ตอนที่ 2082 คําขู่
หลังจากนักปรุงยายื่อหยางเองก็ก้าวเดินจากไป
เมื่อกล่าวคำโอ้อวดท้าทายออกไปแล้ว ต่อให้พูดพล่ามอะไรต่อก็ไม่มีความหมายอะไร
การทดสอบแรกคือการทดสอบแยกแยะสมุนไพร ในขณะที่การทดสอบที่สองคือการทดสอบปรุงยา และการทดสอบที่สามคือการทดสอบทักษะห้วงจิตปรับแต่ง ผลคะแนนรวมจากการทดสอบทั้งสามรอบจะนํามารวมกัน เพื่อหาผู้ชนะอันดับหนึ่ง
หลิงฮันกลับไปยังโรงเตี้ยม ซึ่งหลังจากเขากลับมาได้ไม่นานผู้คนก็ถาโถมเข้ามาหาราวกับหมู่เมฆ
ใครบางคนมาเพื่อดูว่าหลิงฮันมีพื้นเพแบบใด ถ้าหากเขามีผู้หนุนหลังที่ทรงพลังอยู่ พวกเขาก็จะเลือกสร้างสายสัมพันธ์ด้วย ในขณะที่คนบางพวกเพียงแค่มาเพราะความสงสัยล้วนๆ ว่าอัจฉริยะสัตว์ประหลาดมีรูปร่างหน้าตาแบบใด
เพียงแต่เนื่องจากว่าหลิงฮันนั้นได้สังหารสุดยอดจักรพรรดิทั้งสื่อย่างพวกเทียนชิงเย่ไป ขุมอํานาจมากมายจึงยังไม่เคลื่อนไหวเพราะกลัวว่าจะไปล่วงเกินขุมอานาจระดับราชานิรันดร์ทั้งสี่เข้า
หลิงฮันคร้านจะจัดการกับเรื่องนี้จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฟู่เยว่
การทดสอบความรู้สมุนไพรยังคงดําเนินต่อไป โดยที่ในอีกสองวันต่อมาก็ผลของอัจฉริยะนักปรุงยาอีกคนก็ถูกเปิดเผย
พานลั่วหลิง… ผ่านการทดสอบระดับเจ็ด!
แต่ว่าก็ไม่มีม้ามืดไร้นามคนใดปรากฏตัวอีกเลย ยิ่งกว่านั้นภายใต้แสงรัศมีอันเจิดจ้าของหลิงชั้น แม้แต่ม้ามืด คนก่อนอย่างหลินหย่งชางก็ยังถูกบดบังจนไม่มีใครเอ่ยถึงเขาเลย
ในอีกวันต่อมานั้นเองใครบางคนก็มาหาหลิงฮัน
แน่นอนว่าคนที่ต้องการพบหลิงฮันในแต่ละวันนั้นมีมากมาย แต่สําหรับแขกในวันนี้เป็นตัวตนที่ฟูเย่ไม่กล้าปฏิเสธ
“หลิงฮัน!” ฟู่เยว่ผลักประตูเข้ามาโดยมีคนสามคนตามมาด้านหลัง สองคนเป็นบุรุษหนึ่งคนเป็นสตรี ทางฝั่งบุรุษนั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ส่วนฝั่งสตรีที่มีใบหน้าที่งดงาม
หลิงฮันจดจ่าหนึ่งในคนทั้งสามได้ซึ่งก็คือหลินหย่งชาง
“คนผู้นี้คือนายน้อยหยวน หยวนถงกวาง” ฟู่เยว่กล่าวแนะนําโดยที่บนใบหน้าของเขาปรากฏท่าที่ยําเกรง “บรรพบุรุษของนายน้อยหยวนคือปรมาจารย์นักปรุงยาห้าดาวแห่งหอโอสถบรรพกาล!”
นักปรุงยาห้าดาว… จุดสูงสุดแห่งศาสตร์ปรุงยา!
ถึงแม้ฟู่เยว่จะมีปู่เป็นปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยวนถงกวางเขาก็ไม่สามารถโอ้อวดได้แม้แต่น้อย
หากนํานักปรุงยาสี่ดาวไปเทียบกับนักปรุงยาห้าดาว ความต่างชั้นก็เปรียบเสมือนกับจอมยุทธระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้กับราชานิรันดร์
“ส่วนคนผู้นี้คือนายน้อยหลิน หลินหย่งชาง.. และแม่นางผู้นี้คือธิดาพาน พานลั่วหลิง” ฟู่เยว่แนะนําชื่อของบุรุษกับสตรีที่คนหนึ่งที่เหลือ
ถึงแม่หลิงฮันจะไม่พอใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่อาจกล่าวโทษฟู่เยว่ได้
ต่อหน้าหยวนถงกวางเป็นเรื่องยากที่ฟู่เยว่จะกล่าวปฏิเสธ เพราะไม่ว่าจะสถานะของคนจากหอโอสถบรรพกาลหรือปรมาจารย์นักปรุงยาห้าดาว อีกฝ่ายก็สามารถเหยียบย่ำฟูเยว่ให้จมดินได้อย่างไม่อาจต่อต้าน
“ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันตัดสินใจยอมเห็นแก่หน้าฟู่เยว่
เมื่อเห็นเช่นนี้ฟู่เยว่ก็ถอนหายใจโล่งอกราวกับภูเขาถูกยกออกจากอก
การที่เขาพาคนอื่นเข้ามาที่นี่ได้โดยพลการเช่นนี้เขากลัวเป็นอย่างมากว่าหลิงฮันจะโกรธ และขับไล่ทุกคนออกไป ซึ่งหากเป็นแบบนั้นเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังทันที
“เจ้าออกไปก่อน” หยวนถงกวางทําสีหน้าหยิ่งยโสและออกค่าสังกับฟู่เยว่
ฮืม… นี่เจ้ากล้าทําเหมือนตัวเองเป็นเจ้านายงั้นรี?
ฟู่เยว่เผยท่าทีเกรี้ยวกราดและคิดจะลงมือ แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเขาก็ต้องฝืนอดทนเอาไว้ พร้อมกับหันหลังปิดประตูเดินจากไป
หลิงฮันไม่กล่าวอะไร ถ้าหากตัวของฟู่เยว่คิดจะต่อต้านละเขาเองก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ แต่ถ้าฟูเยว่ยินยอมที่จะให้ตนเองได้รับความอัปยศ เขาเองก็คร้านจะช่วยเช่นกัน
“หลิงฮัน!” หยวนถงกวางมองไปยังหลิงฮัน มุมขอบตาของเขายกขึ้นเล็กน้อยเพื่อแสดงออกถึงความเหยียดหยาม “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกข่าวดีกับเจ้า เห็นแก่ที่เจ้าทําผลลัพธ์ได้ดีในการทดสอบแยกแยะสมุนไพร ข้าจึงจะนําเจ้ากลับไปยังหอโอสถบรรพกาลเป็นการส่วนตัว และจะแนะนําบรรพบุรุษของข้าใหรับเจ้าเป็นศิษย์
หลิงฮันไม่ตอบอะไร เขายิ้มและมองไปยังหยวนถงกวางด้วยจิตใจที่ไม่แยแส
ช่างน่าขันนัก เพียงแค่ความรู้ในด้านสมุนไพรเขาก็มีคุณสมบัติเต็มที่ที่จะได้ดข้าร่วมกับหอโอสถบรรพกาลแล้ว มีความเจ้าเป็นอันใดที่จะต้องให้อีกฝ่ายช่วยแนะนําให้?
หยวนถงกวางไม่สนใจว่าหลิงฮันจะคิดอะไร เพราะในความคิดของเขานั้น ตราบใดที่เขายื่นมือเข้าช่วย ใครกันจะปฏิเสธความเย้ายวนใจที่จะได้มีโอกาสเข้าร่วมกับหอโอสถบรรพกาลได้?
“เจ้าไม่จําเป็นต้องเข้าร่วมการประลองในรอบต่อไป” หยวนถงกวางกล่าวต่อ
หลิงฮันอุทาน “โอ ในใจ นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายสิ้นะ
ไม่อยากให้เขาเข้าร่วมการประลองงั้นรึ?
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้าจะเข้าร่วมการประลองหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมายุ่ง!”
สีหน้าของหยวนถงกวางกลายเป็นมืดมนทันใด เขาจ้องถมึงทึงไปยังหลิงฮัน “เจ้ากล้าปฏิเสธความหวังดีของข้างั้นรึ?”
“ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะหวังดีตรงไหน” หลิงฮันจ้องอีกฝ่ายกลับ
หยวนถงกวางแทบจะบ้าคลั่งแต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ “หลิงฮัน อย่าคิดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ในด้านสมุนไพรนิดหน่อยแล้วจะเหิมเกริมทําอะไรได้ตามใจชอบ เจ้ารู้ไม่ว่าตราบใดที่ข้าเอ่ยปาก ต่อให้เจ้าเข้าร่วมหอโอสถบรรพกาลได้เจ้าก็ต้องคุกเข่าอย่างอัปยศ!”
ด้วยนิสัยของหลิงฮันแล้วมีรีที่เขาจะยอมทําตามคําขู่ของใคร ยิ่งถูกข่มขู่เขาก็ยิ่งคิดที่จะต่อต้าน
“หลิงฮัน ทําไมเจ้ายอมรับข้อตกลงแต่โดยดีเสียล่ะ?” พานลั่วหลิงเอ่ยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนที่ดูไม่น่าฟังเสียเท่าไหร่ “นายน้อยหยวนคือหลานของผู้อาวุโสแห่งหอโอสถบรรพกาล เพราะงั้นจะกล่าวว่าเขาเป็นผู้อาวุโสน้อยก็ไม่ฟังดูเกินจริงเกินไป หากเจ้าเป็นศัตรูกับเขาก็ไม่ต่างอะไรจากการแสปัญหาเข้าตัว”
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะเผยท่าที่ประหลาดใจ “หมอนี่ทําไปเพื่อเจ้างั้นสินะ?” เขาเคยได้ยินฟูเยว่กล่าวว่า พานลั่วหลังได้มีปฏิสัมพันธ์กับหยวนถงกวางทําให้นางถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่ในสามอันดับแรกของผู้เข้าประลองอยู่ก่อนแล้ว แต่จากเหตุการณ์นี้ดูเหมือนว่าความทะเยอทะยานของนางจะไม่ได้หยุดอยู่ที่อันดับสาม แต่มีเป็นคือการได้เป็นอันดับหนึ่งของการประลอง
ด้วยเหตุนี้ถ้าหากหลิงฉันที่เป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจถอนตัวและล้มเลิกการประลองด้วยตัวเองล่ะก็ โอกาสชนะของพานลั่วหลิงก็จะเพิ่มสูงขึ้น
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากาลังพูดเรื่องอะไร!” สีหน้าของพานลั่วหลิงกลายเป็นเย็นชา
“โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่ยินยอมแม้แต่ให้เจ้าเข้าร่วมกับหอโอสถบรรพกาล!” หยวนถงกวางกล่าวอย่างหนักแน่น
หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าหากหอโอสถบรรพกาลสามารถถูกควบคุมได้โดยเศษสวะเช่นเจ้าละก็ ทำไมข้าจะต้องอยากเข้าร่วมกับสถานที่แบบนั้น!”
“กิ่งก่าได้ทองที่ไม่รู้คุณค่าของโอกาสที่ตนเองได้รับ!” หยวนถงกวางทุบโต๊ะที่อยู่ในห้อง ถึงแม้โต๊ะจะถูกสร้างจากวัสดุชั้นดี แต่หยวนถงกวางก็เป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยิน โต๊ะจึงไม่อาจรับแรงกระแทกได้และแหลกออกเป็นชิ้นๆ
“ข้าถึงได้บอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องมาคุยให้วุ่นวาย ข้าจะเป็นคนจัดการเขาเอง” หลินหย่งชางเอ่ยแทรก
หยวนถงกวางชําเลืองมองไปที่อีกฝ่ายและกล่าว “แต่ข้าต้องการให้ลั่วหลิงได้ขึ้นครองอันดับหนึ่งอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด!”
“หากข้ากับเจ้าเอ่ยปากพูด มีรึที่คนอื่นจะกล้าคัดค้าน?” หลินหย่งชางกล่าวอย่างเหยียดหยาม
หลิงฉันประหลาดใจ ฟังจากน้ําเสียงของหลินหย่งชางแล้วดูเหมือนว่าสถานะของอีกฝ่ายจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหยวนถงกวางเลย
ถ้าเช่นนั้นหมอนี่เองก็ต้องมาจากหอโอสถบรรพกาลด้วยเป็นแน่ แต่ที่จงใจปกปิดตัวตนเอาไว้ก็เพราะต้องการโอ้อวดฝีมือในการประลอง
“ก็จริง!” หยวนถงกวางพยักหน้า หลินหย่งชางเองก็เป็นทายาทของผู้อาวุโสแห่งหอโอสถบรรพกาลเช่นกัน แถมเขายังเป็นทายาทเพียงคนเดียวอีกด้วย ทําให้สถานะของอีกฝ่ายอยู่เหนือกว่าเขาเสียอีก
“หลิงฮัน อีกสี่วันข้าจะทําให้เจ้าพินาศต่อหน้าสาธารณชน!” หลินหย่งชางกล่าวอย่างหยิ่งทะนง ในน้ําเสียงของเขามีความรู้สึกไม่พอใจแฝงเอาไว้เพราะเขารู้สึกอัปยศเป็นอย่างมาก ที่ตนเองพ่ายแพ้หลิงฮันในด้านความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร
“กลับ!” ทั้งสามคนหันหลังและกาลังจะเดินออกจากห้อง
“ช้าก่อน!” จู่ๆ หลิงฮันก็กล่าวขึ้นมา