บทที่ 1724 ตายเพราะฤทธิ์ของพิษ + ตอนที่ 1725 ความอ่อนแอที่ถาโถมเข้ามากะทันหัน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1724 ตายเพราะฤทธิ์ของพิษ

 

เหยียนหมิงซุ่นมองเฉินหมิงที่เหมือนคนบ้าอย่างเฉยชา ลูกน้องที่ทนดูต่อไม่ไหวหมายจะสั่งสอนเขาแต่ถูกเหยียนหมิงซุ่นห้ามไว้

 

เสียงหัวเราะของเฉินหมิงดังขึ้นเรื่อย ๆจนน้ำตาเล็ด ดูเหมือนจะได้ใจอย่างมากแต่ก็เหมือนกำลังสมน้ำหน้า

 

“…เหยียนหมิงซุ่น แกอย่าคิดว่าแกชนะแล้ว ฉันจะบอกแกให้ว่าต่อให้แกได้ยึดครองทั้งโลกไปแกก็แพ้อยู่ดี…ฮ่า ๆ!” เฉินหมิงทำหน้าเย้ยหยัน

 

“ผมไม่สนใจจะครองโลกทั้งใบหรอก ลุงมีอะไรจะพูดอีกไหม?” เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วน้อย ๆพลางรู้สึกว่าถ้อยคำของเฉินหมิงมีนัยยะบางอย่างแฝงอยู่

 

เฉินหมิงหยุดหัวเราะสายตาฉายแววเห็นใจเล็กน้อย เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วแน่นกว่าเดิม เฉินหมิงคนนี้กำลังคิดจะสื่อความหมายอะไรอยู่?

 

“แกจะทำยังไงกับพี่สาม?” เฉินหมิงถามขึ้นกะทันหัน

 

เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงเรียบ “ขอแค่เขาสงบเสงี่ยมอย่างเคย ผมรับรองได้ว่าเขาจะมีชีวิตสุขสบายไปตลอดชีวิต”

 

ช่วงก่อนหน้านี้อิทธิพลของพี่เฉินถูกคนอื่นที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันแบ่งไปไม่น้อย ตอนนี้ในเมืองหลวงคนที่มีอิทธิพลมีอยู่สามคนซึ่งไม่ใช่พี่เฉินที่เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป นั่นเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงยินดีเหลือเกิน

 

เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดว่าพี่เฉินจะมาหาเขาแต่อีกฝ่ายไม่มาสักที พี่เฉินดูเหมือนจะคาดคะเนถึงผลลัพธ์นี้ไว้แต่แรกแล้วเลยไม่ลนลานอะไร วัน ๆยังทำตัวปกติ จิบน้ำชาฟังฉินเชยชมของเก่า ใช้ชีวิตได้สุขสำราญดีเหลือเกิน

 

“กรรมตามสนองเอง ผมเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ลุงกลับทำหูทวนลม ทำไมลุงถึงไม่เรียนรู้จากลุงเฉินบ้าง?” เหยียนหมิงซุ่นมองเฉินหมิงอย่างนึกขุ่นใจเพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า…เรียนรู้จากเฉินซาน?” เฉินหมิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งพลางกัดฟันกรอด “แกคิดว่าเฉินซานเป็นคนดีเหรอ? แกนี่มันใสซื่อจริงๆ…ตอนนั้นมันกำลังรอให้แก…อ๊าก…เจ็บ…”

 

เฉินหมิงยังไม่ทันพูดจบประโยคดีพลันก็เปลี่ยนสีหน้ารีบกุมท้องไว้แน่นกลิ้งไปมาบนพื้นไม่หยุดหย่อน

 

“ลุงเป็นอะไร?”

 

เหยียนหมิงซุ่นดูออกว่าเฉินหมิงไม่ได้แสดงละครแต่กำลังปวดท้องจริง ๆ เลยก้มลงหมายจะพยุงเขาขึ้นมากลับพบว่ามีเลือดสีดำไหลออกจากมุมปากของเฉินหมิง รวมถึงจมูกของเขาที่ดูแล้วน่าสยดสยองจับใจ

 

“…เจ็บชะมัด…อ๊าก…” ใบหน้าขาวอวบของเฉินหมิงในตอนแรกบัดนี้เนื้อไขมันเกร็งกระตุกและกลายเป็นสีดำแดง ความจริงแล้วเป็นเลือดสีดำที่ซึมออกมาจากรูขุมขน ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวสยดสยอง

 

เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ ชัดเจนว่าเป็นสัญญาณของการโดนยาพิษ ใครวางยาพิษให้เฉินหมิง?

 

“ใครวางยาพิษลุง? ผมจะไปส่งลุงที่โรงพยาบาล!”

 

เหยียนหมิงซุ่นกล่าวสรุปทันทีแล้วอุ้มเฉินหมิงขึ้นมาเตรียมจะไปโรงพยาบาล เขาไม่อยากเห็นเฉินหมิงตายด้วยวิธีแสนทรมานแบบนี้

 

“…ไม่…ทันแล้ว…แก…ระวัง…เสียวเป่า…”

 

เฉินหมิงสำรอกเลือดสีดำออกมาไม่หยุด เขารู้ว่าจวนถึงจุดจบของชีวิตแล้วและรู้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษให้เขา แต่เขาพูดไม่ออกแล้ว

 

ตรงหน้าราวกับมีเด็กทารกขาวอวบคนหนึ่งกำลังหัวเราะคิกคักโบกมือให้เขารัว ๆ เฉินหมิงยิ้มอย่างมีความสุข “เสียวเป่า พ่อมาแล้ว…”

 

“ลุงหมิง…”

 

เหยียนหมิงซุ่นขานเรียกทีหนึ่งแต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบโต้จากเฉินหมิง เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งวางศพของเฉินหมิงลงพร้อมกับความสงสัยที่ฝังรากลึกลงในใจ

 

ประโยคสุดท้ายของเฉินหมิงหมายความว่าอย่างไร?

 

อีกฝ่ายเตือนให้เขาต้องระวังใคร?

 

คนคนนี้ต้องเป็นคนที่วางยาพิษให้เฉินหมิงหรือเปล่า?

 

เหยียนหมิงซุ่นคิดจนปวดศีรษะ เฉินหมิงตายแล้วแต่เขากลับรู้สึกว่าหมอกควันตรงหน้ามัวหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับใยแมงมุมพัวพันระโยงระยางและรายล้อมตัวเขาไว้แน่น

 

“ไปสืบมาให้ดีว่าเฉินหมิงโดนยาพิษตัวไหน? และไม่กี่วันก่อนเขาตายเคยเจอใครมาบ้าง!” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง

 

ลูกน้องหามศพของเฉินหมิงไปแล้ว เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจยาว เดินย่ำด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง

 

…………………………

 

ตอนที่ 1725 ความอ่อนแอที่ถาโถมเข้ามากะทันหัน

 

เหมยเหมยได้รับสายจากเหยียนหมิงซุ่นอีกครั้ง รายการจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายแต่เหยียนหมิงซุ่นโทรมาในช่วงกลางวัน เสียงที่ฟังดูอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนพอจะฟังออกว่าเขากำลังอารมณ์ย่ำแย่มาก

 

“เฉินหมิงตายแล้ว โดนยาพิษ แต่พี่สืบไม่ได้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษเขา” เหยียนหมิงซุ่นเศร้าเสียใจ

 

จากการชันสูตรศพของเฉินหมิงโดยแพทย์นิติเวชกลับตรวจสอบไม่ได้ว่าเฉินหมิงโดนยาพิษชนิดไหน อีกทั้งลูกน้องก็ตามสืบได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนที่เฉินหมิงตายไม่เคยพบปะกับใคร

 

สิ่งที่ทำให้เขายากจะเข้าใจมากที่สุดคงไม่พ้นถ้อยคำสุดท้ายที่น่าประหลาดใจก่อนที่เฉินหมิงตาย คนใกล้ตายมักหลงลืมความชั่วร้ายของตัวเอง เฉินหมิงไม่มีทางพูดปดปั่นหัวเขาก่อนตายแน่นอน ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งคิดไม่ตก

 

เหมยเหมยหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังเสียใจกับความตายของเฉินหมิงเลยพูดปลอบโยนว่า “เขาทำตัวเอง พี่ดีกับเขาอย่างถึงที่สุดแล้ว อย่าเสียใจไปเลย”

 

“พี่เดาว่าอาจจะเป็นศัตรูของเฉินหมิงวางยาพิษ ในเมื่อเขาทำเรื่องชั่วร้ายมาตั้งมาก ศัตรูก็ต้องมากเช่นกัน ประมาทตัวเข้าหน่อยเลยโดนเข้าอย่างจัง” เหมยเหมยพูดเสียงมุ่งมั่น

 

คนที่มาสายธุรกิจด้านมืดจะมีสักกี่คนที่หลับสนิทตลอดคืน?

 

ไม่เดือดร้อนถึงครอบครัวก็นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!

 

พอฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเหมยเหมยจากปลายสายก็ช่วยทำให้หัวใจอันยุ่งเหยิงของเหยียนหมิงซุ่นสงบลงอย่างมาก อมยิ้มที่มุมปากอ่อน ๆ ค่อย ๆสงบสติอารมณ์ ไม่ว่าเฉินหมิงจะหมายถึงอะไรแต่ก็นับได้ว่าคลื่นลมสงบไปชั่วคราว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคอยกังวลใจอะไรอีก

 

ส่วนถ้อยคำพวกนั้นของเฉินหมิง ไว้ค่อย ๆตามสืบแล้วกัน!

 

ทหารมาก็ใช้ต้านรับ น้ำมาก็ใช้ดินต้านทาน มีอะไรให้กลัวกัน?

 

“พี่ไม่เป็นไรแล้ว เธอไปถ่ายรายการเถอะ รอพี่จัดการธุระเสร็จจะไปหาเธอที่ฮ่องกงนะ” เหยียนหมิงซุ่นนึกเสียดายอยู่บ้าง หากเป็นไปได้เขาอยากไปให้กำลังใจภรรยาที่ฮ่องกงเสียเดี๋ยวนี้เลย

 

“อืม พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ บางเรื่องขอแค่ทำสุดความสามารถก็พอ อย่าแบกภาระอะไรไว้คนเดียว ถ้าเหนื่อยจนร่างพัง รอฉันกลับบ้านไปใครจะทำปีกไก่ย่างน้ำผึ้งให้ฉัน แล้วก็สเต๊กแห่งรัก…” เหมยเหมยจงใจออดอ้อน เหยียนหมิงซุ่นผู้เศร้าโศกเมื่อครู่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

 

เธอเป็นห่วงเหลือเกิน

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหยียนหมิงซุ่นมีความเป็นอยู่ดั่งเทพเจ้าในใจเธอ ราวกับไม่มีเรื่องไหนทำไม่ได้ เข้มแข็งไม่มีวันล้ม เปรียบดั่งบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องใดที่เหยียนหมิงซุ่นทำไม่ได้

 

แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตนคิดผิดไป เหยียนหมิงซุ่นเป็นคน ไม่ใช่เทพเจ้า

 

อีกทั้งเขาแบกภาระไว้มากเกินไปทั้ง ๆที่เขาก็เพิ่งอายุยี่สิบห้าปีเท่านั้น มีชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขามากมายที่ยังไม่ ‘หย่านม’ ด้วยซ้ำ!

 

เหมยเหมยกัดฟันลอบตัดสินใจเพียงคนเดียวว่าอนาคตเธอจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของเหยียนหมิงซุ่น อืม…เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ก็จัดการเองแล้วกัน จะเพิ่มปัญหาให้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้!

 

เหยียนหมิงซุ่นฟังเสียงหวานใสของเหมยเหมยพลันก็อารมณ์ดีขึ้นทันตา เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ก็ได้…เธออยากทานอะไรจะทำให้หมดเลย”

 

“คุยอะไรอีกเนี่ย? คุยอีกรายการก็จบแล้ว…มีอะไรไว้กลับไปค่อยคุยไม่ได้เหรอ?” สยงมู่มู่วิ่งมาอย่างอารมณ์เสีย ตกลงกันไว้แล้วว่าจะโทรคุยแค่ห้านาทีแต่พวกเขารออยู่ในรถมาครึ่งชั่วโมงแล้วก็ไม่เห็นวางสายสักที

 

มีเรื่องให้พูดมากมายขนาดนั้นเชียว?

 

เพิ่งจะห่างกันแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง!

 

เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มพูดกับคนปลายสายเสียงเบาอีกประโยคหนึ่งถึงวางสายไป ปั้นหน้าเย็นชาแค่นเสียงใส่ทีหนึ่งแล้วผลักสยงมู่มู่ออกสะพายกระเป๋าเป้ออกเดินทาง

 

เสี่ยวอวิ๋นไปส่งพวกเขาที่สถานีโทรทัศน์ เซี่ยเข่ออิ๋งกับหลินฮั่นเหวินมากันแล้ว รวมถึงเจ้ากวางน้อยใสซื่ออย่างเฉินเจียก็ตั้งใจมาให้กำลังใจโดยเฉพาะ พอหมอนี่เห็นสยงมู่มู่กับอู่เชาเดินมาก็โผกอดอย่างดีใจ แต่สำหรับเหมยเหมยและเซียวเซ่อเขาพยายามข่มเก็บอาการไว้ซึ่งทำเพียงจับมือทักทายตามมารยาท

 

แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วคิดว่าคงอยากโผกอดเช่นเดียวกัน

 

รถอีกคันเคลื่อนมาจอดตรงหน้าประตูสถานีโทรทัศน์ คนที่ลงจากรถก่อนคือวัยรุ่นหนุ่มสามคน เหมยเหมยมองปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นแขกรับเชิญสามคนนั้นเลยอดมองไปไม่ได้ โอหยางซานซานก็น่าจะอยู่บนรถคันนี้เหมือนกันสินะ?

 

……………………………