ผู้เฒ่าหลายคนจำได้ทันที และหนึ่งในนั้นกล่าวตอบด้วยเคารพ “ทูลท่านราชาเทพ คนผู้นี้คือหนึ่งในศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน นามว่าหลัวซิว”

จ้าวนภาไร้เจตสิกได้ยินชื่อนี้ ก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที สำหรับเจ้าหนุ่มวัยเยาว์ผู้นี้เขาค่อนข้างคุ้นเคย เพราะว่าในประวัติศาสตร์ของสำนักเซียนไร้เจตสิกของพวกเขานั้นไม่เคยขาดแคลนสุดยอดอัจฉริยะ แต่ก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนผู้นี้ กระทั่งการตายของผู้อาวุโสเทพฟ้าท่านหนึ่งก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหนุ่มคนนี้

“เฮอะ สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเทียน?”

จิตสังหารที่เข้มข้นนั้นถูกเผยออกมาทางแววตาของซือถูเจิ้งเจี้ยน โดยเฉพาะเมื่อเขาได้รู้ข่าวว่าเหล่าคนที่เหลือของสำนักเทียนช่าก็ถูกสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินจัดการ รังสีสังหารที่แท้จริงก็ได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา เหมือนกับกระบี่เทพสีแดงเลือด ส่งเสียงดังกังวาน

“ประกาศคำสั่งของข้าออกไป รวบรวมศิษย์ทั่วทั้งสำนักเซียนไร้เจตสิก พลังแห่งการรวมสำนัก โจมตีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน!” ซือถูเจิ้งเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ขอรับ!”

ในใจของจ้าวนภาไร้เจตสิกก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นเช่นเดียวกัน แต่เดิมเขาก็อย่างที่จะทำลายสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอยู่แล้ว ในวันนี้มีราชาเทพซือถูเป็นคนลงมือเอง ถือว่าเขาไม่จำเป็นต้องเสียอะไรมากเกินไป ก็สามารถกำจัดเนื้อชิ้นนี้อย่างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินได้

……

ในมือถือเข็มทิศมหาแดน หลัวซิวได้ตรึงตำแหน่งของโลกเสวียนเทียนจากภายในอนัตตาไม่สิ้นไว้แล้ว

เขารู้ดีว่าต่อให้เปิดใช้จุดลมปราณที่หนึ่งกำเนิดเป็นโลกดารา เขาก็ยังไม่มีพลังที่จะสามารถต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยนได้

เขาไม่ได้เลือกที่จะกลับไปยังโลกาอสูรฟ้า แต่เป็นกลับไปยังโลกเสวียนเทียนเป็นอย่างแรก ให้ร่างแยกสองระดับความเป็นตายผสานร่างกัน

ร่างแยกสองระดับผสานเป็นหนึ่ง พลังจะเกิดการกลายร่างและยกระดับมากขึ้น อีกทั้งกฎชีวิตก็จะผสานเข้ากับจุดลมปราณโลกดารา ทำให้กฎของโลกาจุดลมปราณก้าวเข้าสู่ความสมบูรณ์

ในเวลานั้น เขาเชื่อว่าตนน่าจะสามารถเตรียมต้นทุนบางอย่างเพื่อต่อต้านกับซือถูเจิ้งเจี้ยนได้

เรือรบสีดำสนิทราวกับอสูรกายโบราณ ผ่านทะลุอนัตตาไม่สิ้น หลัวซิวยืนอยู่ด้านบนดาดฟ้า สายตาทอดมองไปยังอนัตตาที่มีแสงสีมากมายดูพิลึกพิลั่น ดูเหมือนจะทะลุข้ามผ่านการสกัดกั้นของโซนชั้นแล้วชั้นเล่า มองเห็นสำนักเขาไท่เสวียนที่อยู่ภายในโลกเสวียนเทียน

ในตอนแรกที่เขาก่อตั้งสำนักเขาไท่เสวียนเอาไว้ภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน เดิมทีแล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและวู่วาม หากจะโทษก็ต้องโทษที่ในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอ เชื่อใจผู้อื่นง่ายจนเกินไป

เฟิ่งหวูซินผู้นี้หลบซ่อนได้อย่างลึกซึ้ง ดูเหมือนจะเป็นพันธมิตร แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นกลับร้ายกาจมาก เขาจงใจเอาเข็มทิศมหาแดนให้ตน จากนั้นก็ทำให้เขาเข้าไปในอนัตตาไม่สิ้น จากนั้นก็จับตัว ลอบฆ่า ค้นหาความลับที่อยู่บนตัวของหลัวซิวอย่างเงียบเชียบ

ที่โชคดีก็คือ เฟิ่งหวูซินไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าร่างกลวัฏสงสารของเขาสามารถสำแดงพลังได้เทียบเท่าเทพฟ้า จึงทำให้หมากของอีกฝ่ายช้าไปหนึ่งก้าว อีกเพียงนิดเดียวก็สำเร็จแล้ว

การกลับไปยังโลกเสวียนเทียนครั้งนี้ หลัวซิวไม่เพียงแต่ต้องการจัดการกับซือถูเจิ้งเจี้ยนตัวอันตรายร้ายแรงนี้ และยังต้องจัดการบุญคุณความแค้นกับเฟิ่งหวูซินในครั้งนี้อีกด้วย

“หากข้าลงมือกับเฟิ่งหวูซิน จะเผชิญหน้ากับท่านพี่หญิงจื่อเยียนอย่างไร?” หลัวซิวถอนหายใจออกมา มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ตลอดไป ท้ายที่สุดก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี

ช่าจื่อเยียนมีบุญคุณต่อเขา โดยเฉพาะในตอนที่อยู่ในโลกแสงดาวได้ดูแลเขาเป็นอย่างดี และเพราะว่าเขาได้นำชิ้นส่วนใจแห่งศุภรไป จึงทำให้สำนักเทียนช่าถูกระราน ตลอดมานี้มันทำให้หลัวซิวรู้สึกโทษตัวเองอยู่ตลอด

ทันใดนั้น หลัวซิวก็ชะงักไปเล็กน้อย ออร่ารอบตัวที่ถูกเก็บซ่อนไว้ด้านในถูกปล่อยออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดเป็นคลื่นรอบ ๆ กฎโซน

“ซือถูเจิ้งเจี้ยนก็ไปที่โลกเสวียนเทียนแล้ว?”

ร่างแยกกฎชีวิตที่ตอนนี้อยู่ที่โลกเสวียนเทียน พักพิงอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินมาโดยตลอด เพื่อรอการผสานร่างกับร่างแยกกฎความตาย

สำนักเซียนไร้เจตสิกรวบรวมพลังโจมตีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน เรียกได้ว่าเป็นศักดิ์ศรีและพลังที่แข็งแกร่งมาก

สำนักเซียนไร้เจตสิกคือกองกำลังใหญ่อันดับหนึ่งของโลกเสวียนเทียน ก่อนหน้านี้ยังมีสำนักเทียนช่าคอยคานอำนาจไว้อยู่ แต่นับตั้งแต่สำนักเทียนช่าล่มสลายไป สำนักเซียนไร้เจตสิกก็เริ่มเป็นกองกำลังใหญ่หนึ่งเดียว