มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1379

“น้องชายอย่าได้เข้าใจผิดไป น้องหกเพียงแค่สงสัยในพลังของเจ้าเท่านั้น ในใจจึงคิดที่จะทดสอบ มิได้มีประสงค์ร้ายแต่อย่างใด”

ทันใดนั้นยู่หวูฉิวก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้าช่วยนำเอาวรยุทธ์ในการบรรลุราชาเทพออกมาจากแดนปริศนาเบญจธาตุมาให้พวกเราพี่น้อง พี่น้องของเราจะตอบแทนจะจอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นได้อย่างไร?”

“พี่ใหญ่……”

กุ่ยเชียนโฉเหมือนต้องการจะพูดบางอย่าง แต่กลับถูกยู่หวูฉิวส่งสายตาห้ามเอาไว้

“แต่จะว่าไป ข้าสนใจเกี่ยวกับการสืบทอดที่น้องชายมีอยู่อย่างมาก ฉะนั้นข้าจึงอยากจะทำข้อตกลงกับเจ้า ส่วนเงื่อนไขนั้นเจ้าว่ามาได้เลย” ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวพูดเป้าหมายของตนออกมา

เขาไม่สามารถเดาทางหลัวซิวได้ เพราะฉะนั้นต่อให้ลงมือต่อสู้กัน ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสได้รับชนะเสมอไป สามารถพูดได้ว่า ระกว่างเขาและหลัวซิวนั้น ต่างก็กังวลซึ่งกันและกันอยู่

หลัวซิวกังวลว่าพวกเขาเปลี่ยนหน้าหันมาสู้กับเขา แต่ปีศาจยักษ์กลับกังวลว่าหลัวซิวจะหนีไป ต่อไปเมื่อเจาเติบโตขึ้นมาจะเป็นภัยต่อพี่น้องของเขา

ด้วยเหตุนี้ ยู่หวูฉิวจึงหาทางออกด้วยการประนีประนอม นั่นคือทำข้อแลกเปลี่ยน

สำหรับการสาบานตนเป็นพี่น้องต่างสายเลือด ทั้งสองฝ่ายต่างมีกำแพงขึ้นในใจแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงได้

หลัวซิวเข้าใจแจ่มแจ้ง ยู่หวูฉิวพูดมาแบบนี้ เขาก็ย่อมเข้าใจได้ในทันทีถึงความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

ข้อแลกเปลี่ยน ช่างเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีจริง ๆ

“ข้าต้องการต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยน จำเป็นต้องให้ทุกท่านช่วย” หลัวซิวพูดสิ่งที่ตนต้องการออกมาตรง ๆ

ยู่หวูฉิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เงื่อนไขนี้ค่อนข้างยาก ซือถูเจิ้งเจี้ยนไม่เพียงแค่มีผลการฝึกตนกึ่งราชาเทพ พวกพ้องใต้บัญชาของเขาก็มีเทพฟ้าอยู่ราว ๆ สี่สิบกว่าคน อาศัยเพียงพวกเราพี่น้องเก้าคน ไม่สามารถต่อกรกับเขาได้”

“ซือถูเจิ้งเจี้ยนข้าจัดการด้วยตัวของข้าเอง ทุกท่านเพียงช่วยข้าจัดการกับเหล่าพวกพ้องใต้บัญชาก็พอ” น้ำเสียงของหลัวซิวชัดเจนดังก้องอยู่ในหูของปีศาจทั้งเก้า

จัดการซือถูเจิ้งเจี้ยนด้วยตนเอง?

ได้ยินคำพูดนี้ของหลัวซิว ต่อให้เป็นยู่หวูฉิวที่จิตใจนิ่งสงบก็ยังมีปฏิกิริยาบางอย่างกับสิ่งนี้

ซือถูเจิ้งเจี้ยนเป็นถึงราชาเทพ ต่อให้มีการควบคุมของกฎพิภพ แต่เขาก็เป็นถึงระดับกึ่งราชาเทพ แม้แต่เขาเองก็ยังบอกตนเองว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู่ของเขา ซิวหลัวที่มีเพียงผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ เขาไปเอาความกล้าและความมั่นใจมาจากที่ใด?

“หรือว่าเขาจะยังมีกลยุทธ์ใดที่สามารถยังสามารถกดกึ่งราชาเทพเอาไว้ได้อีก?” ยู่หวูฉิวอยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ถึงจุดนี้ หลัวซิวไม่ใช่คนโง่ เขากล้าพูดแบบนี้ นั่นหมายถึงเขาต้องมีความมั่นใจอยู่แน่นอน ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการฆ่าตัวตาย?

หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นเขากเขาควรจะดีใจที่ยังไม่ได้ลงมือ ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งเก้าอาจจะเสียหายใหญ่หลวงเป็นแน่

สำหรับคนอย่างซิวหลัวที่คาดเดาด้วยหลักการทั่วไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง ยู่หวูฉิวก็ไม่กล้าที่จะมองข้าม

แต่ยู่หวูฉิวก็ยังคงไม่ได้วางใจหลัวซิว เพราะมหาจักรพรรดิยุทธ์กับกึ่งราชาเทพแตกต่างกันมากเกินไป ระหว่างทางยังมีเทพมารและเทพฟ้าสองแดนใหญ่กั้นไว้อยู่

หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ยู่หวูฉิวก็พูดว่า “ถ้าหากเจ้าไม่ต้องให้พวกเราพี่น้องไปต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยน เช่นนั้นเงื่อนไขนี้พวกเราสามารถตอบรับได้ แต่เจ้าจะตอบแทนพวกเราด้วยสิ่งใด?”

“วิชาอาถรรพณ์พลังอมตะวิชาหนึ่งพลังอมตะที่! หลังจากกลั่นแปรแล้วสามารถทำให้ทุกท่านเพิ่มพลังรบได้ถึงยี่สิบสี่เท่า!” หลัวซิวเอ่ยพูดเสียงดังฟังชัด

“ก็คือวิชาอาถรรพณ์ที่เจ้ากลั่นแปรตอนที่ต่อสู้กับหุ่นเชิดอสูรคลั่งใช่หรือไม่?” ยู่หวูฉิวหวั่นไหวต่อมันจริง ๆ

“ถูกแล้ว” หลัวซิวพยักหน้า

วิชาอาถรรพณ์พลังแปรเสวียนเทียนสามารถเพิ่มพลังรบได้มากที่สุดร้อยเท่า แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถ่ายทอดวิชาอาถรรพณ์ให้กับปีศาจทั้งเก้าทั้งหมดโดยไม่เก็บเอาไว้เลย

อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นพลังยี่สิบสี่เท่าของพลังแปรเสวียนเทียน ก็ไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยทั่วไปแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถใช้ข้ามแดนฆ่าศัตรูได้ แต่ก็มากพอที่จะได้ขึ้นชื่อว่าสามารถขึ้นเป็นเจ้าแห่งแดนเดียวกันแล้ว

“ข้าตอบรับ”

ในที่สุดปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวก็พยักหน้ารับ พูดเสียงนิ่งเรียบ “พวกเราจะช่วยเจ้าต่อกรกับพวกพ้องใต้บัญชาของซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่หากเจ้าไม่สามารถต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยน หากพวกเรารู้สึกถึงความอันตราย จะล่าถอยออกไปทันที”