มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1373

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อมิตรภาพและความชอบธรรม นับตั้งแต่ได้สาบานตนเป็นพี่น้องต่างสายเลือดแล้ว ก็ไม่เคยมีการทรยศ หรือการหักหลังระหว่างพี่น้องเกิดขึ้นเลย

กุ่ยเชียนโฉกับเยียนหวูมิ่งก็เช่นกัน หากยังไม่สาบานตน การแย่งชิงความลับและโอกาสอันดีบนตัวหลัวซิว ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้อย่างสนิทใจ จะไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ที่อ่อนแอก็ต้องเป็นเหยื่อให้กับผู้ที่แข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่หากหลังจากสาบานตนไปแล้วจริง ๆ หลัวซิวกลายเป็นน้องสิบ พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสให้ได้ลงมือแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะถือว่าเป็นทรยศต่อรากฐานและหลักการของตนเอง

เพราฉะนั้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ กุ่ยเชียนโฉและเยียนหวูมิ่งต่างก็เสนอว่าจะลงมือในเวลาเดียวกัน

ยู่หวูฉิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ความจริงเขาก็สงสัยในความลับของบนตัวของซิวหลัวผู้นี้เช่นกัน บางทีอาจจะเคยได้รับโอกาสหรือการสืบทอดที่ดีมาสักครั้งก็เป็นได้ หากสามารถได้มันมา ก็จะเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่สำหรับพี่น้องทั้งเก้าของพวกเขา

ก่อนหน้านี้ก็เพื่อให้เขามาที่แดนปริศนาเบญจธาตุ ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือ ในวันนี้วิชาหยางมหาเบญจธาตุทั้งหมดอยู่ในมือเขาแล้ว คนผู้นี้ไม่มีค่าที่จะต้องใช้ประโยชน์ได้อีก นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการลงมือ

แต่ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวกลับมีลางสังหรณ์ขึ้นมา ตั้งแต่ออกมาจากแดนปริศนาเบญจธาตุ ซิวหลัวผู้นี้ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หากต้องต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่ว่าพวกเขาทั้งเก้า ต่างก็ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้

ยู่หวูฉิวมั่นใจในลางสังหรณ์ของตนมาก ก่อนนี้ซือถูเจิ้งเจี้ยนพาพวกมาโจมตีหุบเขาปีศาจเก้า เจาก็สามารถสัมผัสรู้ได้ล่วงหน้า

ในเวลานี้ตรงหน้ายู่หวูฉิว มีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น หนึ่งคือเลือกที่จะลงมือ จะกำจัดซิวหลัวทิ้งแล้วรับเอาความลับบนตัวเขามา หรือจะปล่อยให้เขาหนีไปได้ รอจนเขาเติบโตขึ้นมา จากนั้นก็กลับมาแก้แค้นพวกเขา

ตัวเลือกที่สองคือเลือกที่สาบานตน นับถือกันเป็นพี่น้อง จริงใจต่อกัน จากนั้นหากเมื่อวันหนึ่งเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน พี่น้องของพวกเขาทั้งหลายก็จะสามารถได้รับประโยชน์จากเขาด้วยเช่นกัน

เดิมทียู่หวูฉิวคิดว่าจะเลือกตัวเลือกที่สอง ดังนั้นเขาจึงได้เอ่ยว่าจะสาบานตนเป็นพี่น้องต่างสายเลือดกับหลัวซิว

เขาใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดถึงความกังวลของตนกับกุ่ยเชียนโฉและเยียนหวูมิ่ง

“พี่ใหญ่ ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว? เจ้าหนุ่มนี่ก่อนเข้าไปในแดนปริศนามีเพียงแค่ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดเท่านั้น ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสามเดือน ต่อให้มันจะน่าเหลือเชื่อมากเพียงใด ก็ไม่สามารถบรรลุถึงแดนเทพฟ้าไปได้ แต่พวกเราทั้งเก้าต่างเป็นเทพฟ้า เขาจะยังสามารถหนีไปได้อีกงั้นหรือ?” กุ่ยเชียนโฉพูด

“เส้นทางฝึกยุทธ์เดินหมากผิดแค่ก้าวเดียว เท่ากับแพ้ทั้งกระดาน ลางสังหรณ์ของข้ามันตรงมาตลอด” ยู่หวูฉิวยังคงมีความลังเลอยู่

“ในเมื่อท่านพี่ใหญ่มีความกังวล เช่นนั้นข้าก็จะลงมือด้วยตัวข้าเอง”

บทสนทนาและความคิดภายในระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะกินระยะเวลายาวนาน แต่ในความเป็นจริงมันกลับเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น

สำหรับเรื่องที่ปีศาจยักษ์เอ่ยขึ้นมาว่าจะสาบานตนเป็นพี่น้องกับปีศาจทั้งเก้านั้น หลัวซิวก็ค่อนข้างหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย เพราะว่าถ้าหากสามารถได้รับความช่วยเหลือจากปีศาจทั้งเก้า เขาถึงจะมีคุณสมบัติที่มากขึ้นเพื่อต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยนได้

“ผู้อาวุโสทุกท่านต่างเป็นเทพฟ้า แต่ผู้น้อยมีเพียงผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ มันค่อนข้างจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร?” หลัวซิวถึงแม้จะมีความคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนรับปากแต่อย่างใด

“เจ้าหนูก่อนหน้านี้ฆ่าเทพฟ้าแห่งเขาปีศาจนรกไปถึงสองคน อีกทั้งยังฆ่าผันร่างเทพฟ้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนอีก ใครจะไปคิดว่าเจ้าเป็นเพียงแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไป เช่นนั้นคงเบื่อกับการใช้ชีวิตเต็มที่แล้ว!” เซียวจื่อเจี้ยนหัวเราะดังลั่น

อุปนิสัยของเขาแปลกประหลาดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่การวางแผนและความเจ้าเล่ห์นั้นกลับไม่ได้มากมายขนาดนั้น

“พรสวรรค์ของน้องซิวหลัวสูงมากจริง ๆ เป็นผู้เดียวที่ข้าได้เคยพบเจอมาทั้งชีวิตนี้ ดูแล้วคงจะได้รับโอกาสอันดีและยิ่งใหญ่มาก่อน ช่างมีโชคที่ไม่ธรรมดาเหลือเกิน!”

ในเวลานี้เอง กุ่ยเชียนโฉก็พูดลองเชิงอีกประโยคหนึ่ง “แต่พี่น้องของเราแต่ละคนก็มีทักษะพิเศษเฉพาะเป็นของตัวเอง หากอยากเป็นหนึ่งในพวกเรา ก็ต้องแสดงความสามารถเสียหน่อยถึงจะถูก”