บทที่ 1722 สีแห่งความตาย + ตอนที่ 1723 ไร้ทางหนี

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1722 สีแห่งความตาย

 

ส่วนบนโอหยางซานซานสวมเสื้อกล้ามรัดรูปและกางเกงยีนสีเดียวกันปกปิดเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบไว้ ไหนจะเต้นรำได้น่าเย้ายวนขนาดนี้ทำเอาเหล่าผู้ชายรอบข้างจ้องตาเป็นมันเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

 

“อาเมย์ ทำไมเธอถึงชอบใส่เสื้อสีดำล่ะ? เธอขาวขนาดนี้ หุ่นก็ดีขนาดนี้ ใส่สีขาวต้องดูดียิ่งกว่าแหง ๆ!” มีคนฉงนใจ ทั้งที่มีต้นทุนดีขนาดนี้กลับสวมแต่เสื้อสีเดิม น่าเสียดายจริง ๆ!

 

โอหยางซานซานกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วรับแก้วเหล้าจากชายหนุ่มคนหนึ่งมาเขย่าไปมาเบา ๆ “สีดำดีจะตาย สีแห่งความตาย cheese!”

 

เธอยกเหล้าดื่มหมดแก้ว มุมปากเปื้อนน้ำอำพันหนึ่งหยดทำให้ลิ้นสีอมชมพูถูกส่งออกมากวาดเข้าปากอย่างแผ่วเบา

 

“อึก”

 

พวกผู้ชายกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขึ้นลงเป็นว่าเล่น มองหญิงสาวแสนเซ็กซี่น่าเย้ายวนใจตรงหน้าไม่ละสายตา โคตรเย้ายวนเลยให้ตายเถอะ!

 

โอหยางซานซานใช้หางตากวาดมองทุกความเคลื่อนไหวแล้วยกยิ้มอย่างได้ใจน้อย ๆ จากนั้นถึงวางแก้วเหล้าลงอมยิ้มทีหนึ่งก่อนจะบิดตัวเดินเข้าฟลอร์เต้นรำไปอีกครั้ง ขณะนี้ดนตรีเปลี่ยนแนวเพลงจากจังหวะช้าเนิบกลายเป็นเพลงจาก DJ ที่เมามันสนุกสนาน จุดประกายทั้งโถงใหญ่ให้มอดไหม้ ทุกคนต่างส่ายโยกอย่างเต็มที่ตามประสาวัยรุ่น

 

สปอร์ตไลท์ปิดไปแล้วเปิดเพียงไฟดวงเล็กแสงสลัว ๆที่พอจะเห็นหนุ่มสาวกำลังเต้นอยู่บนฟลอว์อย่างบ้าบิ่น ผมยาวสยายไปมา ชายกระโปรงบิดพลิ้ว รวมถึงเสียงหัวเราะคิกคัก…

 

โอหยางซานซานกลับเป็นเป้าสายตาท่ามกลางกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้ง ๆที่เธอสวมเสื้อสีดำ ทว่ากลับทำให้คนตรงหน้าดวงตาประกายวาวและจับจ้องไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกายเธอ

 

เธอบิดลำตัวอันยืดหยุ่นพลางอมยิ้มไป ยิ้มฉาบหน้าที่แฝงด้วยความเยือกเย็น

 

จ้าวเหมย…ฉันกลับมาแล้ว…

 

******

 

เพราะต้องจดจ่อสมาธิเตรียมตัวประชันในรายการอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เซี่ยเข่ออิ๋งเองก็เอาใจใส่เป็นอย่างดี เธอเป็นฝ่ายเสนอเลื่อนรายการสัมภาษณ์ของเหมยเหมยออกไปก่อน รอสั่งสอนพวกเชิดชูความเป็นตะวันตกเหล่านั้นเสร็จค่อยถ่ายรายการเธอก็ยังไม่สาย

 

แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่มีข้อโต้แย้ง ในเมื่อตัดสินใจจะเชิดชูเกียรติของฮวาเซี่ยแล้วก็จะแพ้ไม่ได้ ฉะนั้นทั้งสัปดาห์นี้เธอไม่ออกไปไหนเอาแต่หมกตัวซักซ้อมอยู่แต่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรี เต้นรำ งานศิลปะ…ครบถ้วนไม่มีตก

 

อู่เชากับพวกสยงมู่มู่เองก็มีความคิดเดียวกัน เพียงแต่สยงมู่มู่ถูกจัดตารางงานไว้แต่แรกแล้วจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวันเวลาได้ โชคดีที่เป็นเพียงรายการสัมภาษณ์ทางวิทยุความยาวเพียงหนึ่งชั่วโมง

 

การสัมภาษณ์อยู่ในวันถัดไปซึ่งสยงมู่มู่ดูท่าทางผ่อนคลายอย่างมาก อีกทั้งยังบอกเรื่องที่จะเข้าร่วมรายการ ‘ตั้งใจเล่าเรียน’ ในรายการสัมภาษณ์นี้ไปด้วยจึงมีคนรวมตัวกันสร้างกลุ่มให้กำลังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พลังแฟนคลับในพื้นที่ของเจ้าหมอนี่ดูถูกไม่ได้เลย!

 

อู่เชามาฮ่องกงกลับไม่มีธุระอะไรเพราะหลัก ๆมาเที่ยวเลยถือโอกาสมาเจอแฟน ๆหนังสือบ้างเขาจึงมีเวลาเป็นอิสระ เหมยเหมยตัดสินใจรวมงานเจอแฟน ๆหนังสือของพวกเขาสองคนเป็นงานเดียวกัน พวกเขาจะจัดงานนี้ขึ้นหลังจบรายการโดยมอบหมายให้หลินฮั่นเหวินเป็นฝ่ายจัดการไป

 

สัปดาห์นี้ภายในบ้านเต็มไปด้วยเสียงเครื่องดนตรีทุกวี่วัน ทั้งยังเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่จะว่าไปแล้วพวกเหมยเหมยก็เล่นเครื่องดนตรีได้ไม่น้อยเลยจริง ๆ คนที่เล่นได้มากที่สุดคืออู่เชา เขาเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้และเรียนรู้ทุกอย่างโดยไม่มีครูสอน อย่างน้อยเล่นได้สิบกว่าชนิด

 

เช่นเอ้อร์หู ปี่โหว ซอหม่าโถว ขลุ่ยไม้ไผ่ เซียว ฉิน ซวิน ผีผา เปียนจง…เป็นต้น เจ้าอ้วนล้วนเล่นได้ทั้งนั้น หนำซ้ำยังเล่นได้อย่างเชี่ยวชาญอีกต่างหาก

 

สยงมู่มู่กับเหมยเหมยเองก็เล่นได้ไม่น้อยอย่างกู่เจิงที่เห็นกันโดยทั่วไป ผีผา เอ้อร์หูรวมถึงกลองเป็นต้น ทั้งสามคนรวมตัวกันก็สามารถทำการแสดงเพลงพื้นบ้านที่สมบูรณ์แบบได้ทันที

 

วันเวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ แม้ทุกคนจะรู้สึกมั่นใจแล้วแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอยู่ดี แม้แต่คู่รักคู่แค้นอย่างเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ยังดูจริงจังไปด้วย ไม่มีการทะเลาะต่อปากต่อคำกันแต่อย่างใด

 

เหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องนี้แต่แรกแล้ว คืนก่อนอัดรายการเขาได้หาเวลาว่างโทรมาหาโดยเฉพาะ “ไม่ต้องตื่นเต้นนะ เธอเก่งที่สุดอยู่แล้ว พี่จะรอข่าวดีจากเธอ!”

 

“อืม พี่ก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะ!” เหมยเหมยออกจะเป็นห่วงหน่อย ๆ หากเหยียนหมิงซุ่นไม่มีธุระสำคัญเขาไม่มีวันปล่อยให้ตนมาฮ่องกงเพียงลำพังอย่างแน่นอน

 

บ่งบอกว่าธุระของเขาต้องอันตรายมากแน่นอน!

 

………………………..

 

ตอนที่ 1723 ไร้ทางหนี

 

เหยียนหมิงซุ่นใจอุ่นวาบขึ้รมา “สบายใจได้ ไม่กระเทือนถึงศักยภาพคืนเข้าเรือนหอหลังเธอกลับมาแน่!”

 

“คนนิสัยไม่ดี!”

 

เหมยเหมยพูดกระเง้ากระงอดไปทีหนึ่งก็ยิ้มวางสายไป อารมณ์ผ่อนคลายขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

 

เหยียนหมิงซุ่นหุบยิ้มเดินออกจากห้องแล้วเอ่ยต่อลูกน้องที่เฝ้าอยู่นอกห้องว่า “ออกเดินทางกันเถอะ!”

 

เฉินหมิงถูกเขาไล่ต้อนไปถึงชายแดนทางใต้แล้ว เขาต้องเป็นคนไปกำจัดด้วยตัวเอง แม้จะวางแผนอำพรางกับดักไว้อย่างดีแต่เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกหนักหน่วงมากอยู่ดี

 

ไม่ใช่ว่ากลัวจะจับตัวเฉินหมิงไม่ได้

 

แต่เพราะวันนี้เฉินหมิงต้องตาย!

 

ในเมื่อเฉินหมิงเคยช่วยเหลือเขาในยามที่เขาลำบากที่สุด หากไม่ได้เฉินหมิงคอยสอนเขาพิสูจน์ของเก่าแล้วชี้แนะให้เขาทำธุรกิจ ชีวิตของเขาไม่มีทางราบรื่นขนาดนี้ อีกอย่างคุณยายก็คงไม่มีชีวิตที่ยาวนานจนถึงป่านนี้

 

แน่นอนว่าจุดประสงค์ของเฉินหมิงเองก็ไม่บริสุทธิ์ซึ่งส่วนมากก็เพื่อหลอกใช้เขา

 

แต่ความช่วยเหลือพวกนี้มันเคยเกิดขึ้นจริงถึงขั้นมีอยู่ห้วงหนึ่งเขาเคยจินตนาการว่าเหตุใดเฉินหมิงถึงไม่ใช่พ่อของเขา?

 

เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเย้ยตัวเองก่อนจะเก็บซ่อนความอ่อนแอที่พลั่งพรูออกมาชั่วขณะไว้ใต้ก้นบึ้งของหัวใจ

 

สถานะและภาระที่เขาแบกไว้ไม่อนุญาตให้เขาอ่อนแอ!

 

“ลุงหลานโอหยางปินเป็นยังไงบ้าง?” เหยียนหมิงซุ่นเดินไปถามไป

 

“โอหยางปินตายแล้ว ภรรยาและลูกของเขาก็หนีไม่พ้นตายหมดแล้ว โอหยางสยงได้รับบาดเจ็บสาหัสหนีไปทางใต้” ลูกน้องรายงานด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

 

บุญคุณความแค้นเป็นการส่วนตัวไม่ควรไปลงกับภรรยาลูกหลานหรือคนในครอบครัว เฉินหมิงทำผิดกฎนี่นา!

 

เหยียนหมิงซุ่นชะงักแต่กลับไม่ตกใจ เมื่อครั้นนั้นโอหยางปินก็ไม่ปล่อยภรรยาและลูกของเฉินหมิงไปเหมือนกัน จากนิสัยใจแคบเจ้าคิดเจ้าแค้นของเฉินหมิงแล้วจะปล่อยภรรยากับลูกชายเขาไปได้อย่างไร?

 

คนที่บริสุทธิ์ที่สุดยังคงเป็นภรรยาและลูกของพวกเขาที่พลอยลำบากไปด้วย!

 

“ลูกพี่ จะบอกให้พวกพี่น้องทางใต้ตามจับโอหยางสยงไหม?”

 

“ยังไม่ต้อง รวบรวมกำลังจัดการเฉินหมิงก่อน โอหยางสยงไม่น่ากลัวหรอก” เหยียนหมิงซุ่นไม่ใส่ใจโอหยางสยงเท่าไร เป็นเพียงคนร้ายที่เป็นตัวประกอบเท่านั้นเอง ให้เขามีชีวิตอีกหน่อยแล้วกัน

 

อีกอย่างเกิดความเคลื่อนไหวในเมืองหลวงขนาดนี้ต้องสะเทือนไปถึงเฮ่อเหลียนเช่ออย่างแน่นอน คู่ลุงหลานโอหยางปินเป็นลูกน้องของเขา เจ้าหมอนี่ย่อมไม่มีวันนิ่งนอนใจ ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องปะทะกับเฮ่อเหลียนเช่อ

 

พวกเหยียนหมิงซุ่นตามหาตัวเฉินหมิงเจอได้อย่างรวดเร็วราวกับตามล่าสัตว์ ทั้งยังมีลูกน้องหลายคนที่ตกใจจนทำตัวไม่ถูกอยู่ด้วย เดิมทีก็หวาดผวาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นกับลูกน้องในชุดเครื่องแบบเต็มยศก็แข้งขาอ่อนแรง ไม่พูดพร่ำทำเพลงขอยกธงขาวทันที

 

เฉินหมิงรู้ดีว่าตนได้สูญเสียอำนาจไปแล้ว แม้จะเสียดายที่ยังทำการใหญ่ไม่สำเร็จแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

 

“ไม่คิดว่าฉันเฉินหมิงจะตายในเงื้อมมือของแก…แกมันไอ้เนรคุณ!” เฉินหมิงตวาดด้วยความโมโห ความเคียดแค้นพรั่งพรูออกมา

 

เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชา “ผมเคยเตือนลุงแต่แรกแล้วว่าอย่าทำสิ่งที่เกินขอบเขต แต่ลุงก็ฝ่าฝืนกฎทำสิ่งผิดคุณธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ลุงทำตัวเองทั้งนั้น!”

 

“คนทำการใหญ่ไม่ควรไปสนใจเรื่องเล็กน้อย เหยียนหมิงซุ่นแกกล้าพูดหรือว่ามือของแกขาวสะอาด?” เฉินหมิงไม่พอใจ

 

“สิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อประเทศชาติกับประชาชนทั้งนั้น แต่ลุงกลับทำเพื่อเติมเต็มความละโมบของตัวเอง ผู้หญิงที่โดนลุงจับไปขายตัวพวกเธอทำผิดอะไร? แล้วก็คนที่ติดยาพวกนั้น ลุงรู้บ้างไหมว่าลุงทำลายครอบครัวไปมากแค่ไหน…”

 

เหยียนหมิงซุ่นก่นด่าอย่างโกรธเคืองด้วยสายตาที่ฉายแววผิดหวัง

 

ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายมนุษย์หรือค้ายาเสพติด มันไม่ได้ทำลายแค่คน ๆเดียวแต่มันทำลายครอบครัวที่สมบูรณ์ไปครอบครัวแล้วครอบครัวเล่า มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าฆาตกรด้วยซ้ำ

 

กลับยังมีหน้ามาบอกว่าคนทำการใหญ่ไม่ควรไปสนใจเรื่องเล็กน้อยอีกเหรอ?

 

หน้าไม่อาย!

 

เฉินหมิงแค่นเสียงทีหนึ่งซึ่งใบหน้าไม่ฉายแววรู้สึกผิดสักนิด เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะก่อนกล่าว “สบายใจได้ ผมจะฝังไว้ข้างภรรยาและลูกของลุง”

 

ถือว่าเป็นน้ำใจอันน้อยนิดครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อเฉินหมิงแล้วกัน!

 

“ฮ่า ๆ…”

 

จู่ ๆเฉินหมิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะที่ดูโอหังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

 

…………………………