บทที่ 2214 เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

แม้ปากจะพูดอย่างนี้ แต่สุดท้ายเรื่องบางเรื่องก็ทำให้เขาเกิดความพะวงในใจตลอดเวลา

เกาก้วนต้องการตรวจสอบองครักษ์เงาสองครั้ง แต่ทุกครั้งก็ถูกซ่างกวนชิงขัดขวางนั้นเป็นเรื่องจริง

พอมาดูตอนนี้แล้ว หนิวโหย่วเต๋อฝึกเคล็ดวิชาอัคนีดาราของเจ้าสามไป๋ สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการฝึกตนขององครักษ์เงาได้จริงๆ

สถานที่หลอมสมบัติในพระตำหนักอุทยานก็อยู่ภายใต้การควบคุมของซ่างกวนชิง สถานที่ที่มีการป้องกันเข้มงวดขนาดนี้ แต่หลินอ้าวเสวี่ยแม่ยายของหนิวโหย่วเต๋อกลับถูกช่วยออกไปได้

ซือหม่าเวิ่นเทียนรีบเอ่ยรับ “ขอรับ! ข้าน้อยก็รู้สึกเช่นกันว่าเป็นแผนการเสี้ยมให้แตกคอกันเอง เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก มิอาจไม่รายงาน”

ประมุขชิงเงียบไปครู่เดียว แล้วจู่ๆ ก็มองไปทางซ่างกวนชิง “ในบรรดาอนุภรรยาของลั่วหม่าง มีคนที่ชื่อถงเหลียนซีอยู่หรือเปล่า?” ในดวงตาสื่อความหมายลึกล้ำ

เมื่อถามแล้วแบบนี้ ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รู้ตัวอย่างรวดเร็ว แม้ปากฝ่าบาทจะบอกว่าเป็นแผนการเสี้ยมให้แตกคอกันเอง แต่ในใจกลับยังหวาดระแวงอยู่

เขาแอบสังเกตปฏิกิริยาของซ่างกวนชิงเงียบๆ

ซ่างกวนชิงก็อึ้งนิดหน่อยเช่นกัน มองซือหม่าเวิ่นเทียนแวบหนึ่ง สังเกตได้แล้วว่าการที่จู่ๆ ประมุขชิงถามถึงเรื่องนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับที่ทั้งสองคุยกันเมื่อครู่นี้แน่นอน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ใช่แล้วขอรับ เพียงแต่ว่า…ฝ่าบาท ที่จริงถงเหลียนซีคือคนของสมาคมวีรชน” จากนั้นเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “ที่จริงถงเหลียนซีเป็นน้องสาวของโจรราคะเจียงอีอี”

ประมุขชิงพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปที่ประมุขพุทธะอีก พร้อมถ่ายทอดเสียงบอกว่า “พี่ใหญ่พุทธะ รบกวนเตือนก่วงลิ่งกงสักหน่อย ให้เขาระวังลั่วหม่างเอาไว้ อย่าให้หนิวโหย่วเต๋อเจาะช่องโหว่ได้”

ประมุขพุทธะขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมต้องถ่ายทอดเสียงพูดเรื่องนี้ บอกซ่างกวนชิงโดยตรงก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำไมต้องให้ฝั่งเขาทำแทนด้วย จึงถ่ายทอดเสียงถามว่า “หมายความว่ายังไง?”

ประมุขชิงไม่ได้บอกสาเหตุให้เขารู้ “เพิ่งได้รับข่าวลือบางอย่างมา แต่ยังยืนยันไม่ได้ ระวังไว้หน่อยดีกว่า”

ไม่เห็นเขาไม่อยากบอกความจริง ประมุขพุทธะก็ได้แต่พยักหน้า ไม่ได้ถามมากอีก หันกลับมาบอกใบ้ให้จินฉื้อผู้เป็นลูกศิษย์ไปจัดการ

ส่วนประมุขชิงก็ถ่ายทอดเสียงต่ออู๋ฉวี่อีก “แอบดึงคนไปจำนวนหนึ่ง ให้จับตาดูซ่างกวนชิงเอาไว้ ถ้ามีอะไรน่าสงสัยก็รายงานขึ้นมาทันที”

อู๋ฉวี่รู้สึกสะเทือนใจทันที เงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงประมุขชิงแค่ส่งสายตาให้เขา ไม่มีท่าทีว่าจะพูดอะไรมากกว่านี้ เอียงหน้ามองไปทางจุดลึกในดาราจักรนอกหน้าต่าง สีหน้าเงียบขรึมลึกล้ำ

คนที่อยู่ในรถมังกรล้วนสังเกตเห็นกลิ่นอายที่ผิดปกตินี้…

ดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่ง ยอดเขาที่ตั้งเรียงรายอยู่ทั้งใกล้และไกล ทัพใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณนั้น

“ยืนยันแล้วใช่มั้ยว่าโพ่จวินถูกหนิวโหย่วเต๋อล้อมโจมตี?” ก่วงลิ่งกงที่ยืนอยู่บนยอดเขาหันกลับมาถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย

“ไม่ผิดแน่ขอรับ สายลับที่อยู่ตามรายทางเห็นตลอดทางว่าโพ่จวินที่มาทางลัด” โกวเยว่ตอบ

“ไม่ดีแล้ว!” ก่วงลิ่งกงสีหน้าเปลี่ยนทันที “แบบนี้หนิวโหย่วเต๋ออาจจะอยากดึงกำลังพลของชิงกับพุทธะไป ที่ไปดักโพ่จวินนั้นเป็นเรื่องโกหก มีความเป็นไปได้สูงว่ายังพุ่งเป้าหมายมาที่ข้า กำลังพลของชิงกับพุทธะมีท่าทีจะกลับไปช่วยหรือเปล่า?”

“ดูจากข่าวที่สายลับตามรายทางส่งมาตอนนี้ ยังไม่มีท่าทีว่าจะทำอย่างนั้นขอรับ” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงโล่งใจแล้วนิดหน่อย “เป็นข้าที่คิดมากไปเอง ชิงกับพุทธะก็คงจะมองออกเหมือนกัน”

ในขณะนี้เอง แม่ทัพใหญ่คนหนึ่งที่ชื่อว่าจ้าวจั้วก็ถลันตัวเข้ามาใกล้ หลังจากทหารยามสอบถามแล้ว ก็เข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง ขุนพลจ้าวขอเข้าพบขอรับ”

ก่วงลิ่งกงพยักหน้า บอกใบ้ให้เขามา

“ท่านอ๋อง!” จ้าวจั้วเข้ามาทำความเคารพ

“มีเรื่องอะไร?” ก่วงลิ่งกงถามพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน

จ้าวจั้วมองไปรอบๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำเบา “ท่านอ๋อง บ่าวคนหนึ่งในร้านค้าที่ข้าน้อยประกอบกิจการอยู่ข้างนอกเพิ่งส่งข่าวมา บอกว่าทูตตรวจการขวาเกาก้วนเพิ่งปรากฏตัวและมาหาเขาด้วยตัวเอง”

“เกาก้วนปรากฏตัวและมาหาบ่าวรับใช้ในร้านค้าข้างนอกของเจ้าด้วยตัวเอง?” ก่วงลิ่งกงสงสัย “เกาก้วนไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายประมุขชิงหรอกเหรอ?”

จ้าวจั้วตอบว่า “ข้าน้อยก็แปลกใจมากเหมือนกัน บ่าวของข้าน้อยบอกว่า เกาก้วนบอกว่าซ่างกวนชิงถูกประมุขไป๋ยุยงให้กบฏแล้ว ตอนที่เขาเพิ่งเจอเบาะแส ก็ถูกซ่างกวนชิงทำร้ายแล้ว ถูกใส่ร้ายว่าเป็นไส้ศึก หนีออกมาจากฝั่งประมุขชิงแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ก่วงลิ่งกงจับโกวเยว่ตกใจไม่เบา ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก ไม่น่าเชื่อว่าข้างกายประมุขชิงจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น?

พวกเขาไม่รู้ข่าวเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะมีอวี้หลัวช่าคอยเป็นหูเป็นตาให้ เกรงว่าแม้แต่เหมียวอี้ก็คงไม่รู้เรื่องเช่นกัน

“พูดจริงหรือเปล่า?” ก่วงลิ่งกงซักไซ้

จ้าวจั้วตอบว่า “จริงเท็จข้าน้อยก็ไม่ทราบ แต่เรื่องที่เกาก้วนปรากฏตัวต่อหน้าบ่าวคนนั้นกลับเป็นเรื่องจริง หากท่านอ๋องต้องการจะรู้ว่าจริงหรือเท็จก็ไม่ยาก ไปสืบจากประมุขชิงก็ได้ขอรับ”

ก่วงลิ่งกงเผยสีหน้าเคร่งขรึม ถ้าเป็นเรื่องจริง ในเวลานี้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับคนสนิทข้างกายประมุขชิง ก็ไม่ใช่เค้าลางที่ดีอะไร เขาถามอีกว่า “เกาก้วนไปหาบ่าวของเจ้าหมายความว่าอะไร หรือว่าจะฝากอะไรมาบอก?”

จ้าวจั้วบอกว่า “ท่านอ๋องปราดเปรื่อง เป็นเช่นนี้จริงๆ เกาก้วนให้บ่าวของข้าน้อยมาบอกว่า ถงเหลียนซี อนุภรรยาของลั่วหม่างมีชื่อเดิมว่าเจียงอวิ๋น เป็นสายลับที่สมาคมวีรชนแทรกไว้ข้างกายลั่วหม่าง และเจียงอวิ๋นก็มีพี่ชายคนหนึ่ง นั่นก็คือเจียงอีอี โจรราคะที่โด่งดัง ในปีนั้นหลังจากหนิวโหย่วเต๋อจับเจียงอีอีได้ที่ตลาดผี ก็สร้างความสัมพันธ์ลับๆ กับเจียงอวิ๋น น้องสาวของเจียงอีอี และเป็นอนุภรรยาคนโปรดของลั่วหม่างด้วย ตอนหลังเกาก้วนคอยจับตาดูเรื่องนี้ พบว่าลั่วหม่างกับหนิวโหย่วเต๋อแอบไปมาหาสู่กัน ไม่รู้ว่าวางแผนลับอะไรกัน จนกระทั่งเกิดเรื่องเหมือนอย่างวันนี้ขึ้น เกาก้วนถึงได้เตือน ให้ท่านอ๋องระวังว่าอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดกับลั่วหม่าง!”

ก่วงลิ่งกงเม้มริมฝีปากแน่น สายตาจ้องตรงไปที่จ้าวจั้ว แล้วก็สบตากับโกวเยว่อีก เห็นได้ชัดว่าโกวเยว่กำลังใส่สีหน้ากลัดกลุ้มใจ

เรื่องบางเรื่องก็ทำให้อดคิดลึกไม่ไหว เกิดความคิดขึ้นมาต่อเนื่องกัน นายกับบ่าวนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเรื่องหนึ่งโดยจิตใต้สำนึก ตอนนี้ศักยภาพของหนิวโหย่วเต๋อเหนือกว่าพวกเขานั้นไม่ผิด แต่ถึงอย่างไรฝั่งนี้ก็มีทัพใหญ่สามร้อยล้าน ถ้าจะสู้กันขึ้นมาจริงๆ ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อชนะแต่ก็จะได้รับความเสียหายมาก หลังจากเสียหายหนักมากแล้ว ตอนหลังเวลาเผชิญหน้ากับชิงกับพุทธะทัพใหญ่ที่มีอาวุธครบครันแล้วจะทำอย่างไร? หนิวโหย่วเต๋อจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้แล้วกัดก็พวกเขาไม่ปล่อยได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่ามีที่พึ่ง…บางปัญหาพอคิดให้ละเอียดแล้วก็น่ากลัวสุดๆ!

และในขณะนี้เอง ระฆังดาราของจินฉื้อก็ส่งข่าวมา หลังจากก่วงลิ่งกงติดต่ออยู่พักหนึ่ง ก็เก็บระฆังดาราเงียบๆ แล้วโบกมือบอกใบ้ให้จ้าวจั้วถอยออกไป

รอจนกระทั่งจ้าวจั้วออกไปแล้ว ก่วงลิ่งกงก็กล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “ถามแล้ว เกาก้วนกลายเป็นไส้ศึกแล้ว หนีออกไปจากประมุขชิงแล้ว…จินฉื้อก็เตือนข้าเช่นกัน ว่าให้ข้าระวังว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดกับลั่วหม่า บอกว่าชิงกับพุทธะฝากมาบอก”

“ชิงกับพุทธะก็กังวลเช่นกันว่าลั่วหม่างจะมีปัญหา?” โกวเยว่ถามอย่างระแวง

ก่วงลิ่งกงเอียงหน้ามองไปตรงจุดไกลๆ มองไปยังบริเวณที่กำลังพลของลั่วหม่างเฝ้าอยู่ “เร็วกว่านี้ก็ไม่ออกมา ช้ากว่านี้ก็ไม่ออกมา ในเวลานี้มีข่าวชี้รวมไปที่ลั่วหม่าง เกรงว่าคงอยากเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน”

โกวเยว่พยักหน้า แล้วก็กล่าวอย่างหวาดระแวงอีกว่า “ท่านอ๋อง ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ? คำพูดของเกาก้วนอาจจะมีเจตนาอื่นแอบแฝง แต่ในเวลานี้ชิงกับพุทธะน่าจะไม่อยากเห็นฝั่งท่านอ๋องเกิดความวุ่นวายอะไร คาดว่าฝั่งนั้นคงมีเหตุผลที่ควรค่าแก่การกังวลจริงๆ ถึงได้บอกให้ท่านอ๋องเตรียมพร้อมป้องกัน”

ก่วงลิ่งกงขบกรามแน่น ใช่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาล่ะ ในมือลั่วหม่างกุมกำลังพลของทัพตะวันตกเอาไว้เกือบหนึ่งในสามส่วนเชียวนะ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้น เขาก็รับผลที่ตามมาไม่ไหวจริงๆ เขาถอนหายใจเบาๆ “จะทำยังไงได้?”

ก็อย่างที่บอกไว้ ในมือลั่วหม่างมีอำนาจทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ กำลังพลที่เก่งกาจของสายวอกล้วนอยู่ข้างกายลั่วหม่างหมด ต่อให้ลั่วหม่างมีปัญหาจริงๆ ถ้าเขาคิดจะแตะต้องลั่วหม่าง แต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นกัน

“ต้องระวังว่าจะมีคนเสี้ยมให้แตกคอกันจริงๆ พวกเราจะขัดแย้งกันเองภายในไม่ได้ แม้จะคิดไปในทางที่ดี แต่ก็ต้องป้องกันในทางที่ร้ายไว้ด้วย” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงเอียงหน้ามองมา “เจ้ามีความคิดอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่สู้เปิดอกเจรจากับลั่วหม่างสักหน่อย” โกวเยว่กล่าว

ก่วงลิ่งกงพยักหน้าเบาๆ เข้าใจเจตนาของเขาแล้ว อยากจะคิดหาทางอย่างท่าทีลั่วหม่างสักหน่อย ถ้าลั่วหม่างมีปัญหาอะไรจริงๆ ก็จะได้รับมือให้ทันเวลา เมื่อเรื่องจวนตัวแล้วจะได้ไม่นึกเสียใจทีหลัง

บนดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน ลั่วหม่างที่ยืนอยู่บนยอดเขาไกลๆ อีกแห่งก็หันหน้ามาทางศูนย์กลางทัrตะวันตกที่ก่วงลิ่งกงอยู่เช่นกัน กำลังมองมาเงียบๆ

ผ่านไปไม่นาน พ่อบ้านหลางจวี๋ถลันตัวเข้ามา เหยียบลงพื้นข้างกายเขาแล้วรายงานว่า “นายท่าน คนที่แอบสะกดรอยตามส่งข่าวมาแล้ว กำลังพลทัพอารักขาของท่านอ๋องกำลังระดมพลอย่างเงียบ”

ลั่วหม่างค่อยๆ เผยสีหน้าพยับเมฆ ก่อนหน้านี้หนิวโหย่วเต๋อบอกเขา บอกว่าก่วงลิ่งกงรู้เรื่องนั้นแล้ว แต่เขาไม่เชื่อว่าก่วงลิ่งกงจะเลอะเลือนขนาดนี้ จะติดกับดักแผนการเสี้ยมเขาควายให้ชนกันได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ก่วงลิ่งกงกำลังเคลื่อนไหวทัพอารักขาเงียบๆ หมายความว่าอะไร?

เขาพลิกมือนำระฆังดาราอันหนึ่งออกมา หลังจากติดต่อแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มยิ่งขึ้น ขบกรามแน่นพร้อมบอกว่า “โกวเยว่ให้ข้าไปหา บอกว่าท่านอ๋องมีเรื่องจะคุยกับข้า”

“หา!” หลางจวี๋อุทาน มองไปที่ตำแหน่งที่มีกำลังพลของก่วงลิ่งกงอยู่ ทำสีหน้าหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด

ลั่วหม่างกัดฟัน “ระดมกำลังพล แล้วก็เรียกเข้าไปหา เขาคิดจะทำอะไร? อย่าบอกนะว่าคิดจะลงมือกับข้า?”

หลางจวี๋รีบโน้มน้าวว่า “นายท่าน ไม่ว่าท่านอ๋องจะมีความคิดนี้หรือไม่ แต่ระวังไว้หน่อยจะดีกว่า ไปไม่ได้นะขอรับ!”

“หนิวโหย่วเต๋อ!” ลั่วหม่างกล่าวยังเคียดแค้น เขาไม่ได้ตอบตกลงหนิวโหย่วเต๋อแท้ๆ แต่ก็โดนหนิวโหย่วเต๋อเล่นงานอย่างนี้แล้ว เป็นอย่างที่หนิวโหย่วเต๋อบอก

จุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญขนาดนี้ เกรงว่าจะไม่ให้ก่วงลิ่งกงคิดมากคงไม่ได้ เกรงว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นมานั่งตำแหน่งเดียวกับก่วงลิ่งกง ก็คงไม่นิ่งดูดายดูเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น

บางทีอาจจะคิดมากไป บางทีก่วงลิ่งกงอาจจะรู้ว่าเป็นแผนการเสี้ยมให้แตกคอกันเอง ไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น ที่โยกย้ายวางกำลังพล ถ้าเปลี่ยนเป็นใครก็ต้องป้องกันเหตุไม่คาดคิดไว้ทั้งนั้น แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ก่วงลิ่งกงเรียกให้เขาไป แต่ใครจะไปรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อแอบเล่นตุกติดอะไรในนั้นบ้าง ตอนนี้เขาจะกล้าไป?

เขาไม่รู้ชัดเจนว่าหนิวโหย่วเต๋อวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หรือเป็นแผนชั่วที่คิดขึ้นมาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สรุปก็คือครั้งนี้โดนหนิวโหย่วเต๋อเล่นงานจนวุ่นวายไปหมดแล้ว ข้างนอกข้างในเหมือนไม่ใช่คน หนิวโหย่วเต๋อบอกกับเขาอย่างชัดเจนแล้ว ว่าข้าก็แค่ต้องการเสี้ยมให้ก่วงลิ่งกงกับเจ้าแตกคอกัน แล้วจะทำยังไงได้?

“เขาไม่ยอมมา?” ก่วงลิ่งกงหันขวับ บนใบหน้าฉายแววดุร้ายน่ากลัว

โกวเยว่พยักหน้า แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ลั่วหม่างบอกว่าท่านอ๋องทัพอารักขากำลังจัดระเบียบวางกำลังพล กลัวว่าจะรบกวนท่านอ๋อง ทั้งยังบอกอีกว่าหนิวโหย่วเต๋อพูดอะไรกับท่านอ๋องหรือเปล่า เขาบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน บอกท่านอ๋องว่าอย่าเชื่อ”

ก่วงลิ่งกงกล่าวเสียงต่ำว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่กล้ามาพูดให้ชัดเจน ข้าจะเป็นคนไร้เหตุผลเชียวหรือ?”

โกวเยว่ลังเลนิดหน่อย “ท่านอ๋อง ในเวลานี้ไม่ควรขัดแย้งกันภายในจริงๆ ไม่สู้บ่าวไปถามเองต่อหน้าดีกว่า ถ้ามีการเข้าใจผิดอะไรจริงๆ ก็ดูว่าสามารถอธิบายได้หรือไม่”

ก่วงลิ่งกงทำสีหน้าเย็นเยียบโดยไม่พูดอะไร

โกวเยว่กุมหมัดคารวะ เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ หันตัวเหาะขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

…………………………