ก็สามารถฝ่าไปได้จนถึงด่านที่เก้า มีความหวังอย่างมากที่จะสามารถนำวิชาหยางมหาเบญจธาตุทั้งหมดออกมาได้

เขาหยุดอยู่ที่แดนจ้าวนภานี้เป็นเวลานานเกินไปแล้ว อายุขัยของจ้าวนภาโดยทั่วไปคือแปดแสนปี แต่อายุของเขาในตอนนี้ได้ถึงสี่แสนกว่าปีเข้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะสิ้นเปลืองศักยภาพของตัวเองจนเกือบหมด อีกทั้งยังบั่นทอนอายุขัยของตนลงเรื่อย ๆ อีกด้วย แต่พลังไม่เพิ่มขึ้น กลับกันมันยิ่งลดลง เหมือนกับกำลังเดินลงเขา

หากว่าไม่สามารถบรรลุถึงแดนราชาเทพก่อนห้าแสนปีได้ เช่นนั้นต่อให้ได้รับวรยุทธ์เพื่อบรรลุราชาเทพ โอกาสที่เขาจะบรรลุได้สำเร็จนั้น ก็มีเสียยิ่งกว่าน้อยอีก

เขาต้องการได้รับวิชาหยางมหาเบญจธาตุบทสุดท้ายอย่างเร่งด่วน สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงวรยุทธ์ให้สมบูรณ์ และได้รับโอกาสในการบรรลุราชาเทพ

พอดีกับได้เล็งเห็นถึงพรสวรรค์ของหลัวซิว มีความหวังว่าจะสามารถฝ่าด่านแดนปริศนาเบญจธาตุได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะยิ้มเขาเอาไว้ข้างกาย กระทั่งไม่สนใจว่าจะต้องเป็นศัตรูกับซือถูเจิ้งเจี้ยน

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับโอกาสที่ตนจะได้บรรลุเป็นราชาเทพ ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับผู้แข็งแกร่งราชาเทพ ก็ถือว่าคุ้มค่า

แต่หากหลัวซิวล้มเหลวขึ้นมา เช่นนั้นสำหรับปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวแล้ว ก็ถือว่าพ่ายแพ้ทั้งกระดาน มีหนทางเดียวคือไปยังโลกพิภพอื่นเท่านั้น หนีออกจากขอบเขตอำนาจของซือถูเจิ้งเจี้ยน จึงจะสามารถหนีออกจากสงครามไล่ล่านี้ได้

“พี่ใหญ่ ช่วงนี้มีผู้แข็งแกร่งแห่งโลกาอสูรฟ้าเข้าไปค้นหาภายในอนัตตาไม่สิ้นอยู่บ่อยครั้ง เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็คงจะค้นพบที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่พวกเราพี่น้องจะต้องถูกซือถูเจิ้งเจี้ยนไล่ล่า ทางเข้าของแดนปริศนาเบญจธาตุก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกเปิดเผย!” ปีศาจหกสวีโยวจือพูดเสียงขรึม

ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่มา เขาได้จัดวางค่ายกลเอาไว้ไม่น้อย มีไว้เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวัง เพราะฉะนั้นสำหรับการเคลื่อนไหวของกองกำลังต่าง ๆ แห่งโลกาอสูรฟ้า จึงได้ค่อนข้างแน่ใจ

“รออีกสิบวัน!”

ยู่หวูฉิวสูดหายใจเข้าลึก “หลังจากนี้สิบวัน หากซิวหลัวยังไม่ออกมา พวกเราก็จะได้จากที่นี่ ไปยังโลกะอัมพรเทว”

นี่เป็นสิ่งที่ยู่หวูฉิวได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว พิภพกลางเหมือนกัน โลกาที่ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพและจ้าวมหาเทพเปิดเอาไว้ ย่อมมีระดับที่สูงกว่าโลกาที่เปิดโดยราชาเทพอยู่แล้ว สิ่งแวดล้อมฟ้าดินเหมาะสมแก่การฝึกตน การสืบทอดที่มีอยู่ก็ยิ่งมีระดับที่สูงกว่า

ยู่หวูฉิวเป็นคนทะเยอทะยานคนหนึ่ง เขาคิดจะบรรลุเป็นราชาเทพ โลกะอัมพรเทวถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่เลว เพราะโลกะอัมพรเทวเป็นโลกาจ้าวมหาเทพที่มีอยู่เพียงน้อยนิด และเป็นพิภพกลางที่ถูกเปิดขึ้นโดยจ้าวมหาเทพ เป็นรองเพียงมหาโลกาพันสามเท่านั้น!

สำหรับการตัดสินใจเช่นนี้ของปีศาจยักษ์ โดยพื้นฐานแล้วพี่น้องคนอื่นจะไม่คัดค้าน ในใจของทุกคนต่างก็หนักใจไม่น้อย จ้องเขม็งไปยังทางเข้าแดนปริศนาเบญจธาตุอย่างไม่ละสายตา

ทันใดนั้น ที่โซนด้านหน้าทางเข้าของแดนปริศนาก็พลันสั่นไหว โซนที่สงบนิ่งกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น

ณ จุดหนึ่งโซนหมุนวนเป็นก้นหอยปรากฏขึ้น ยิ่งหมุนก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำยาวเดินออกมาจากกลางโซนหมุนนั้น

ใบหน้าของชายหนุ่มชุดดำผู้นี้คมดุจมีด ผมสีดำยาวปลิวไสวอยู่ข้างหลัง นัยน์ตาคู่นั้นเปรียบเสมือนดวงดาว เต็มไปด้วยแสงเทวะที่สว่าง ปราณของเขาถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใน ราวกับเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาได้

ชายหนุ่มชุดดำผู้นี้ แน่นอนว่าคือหลัวซิว!