บทที่ 2213 รายงานของเกาก้วน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องพูดอย่างนี้ เหมียวอี้จึงบอกว่า : ข้าย่อมเคารพความคิดเห็นของจอมพลลั่ว เพียงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าต้องเตือนเจ้าเอาไว้ ความสัมพันธ์ของถงเหลียนซีกับเจียงอีอี จอมพลลั่วอาศัยเรื่องนี้เพื่อพบกับข้าเป็นการส่วนตัว ก่วงลิ่งกงก็อาจจะรู้แล้ว

ลั่วหม่าง : เจ้าหมายความว่ายังไง? ต่อให้รู้แล้วยังไงล่ะ? จะอธิบายปัญหาอะไรได้?

เหมียวอี้ : ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร ก็แค่ไม่รู้ว่าก่วงลิ่งกงจะคิดมากหรือเปล่า โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ เกรงว่าก่วงลิ่งกงคงจะไม่นิ่งดูดายปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ข้าเองก็กังวลว่าก่วงลิ่งกงจะทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีต่อจอมพลลั่วเช่นกัน เลยตั้งใจมาเตือนให้จอมพลลั่วระวังตัวสักหน่อย

ลั่วหม่าง : ท่านอ๋องช่างทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการจริงๆ คำสัญญาที่ให้ไว้กับเจียงส้างอยู่ที่ไหน? สัจจะอยู่ที่ไหน?

คำถามนี้ถามได้ดี เมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าอย่างไรเหมียวอี้ก็จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจียงอีอีให้ได้ ย่อมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องทำร้ายเจียงอวิ๋น ทว่าเรื่องสงครามมาถึงขั้นนี้แล้วเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของกำลังพลเจ็ดแปดพันล้า คำว่าสัจจะถูกกลบไว้ด้วยคำว่าการศึกมิหน่ายเล่ห์แล้ว

เหมียวอี้ : สัจจะยังคงอยู่ เจิ้นเองก็ตัดสินใจแทนจอมพลลั่วไว้ตั้งแต่แรกแล้ว คำนึงอนาคตของถงเหลียนซีด้วย ข้าให้สัญญากับจอมพลลั่วไว้ตรงนี้ได้เลย หลังจากจบเรื่องแล้ว เราจะร่วมเสพสุขในเกียรติยศความร่ำรวยด้วยกัน ข้าสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอ๋องกับเจ้า นี่คือสิ่งที่ก่วงลิ่งกงให้เจ้าไม่ได้! ข้าพูดเพียงเท่านี้ จอมพลลั่วไตร่ตรองแล้วจัดการเอง เหลือเวลาให้เจ้าไม่เยอะแล้ว

ลั่วหม่าง : ท่านคิดว่าในเวลาแบบนี้ ท่านอ๋องจะเชื่อคำพูดเสี้ยมเขาควายให้ชนกันของเจ้าเหรอ?

เหมียวอี้ : พูดสิ่งนี้ไปก็ไม่มีความหมาย พวกเราตั้งตารอดูก็ได้ นอกจากนี้ จอมพลลั่วอย่าลืมนะว่ามีประมุขไป๋กับตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ เจิ้นต้องชนะ ชิงและพุทธะต้องแพ้แน่นอน!

หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จแล้ว ลั่วหม่างที่ยืนอยู่บนยอดเขารกร้างแห่งหนึ่งก็เผยสีหน้าอึมครึม ในหัวกำลังครุ่นคิดถึงประมุขไป๋กับตระกูลเซี่ยโห้วที่เหมียวอี้เพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ ได้ยินว่าประมุขไป๋หลุดออกจากเจดีย์สยบปีศาจแล้ว…

ซือหม่าเวิ่นเทียนถือระฆังดาราเดินออกจากรถมังกร สายลับเบื้องล่างบอกว่ามีเรื่องลับจะรายงาน ให้เขาหลบเลี่ยงซ่างกวนชิง ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่รู้หมายความว่าอะไร

เมื่อมายืนบนแท่นนอกรถมังกรแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ถามว่า : เรื่องอะไร?

สายลับ : นายท่าน ข้าน้อยเพิ่งไปพบทูตตรวจการขวาเกาก้วนมา เขามาหาข้าน้อย บอกข่าวบางอย่างกับข้าน้อยขอรับ

ซือหม่าเวิ่นเทียนตกใจ : เกาก้วนไปหาเจ้าได้ยังไง เขารู้ตัวตนหน่วยตรวจการซ้ายของเจ้าได้ยังไง?

สายลับ : ข้าน้อยก็แปลกใจเหมือนกัน คิดไปเป็นร้อยอย่างก็ไม่เข้าใจ แต่ข้าน้อยเห็นเกาก้วนเหมือนจะบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ

เกาก้วนได้รับบาดเจ็บเหรอ? ซือหม่าเวิ่นเทียนรีบถาม : เกาก้วนให้ข่าวอะไรกับเจ้า?

สายลับ : เกาก้วนบอกว่าซ่างกวนชิงเป็นสายลับ บอกว่าผู้การใหญ่ซ่างกวนเป็นไส้ศึกที่ประมุขไป๋แทรกไว้ข้างกายฝ่าบาท

ซือหม่าเวิ่นเทียน : เหลวไหลไร้สาระ คำพูดเหลวไหลแบบนี้เจ้าก็เชื่อเหรอ? ประมุขไป๋โดนกักบริเวณที่เขาหลิงซาน ซ่างกวนชิงเป็นผู้เข้าร่วมคนสำคัญในเหตุการณ์นั้น ถ้าเป็นคนของประมุขไป๋จริงๆ ประมุขไป๋จะตกอยู่ในสภาพลำบากขนาดนี้หรอ?

สายลับ : ข้าน้อยไม่ทราบว่าสถานการณ์เป็นยังไง เกาก้วนบอกว่าหลายปีก่อนเขาเคยรับบัญชาจากฝ่าบาทให้ตรวจสอบองครักษ์เงา สืบเจอความผิดปกติในนั้นนิดหน่อย จากนั้นก็รายงานขึ้นมาอย่างลับๆ สาวไปถึงตัวซ่างกวนชิง ตอนนี้เขามีเหตุผลที่จะสงสัยว่าซ่างกวนชิงอาจจะถูกอำนาจของประมุขไป๋ปลุกระดมให้ให้ก่อกบฏนานแล้ว

ซือหม่าเวิ่นเทียนรู้สึกว่าคำพูดนี้มีปัญหาแท้ๆ แต่ก็ยังอกสั่นขวัญแขวนอย่างตลาด เพราะตอนหลังเขากับกองทัพองครักษ์ร่วมมือกันรับช่วงต่อเรื่องตรวจสอบองครักษ์เงา ถึงได้รู้ว่าองครักษ์เงาถูกเกาก้วนส่งเข้าคุกใหญ่หน่วยตรวจการขวาไปสอบสวนสองครั้ง แต่สองครั้งนั้นล้วนถูกซ่างกวนชิงขัดขวางกลางคัน ไม่ให้เกาก้วนได้ตรวจสอบต่อทั้งสองครั้ง อย่าบอกนะว่าในนั้นจะมีปัญหาอะไรจริงๆ?

ความคิดเปลี่ยนแปลงไปนับร้อย ซือหม่าเวิ่นเทียนไม่ค่อยกล้าถามต่อแล้ว เป็นเพราะตัวเองไม่กล้าเห็นความจริง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า : เกาก้วนสืบเจออะไร?

สายลับ : เกาก้วนบอกให้ฝ่าบาทระวังว่าทางฝั่งก่วงลิ่งกงจะมีการเปลี่ยนแปลง บอกว่าจอมพลสายวอกลั่วหม่างอาจจะสมคบกับหนิวโหย่วเต๋อตั้งนานแล้ว

ซือหม่าเวิ่นเทียนถามอย่างตกใจว่า : เกาก้วนบอกหรือเปล่าว่าเรื่องเป็นยังไง?

สายลับ : เกาก้วนบอกว่าหลายปีก่อนเขาเคยสืบเรื่องโจรราคะเจียงอีอี บอกว่าที่จริงเจียงอีอีเป็นคนของสมาคมวีรชน เพราะสมาคมวีรชนอยู่ในขอบเขตอำนาจของซ่างกวนชิง เขาจึงไม่สะดวกจะตรวจสอบอย่างโจ่งแจ้ง ภายนอกเหมือนสืบคดีของเจียงอีอีจบแล้ว แต่เขาพบเบาะแสบางอย่างในนั้น หลายปีมานี้จึงถือโอกาสตรวจสอบสมาคมวีรชนตามเบาะแสนั้นอย่างลับๆ ผลก็คือพบว่าแท้จริงแล้วเจียงอีอียังมีน้องสาวอีกคนที่ตกอยู่ในมือสมาคมวีรชน สุดท้ายก็สืบพบว่าน้องสาวคนนั้นของเจียงอีอีกลายเป็นอนุภรรยาของลั่วหม่างแล้ว ชื่อว่าถงเหลียนซี ส่วนรายละเอียดความสัมพันธ์ เกาก้วนก็ไม่ได้สืบชัดเจนเช่นกัน แต่ตอนที่สืบเรื่องถงเหลียนซี ก็บังเอิญพบว่าถงเหลียนซีกับอวิ๋นจือชิว ฮูหยินของหนิวโหย่วเต๋อแอบไปมาหาสู่กันอย่างลับๆ แล้วก็สาวไปเจอว่าลั่วหม่างกับหนิวโหย่วเต๋อแอบไปมาหาสู่กันอย่างลับๆ ด้วย เกาก้วนจับตาดูเรื่องนี้มาตลอด ผลปรากฏว่ายังไม่ทันสืบได้ผลลัพธ์ ก็เกิดเรื่องอย่างตรงหน้านี้แล้ว ตอนนี้สถานการณ์ทำให้เขากังวลสุดๆ ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรกับลั่วหม่างหรือเปล่า

ซือหม่าเวิ่นเทียนแอบด่าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เป็นปริศนาเหมือนอยู่ในเมฆหมอก ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจก็คือซ่างกวนชิง ถ้าซ่างกวนชิงเป็นไส้ศึกของประมุขไป๋จริงๆ แบบนั้นก็แย่แล้ว เขาถามว่า : เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซ่างกวนชิง?

สายลับ : ตอนที่เกาก้วนกำลังตรวจสอบเรื่องสมาคมวีรชน ก็สืบเจอว่าในตระกูลหวงฝู่เหมือนจะมีคนขององครักษ์เงา แต่ตอนที่เกาก้วนตรวจสอบองครักษ์เงา ซ่างกวนชิงก็ไม่ได้มอบรายชื่อองครักษ์เงาส่วนนี้ให้เขา สิ่งนี้ทำให้เกาก้วนสงสัย ดังนั้นเกาก้วนจึงตรวจสอบองครักษ์เงาอย่างลับๆ มาตลอด เขาบอกว่าตอนที่เขาสอบสวนองครักษ์เงา รู้ว่าองครักษ์เงาฝึกวิชามารชนิดหนึ่ง สามารถเพิ่มวรยุทธ์ได้รวดเร็ว แต่เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่สะสมในร่างกายจะย้อนทำร้ายตัวเอง ฝ่าบาทสามารถควบคุมองครักษ์เงาได้เพราะมีวิธีการแก้ปัญหานี้ แต่เกาก้วนพบว่าองครักษ์เงาของตระกูลหวงฝู่หลุดจากการควบคุมของฝ่าบาทแล้ว สามารถแก้ไขปัญหาตอนโดนวิชามารย้อนทำร้ายได้แล้ว ซ่างกวนชิงเหมือนจะรู้เรื่องนี้นานแล้ว เกาก้วนรู้สึกว่าในนั้นมีอะไรในกอไผ่

ซือหม่าเวิ่นเทียนหวาดระแวงกลัวแล้วจริงๆ ถามว่า : แล้วทำไมเกาก้วนไม่ได้งานขึ้นมาให้ฝ่าบาทรู้?

สายลับ : เกาก้วนบอกว่ามีหลายปัญหาที่เขายังไม่รู้ชัดเจน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับซ่างกวนชิงไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน ถ้าเปิดโปงออกมาโดยไม่มีหลักฐาน ซ่างกวนชิงก็จะหลุดข้อหาไปได้ง่ายๆ กลับจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น มิหนำซ้ำเขาก็แอบแทรกแซงเข้าไปในขอบเขตอำนาจของซ่างกวนชิง เป็นการทำเรื่องที่เกินอำนาจโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เพื่อจับตาดูเบาะแสนี้ เกาก้วนแอบแทรกสายลับไว้ที่ตระกูลหวงฝู่ ทว่าในศึกใหญ่ครั้งนี้ จู่ๆ ตระกูลหวงฝู่ก็ไปขอพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ เขาจึงถามสายลับที่แทรกไว้ในตระกูลหวงฝู่ทันที ได้ความว่าองครักษ์เงาที่ซ่างกวนชิงจัดให้ไปอยู่ที่ตระกูลหวงฝู่ไม่ได้ถูกควบคุมเลย แต่ซ่างกวนชิงกลับไม่พูดเรื่องนี้ เกาก้วนถึงตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าซ่างกวนชิงมีปัญหา ตอนหลังก็พบอีกว่าสายลับที่แทรกไว้ในตระกูลหวงฝู่ขาดการติดต่อไปแล้ว ตอนนี้ซ่างกวนชิงถ่ายทอดบัญชาของฝ่าบาท ให้เขาไปจัดการงานนี้ ตอนที่เขาเพิ่งจะออกจากทัพใหญ่ได้ไม่นาน จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองตกหลุมพรางแล้ว โดนคนกลุ่มหนึ่งไล่สังหาร ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส สมบัติส่วนตัวก็หายไปด้วย ไม่มีทางติดต่อกับฝั่งนี้ได้

ตอนนี้เขาถึงได้พบว่าซ่างกวนชิงถ่ายทอดบัญชาเท็จของฝ่าบาท เขาเลยรู้ตัวว่าสายลับในตระกูลหวงฝู่ขาดการติดต่อไปเพราะคงโดนเปิดโปงแล้ว ซ่างกวนชิงน่าจะรู้ว่าเขาสืบเรื่องตัวเองอยู่ โชคดีที่เขาระวังตัวไว้ล่วงหน้า เตรียมป้องกันเหตุไม่คาดคิด ทิ้งสัญญาณแจ้งเตือนเอาไว้ที่ทัพใหญ่ ถ้าเขาไม่เป็นอะไร ฝ่าบาทย่อมติดต่อเขาได้ แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ติดต่อเขาไม่ได้ ฝ่าบาทน่าจะมองเห็นสัญญาณแจ้งเตือนของเขา

ซือหม่าเวิ่นเทียนรู้สึกมือเท้าชาวาบเล็กน้อย จิตใต้สำนึกอยากจะหันกลับไปมองซ่างกวนชิงในรถมังกร ถ้าซ่างกวนชิงเป็นไส้ศึกจริงๆ เช่นนั้นปัญหาก็ใหญ่โตร้ายแรงมาก คิดๆ แล้วก็รู้สึกหนาว ถามอีกว่า : แล้วทำไมเกาก้วนไม่ติดต่อลูกน้องของตัวเอง ทำไมต้องติดต่อเจ้า?

สายลับบอกว่า : เกาก้วนบอกว่า ในเมื่อซ่างกวนชิงกล้าลงมือกับเขา ก็คงจะฉวยโอกาสสอดมือเข้ามาในหน่วยตรวจการขวาแล้ว คงไม่ให้เขาอาศัยหน่วยตรวจการขวาติดต่อกับฝ่าบาทอีก สาเหตุรองเป็นเพราะคนของหน่วยตรวจการขวาทยอยกันเริ่มทำงาน คนไม่ได้อยู่ที่เดิม และเขาก็ไม่มีระฆังดาราเอาไว้ติดต่อเบื้องล่างด้วย ชั่วขณะนั้นหาคนเจอยากมาก

ซือหม่าเวิ่นเทียนแอบด่าในใจ ดูท่าแล้ว เกาก้วนไม่ใช่แค่ยื่นมือไปที่ซ่างกวนชิงเท่านั้น แต่ยื่นมือมาหาตัวเองแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นถ้าติดต่อคนของหน่วยตรวจการขวาไม่ได้ แล้วจะหาสายลับของหน่วยตรวจการซ้ายเจอได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะแอบสอดมือเข้ามาก็แปลกแล้ว

แต่จะว่าไปแล้ว เขาเองก็แอบเล่นไม่ซื่อกับหน่วยตรวจการขวาเหมือนกัน ระหว่างหน่วยตรวจการซ้ายและขวาค่อนข้างแข่งขันกันเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่าบาท มีหรือที่เขาจะไม่ทิ้งแผนสำรองเอาไว้เลยสักนิด

เพียงแต่ตอนนี้เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนถามว่า : ตอนนี้เกาก้วนอยู่ที่ไหน?

สายลับบอกว่า : ข้าน้อยก็ไม่รู้เช่นกัน เขาไปแล้ว เขาบอกว่าตอนนี้เขาไม่เชื่อใครทั้งนั้น เพียงให้ข้าน้อยมาบอกข่าวนายท่านเฉยๆ ให้นายทานส่งข่าวต่อให้ฝ่าบาท เขายังบอกอีกว่า ต่อให้นายท่านไม่รายงานขึ้นไปให้ฝ่าบาททราบ เขาก็จะคิดหาทางติดต่อคนอื่นอีกอยู่ดี สรุปก็คือจะต้องหาทางให้คนบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาทให้ได้

เรื่องนี้แม้แต่เขาเองยังไม่เชื่อเลย! ซือหม่าเวิ่นเทียนแอบพึมพำ แล้วตอบว่า : เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เจ้าอย่าเพิ่งไปบอกคนอื่น เข้าใจไหม?

สายลับ : ข้าน้อยเข้าใจแล้ว

จากนั้นก็ถามรายละเอียดอีกนิดหน่อย ถึงได้จบการติดต่อกัน ซือหม่าเวิ่นเทียนปวดหัวแล้ว เรียกได้ว่าปวดจนหัวแทบแยกเป็นสองหัว รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ร้อนมือ การฟ้องร้องซ่างกวนชิงเป็นเรื่องเล็กเสียที่ไหนกัน ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ จะล่วงเกินซ่างกวนชิงหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องรอง ประเด็นสำคัญก็คือไม่สามารถตรวจสอบได้ ไม่มีหลักฐาน มีแต่คำพูดของเกาก้วน ไม่เพียงพอให้เชื่อ

ถ้าเกาก้วนเป็นไส้ศึก กำลังจงใจเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ถ้าเขารายงานต่อประมุขชิงในเวลานี้ จะไม่เท่ากับทำให้แผนชั่วของเกาก้วนสำเร็จหรอกหรือ? แต่ถ้าเป็นความจริง ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงพอสมควร! ข่าวที่เกาก้วนให้มายังเกี่ยวโยงไปถึงลั่วหม่างอีก ถ้าลั่วหม่างก่อกบฏเมื่อไหร่ ก็จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์รบทั้งหมดโดยตรง

จะรายงานหรือไม่รายงานดี เขาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว

สุดท้ายเขาก็ยังแข็งใจเดินเข้าไปในรถมังกร เตรียมตัวรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป เป็นเพราะไม่รายงานคงไม่ได้ เกาก้วนบอกแล้วว่ายังคิดหาทางติดต่อคนอื่นเพื่อเปิดเผยให้ประมุขชิงรู้อีก ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกมา แล้วตัวเองรู้เรื่องแต่ไม่ยอมรายงาน ถ้าซ่างกวนชิงมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าเขาจะต้องได้รับบทเรียน ถึงตอนนั้นถ้าจะไม่ให้ประมุขชิงสงสัยว่าระหว่างเขากับซ่างกวนชิงมีปัญหาอะไรกันก็คงยาก นี่มันเรื่องอะไรกัน!

พอมาถึงข้างใน ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ไม่ได้พูดชัดเจน แต่ถ่ายทอดเสียงต่อประมุขชิงโดยตรง : “ฝ่าบาท ข้าน้อยเพิ่งจะได้รับรายงานจากเกาก้วน เกี่ยวกับซ่างกวนชิง!”

เกาก้วน? ประมุขชิงตาเป็นประกาย ชำเลืองมองซ่างกวนชิงแวบหนึ่ง จากนั้นถ่ายทอดเสียงบอกว่า : “ว่ามา!”

ซือหม่าเวิ่นเทียนจึงเล่าสถานการณ์ที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้ให้ฟัง

หลังจากฟังต้นสายปลายเหตุจบแล้ว ประมุขชิงก็กำหมัดเล็กน้อย เขากำลังจมอยู่กับความรู้สึกที่ต้องทิ้งจ้านหรูอี้ จู่ๆ ก็ได้รับข่าวนี้ จึงนึกถึงปัญหาหนึ่งได้โดยจิตใต้สำนึกทันที หนิวโหย่วเต๋อวางกับดักกับโพ่จวินเพราะอะไรกัน เป็นเพราะมีคนแอบปล่อยข่าวหรือเปล่า?

เมื่อทำอารมณ์ให้คงที่แล้ว หมัดที่กำแน่นก็ค่อยๆ คลายออก ประมุขชิงถ่ายทอดเสียงบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “แล้วที่เกาก้วนขัดคำสั่งข้า บอกให้คนของหน่วยตรวจการขวาหยุดทำงานมันเรื่องอะไรกัน? นี่ต้องเป็นแผนการเสี้ยมเขาควายให้ชนกันของเกาก้วน อย่าตกหลุมพราง!”