ตอนที่ 2084 เริ่มการประลองปรุงยา
ถ้าเกิดเรื่องที่หลิงฮันทําในวันนี้แพร่งพรายออกไปล่ะก็ ผู้คนจะต้องหวาดผวาแน่นอน
ขนาดกับคนของหอโอสถบรรพกาลหลิงฮันก็ยังลงมือด้วยอีกรี? นี่เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง?
แต่ขนาดขุมอํานาจราชานิรันดร์เบื้องหลังพวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนหลิงฮันก็ยังล่วงเกินไปแล้ว กับแค่เพิ่มหอโอสถบรรพกาลมาอีกหนึ่งจะเป็นอะไรไป?
สามวันต่อมา การแข่งขันปรุงยาก็เริ่มขึ้น
หลังจากจบการทดสอบในครั้งแรกไปแล้ว นักปรุงยาที่เข้าร่วมแข่งขันก็เหลืออยู่เพียงราวๆ หนึ่งพันสามร้อยคน แต่จํานวนเท่านี้ก็ยังถือว่ามากอยู่ดีซึ่งลานประลองปรุงยาของเมืองร้อยมังกรก็ไม่สามารถรองรับคนขนาดนั้นพร้อมกันได้
เพราะงั้นการแข่งขันจึงต้องแบ่งออกเป็นกลุ่มละหนึ่งร้อยคน และแยกการประลองเป็นสิบกว่าวัน
หลิงฮัน นักปรุงยายื่อหยางและนักปรุงยาที่โดดเด่นถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประลองสุดท้าย การเรียงลําดับจะเป็นไปตามผลคะแนนในการทดสอบแยกแยะสมุนไพร โดยที่คนที่ได้คะแนนดีก็จะถูกจัดให้ประลองทีหลัง
ทุกคนเชื่อว่าผู้ชนะเลิศจะต้องอยู่ในกลุ่มประลองกลุ่มสุดท้ายนี้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในสิบสองวันให้หลังนี้ก็ถึงรอบที่หลิงฮันต้องลงประลอง
หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังที่หมายพร้อมกันสามสาวโดยมีฟูเยวตามมาด้วย แต่ขณะที่พวกเขาออกจากโรงเตี้ยม นั่นเองพวกเขาก็เห็นเสี่ยวคู่เดินมายังทิศทางของพวกเขา
“โอ้! เสียวคู่ เจ้าไปไหนมาจนป่านนี้?” หลิงฮันถาม
ถึงแม้เสี่ยวคู่จะมีคําว่าเสี่ยวอยู่ในชื่อแต่อันที่จริงมันเป็นโครงกระดูกที่คงอยู่มานานไม่รู้กี่ร้อยล้านปีแล้ว เพราะงั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับร้อยมังกร ไม่รู้ว่าในหลายวันมานี้มันไปเตร็ดเตร่อยู่ไหนมา
“โอ้! เสี่ยวคู่ เจ้าไปไหนมาจนป่านนี้?” เสียวก่พูดเลียนแบบ ครั้งนี้แม้แต่สีหน้าและน้ําเสียงมันก็ลอกเลียนได้อย่างสมบูรณ์
หลิงชั้นยิ้มไม่กล่าวอะไรก่อนจะเดินต่อซึ่งเสี่ยวคู่ก็ตามมาด้วย
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานประลองปรุงยา สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่และจัดเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษเพื่อนักปรุงยาโดยเฉพาะ ห้องปรุงยาแต่ละห้องของที่นี่ล้วนแต่มีประสิทธิภาพในการเร่งเวลาถึงหนึ่งร้อยเท่า
ผู้เข้าร่วมประลองทุกคนเข้าสู่ห้องปรุงยาแต่ละห้อง โดยด้านนอกห้องของแต่ละคนจะมีนักปรุงยาและผู้ช่วยนักปรุงยายืนเฝ้าอยู่ด้วยเพื่อในกรณีที่มีคนคิดจะโกงการประลอง
หลิงฉันเดินเข้าสู่ห้องปรุงยาและนั่งลงเพื่อรอถึงเวลาประลอง
ทุกคนที่เข้าประลองจําเป็นต้องนําวัตถุดิบสมุนไพรมาเอง และเม็ดยาที่หลอมได้เองก็จะตกเป็นของตนเอง
ว่าแต่ว่าจะหลอมเม็ดยาอะไรดี?
หากจะได้ปลอดภัยที่สุดเม็ดยาที่ควรหลอมก็ต้องเป็นเม็ดยาสามดาว เพียงแต่นักปรุงยายื่อหยางกับพวกอู่จื่อซวีนั้นอยู่ห่างจากระดับนักปรุงยาสี่ดาวเพียงก้าวเดียว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะทะลวงผ่านขีดจํากัดในการประลองปรุงยาครั้งนี้ก็เป็นได้
หากคนเหล่านั้นทะลวงผ่านขีดจํากัดและหลอมเม็ดยาสี่ดาวได้ ผลคะแนนที่หลิงฮันได้เปรียบจากการทดสอบแยกแยะสมุนไพรก็จะถูกลบล้างทันที
หลิงฮันส่ายหัวไม่ยอมรับ
เขา… จะหลอมเม็ดยาสี่ดาว!
จิตวิญญาณของหลิงฮันลุกโชนในใจ
เขายังไม่เคยหลอมเม็ดยาสี่ดาวสําเร็จสักครั้ง และรู้สึกมาตลอดว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดไป
ไม่แน่ว่าแรงกดดันจากการประลองครั้งนี้อาจจะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เขาได้
หลิงฮันคิดจะลองหลอมเม็ดยาดาวดู แล้วถ้าหากล้มเหลวน่ะ? ก็คงต้องยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นไป เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมกับหอโอสถบรรพกาลอยู่แล้ว ที่เขามาร่วมประลองนี้ก็เพื่อดึงดูดหวี่ไห่หรงให้มาพาพวกเขากลับไปยังตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็เท่านั้น
การที่หยวนถงกวางข่มขู่เขาเรื่องการเข้าร่วมกับหอโอสถบรรพกาลจึงเป็นความคิดที่ผิดถนัด
เอาล่ะ… ถ้างั้นก็หลอมเม็ดยาสี่ดาวแล้วกัน
ทางด้านของอู่จื่อซวีดวงตาของเขาแสดงออกถึงความบ้าคลั่ง แต่เดิมเขาตั้งใจว่าจะหลอมเม็ดยาสามดาวที่หลอมได้ยากลําบากที่สุดอย่างเม็ดยานกวิหคเหมันต์ แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจแล้ว
นั่นเพราะเม็ดยาแค่นั้นคงไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้
ต้องหลอมเม็ดยาสี่ดาวสถานเดียว!
เขารู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างในจิตใจกําลังจะแตกกระจาย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาใกล้จะทะลวงผ่านเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว ที่ผ่านๆมาก่อนหน้านี้เขาก็เคยรู้สึกเช่นนี้เหมือนกันแต่ความรู้สึกก็ไม่ได้รุนแรงเท่าวันนี้
คอยดูเถอะ.. เขานี่ล่ะคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งศาสตร์ปรุงยา!
ทางด้านของนักปรุงยายื่อหยาง เขาใช้มือลูบเตาหลอมของตนเองอย่างอ่อนโยน เตาหลอมเตานี้เป็นเตาหลอมที่อยู่คู่กายเขามานานแล้วหลายหมื่นล้านปี กล่าวได้ว่ามันเป็นเสมือนหนึ่งในอวัยวะของเขาเลย ความล้ำค่าของมันนั้นมากกว่าคนรักหรือบุตรของเขาเสียอีก
แต่ในขณะที่เขากําลังสัมผัสมันอยู่จู่ๆ ฝ่ามือของเขาก็ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมา “เปรี้ยะ เปรี๊ยะ บนผิวของเตาหลอมค่อยๆ ปรากฏรอบแตกร้าว จนเมื่อรอยแตกแพร่ไปทั่วเตาหลอมนั่นเอง เพลิงเตาหลอมก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
นักปรุงยายื่อหยางเผยสีหน้าเป็นทุกข์ แต่ดวงตาก็แสดงออกถึงความหนักแน่น
หากไม่มีการทําลายก็ไม่มีการสร้างขึ้นใหม่
ที่เขายังไม่ทะลวงผ่านขีดจํากัดของตนเอง ก็เพราะดื่มด่าอยู่กับความทรงพลังและเกียรติยศในอดีตนานเกินไป และไม่มีความรู้สึกอยากหลุดพ้นจากจุดนี้ แต่ทว่าตอนนี้เขามีเหตุผลที่ต้องคว้าชัยชนะการประลองให้ได้ เขาจึงต้องทําลายเตาหลอมคู่กายซึ่งเป็นตัวแทนของความสําเร็จในอดีต
วันนี้คือวันแห่งการเริ่มต้นทะเยอทะยานใหม่!
กลิ่นอายของนักปรุงยายื่อหยางเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาของเขาเฉียบคมและให้ความรู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่
เส้นทางสู่การเป็นนักปรุงยาสี่ดาวของเขาจะเริ่มต้นในวันนี้!
ทางด้านของเซี่ยเล่อจาง ใบหน้าที่มักจะยิ้มแย้มของเขาในที่สุดปรากฏเป็นรอยยิ้มที่มาจากจิตใจอย่างแท้จริง ความสําเร็จของเขานั้นสม่ําเสมอกันมาโดยตลอด ไม่เพียงแค่เขาใช้เวลาหนึ่งพันล้านปีในการบรรลุเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาว แต่ตอนที่บรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวและสามดาว เขาก็ใช้เวลาในแต่ละระดับหนึ่งพันล้านปีเช่นกัน
ตอนนี้เวลาได้ผ่านมาอีกหนึ่งพันล้านปีแล้วเขาจึงมีความมั่นใจมากพอว่าตนเองจะก้าวเข้าสู่นักปรุงยาสี่ดาวได้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่เหมาะสมแล้วด้วย
ทางด้านของพานล้วหลังนางท่าตัวไม่ทุกข์ร้อนอะไร นางตัดสินใจว่าจะหลอมเม็ดยาสามดาวที่เป็นเม็ดยาถนัดที่สุดของนาง และนางไม่จําเป็นต้องฝ่าฟันความยากลําบากอะไรเหมือนคนอื่นเพราะนางมีอาวุธลับอยู่
“ผู้ชนะจะต้องเป็นข้า!”
ทางด้านของหลินหย่งชางใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ใครจะรู้กันว่าเขานั้นบรรลุเป็นนักปรุงยางดาวตั้งแต่เมื่อหกสิบปีก่อนแล้ว ในการประลองครั้งนี้นักปรุงยาที่มีระดับสูงสุดคือนักปรุงยาสามดาวเท่านั้น กล่าวได้ว่าเขาสามารถกําราบผู้แข่งขันคนอื่นได้อย่างราบคาบ
เขาไม่ได้สนใจชัยชนะของการประลองครั้งนี้ แม้แต่น้อยและจะเป็นคนถอนตัวเองหลังจากที่ได้แสดงความสามารถให้ผู้คนได้เห็นแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคือการทําให้ผู้คนตกตะลึงเท่านั้น
“แค่นักปรุงยาสามดาวตัวจ้อยกล้าเอาชนะข้าได้งั้นรี? การประลองรอบนี้ล่ะข้าจะทําให้เจ้ารู้ว่าใครกันที่เป็น อัจฉริยะที่แท้จริง!”
ที่ด้านนอกห้องหลอมเหล่าฝูงชนได้มาถึงและตั้งหน้าตั้งตารอให้การแข่งขันเริ่มขึ้น
การทดสอบในครั้งนี้ไม่เหมือนกับการทดสอบแยกแยะสมุนไพรที่ไม่สามารถมองเห็นการทดสอบได้ เพราะงั้นการทดสอบในครั้งนี้จึงคึกคักเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน ทําไมกระจกห้องหลอมเม็ดยาของพานลั่วหลิงถึงได้ฝ้ามัวเช่นนั้นล่ะ? จากมุมมองด้านนอกสามารถมองเห็นแค่เงาของคนเท่านั้น แต่มองไม่เห็นสมุนไพรในมือของนางเลย” จู่ๆ ใครบางคนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความสับสน