มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1383

ดวงตาของซือถูเจิ้งเจี้ยนเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ “ลงมือครั้งนี้ ข้าอนุญาตให้เกิดความผิดพลาดได้เพียงแค่เล็กน้อย เจ้าไปทำข้อตกลงกับคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ให้พวกนั้นยอมมอบกบฏแห่งสำนักเทียนช่า รวมถึงคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวมาให้หมดทุกคน!”

“หากพวกนั้นกล้าขัดขืนไม่ยอมมอบให้ ก็เริ่มการโจมตี ทำลายค่ายใหญ่ ทำให้ชื่อของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินหายไปตลอดกาล!” นัยน์ตาของซือถูเจิ้งเจี้ยปรากฎความบ้าคลั่งและดุร้ายออกมา

“ขอรับ!”

จ้าวนภาไร้เจตสิกตอบรับ ทันในนั้นหมุนตัวเดินออกไปจากวังเซียน ก้มลงมองดูสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินเบื้องล่าง พูดเสียงดังฟังชัด “เหล่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินจงฟัง นี่คือคำสั่งจากราชาเทพ พวกเจ้าจงรีบมอบตัวกบฏทั้งสองแห่งสำนักเทียนช่าออกมา รวมถึงไอ้เดียรัจฉานที่ชื่อว่าหลัวซิว พร้อมกับทุกคนที่เกี่ยวข้องจงส่งมอบตัวมาให้หมด!”

“สำนักเซียนไร้เจตสิกกำลังรังแกสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินไร้คนของข้าหรือ?”

กลางอากาศเหนือสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ สำนักเต๋าโบราณเรียบง่ายค่อย ๆ เปิดออก ตำหนักหนึ่งลอยออกมาจากด้านใน พร้อมกับเสียงของเฟิ่งหวูซินที่ลอยออกมา

เห็นเพียงเฟิ่งหวูซินเดินออกมาจากภายในตำหนัก เผชิญหน้ากับจ้าวนภาไร้เจตสิก พูดเสียงเยือกเย็น “เจ้าพาศิษย์จำนวนมากมายเช่นนี้มาล้อมรอบสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ของข้าไว้ หมายความว่าอย่างไร?”

จ้าวนภาไร้เจตสิกหัวเราะเสียงดังลั่น “เฟิ่งหวูซิน เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ? ที่ข้าพูดไปคือคำสั่งของราชาเทพ สำนักเทียนช่าถูกทำลายล้างไปอย่างไร เจ้าไม่รู้หรือ?”

“ข้าขอเตือนเจ้าทางที่ดีจงทำตามเงื่อนไขของราชาเทพ ไม่เช่นนั้น นับแต่นี้ต่อไปบนโลกใบนี้จะไม่มีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอยู่อีก”

จ้าวนภาไร้เจตสิกหัวเราะเยือกเย็น สำหรับความรู้ใจของเขาต่อราชาเทพซือถู ต่อให้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินทำตามเงื่อนไขที่กล่าวมา ก็ยังจำเป็นต้องลงมือทำลายล้างสำนักแห่งนี้ เพราะว่าในสายตาของราชาเทพซือถู ไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาด

สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินกล้าที่จะรับเอากบฏแห่งสำนักเทียนช่าเอาไว้ นั่นก็ถือเป็นการกระตุ้นจิตสังหารของราชาเทพซือถูแล้ว

เฟิ่งหวูซินได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ชะงักไปทันที ว่ากันตามสถานะของซือถูเจิ้งเจี้ยน ไม่จำเป็นจะต้องลงมายังโลกามนุษย์นี้ด้วยตนเองเพียงเพราะเรื่องเช่นนี้ อีกทั้งเงื่อนไขที่ว่ามานั้นยังพูดถึงหลัวซิว หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย?

“เจ้าคือเฟิ่งหวูซิน? ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้า ฝึกตนไม่เกินแสนปีก็บรรลุถึงแดนจ้าวนภา ศักยภาพในภายหน้ามิอาจจำกัดได้ ถือเป็นผู้เก่งกาจผู้หนึ่ง! หากเจ้ายินยอมติดตามข้า ข้าก็จะมอบโอกาสที่จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุราชาเทพให้”

เสียงของซือถูเจิ้งเจี้ยนค่อย ๆ ดังออกมาจากภายในวังเซียน

ที่เรียกว่าโลกามนุษย์ มีความหมายกว้างมาก ความหมายสำคัญคือหมายถึงเทพฟ้าเปิดพิภพต่ำ ส่วนราชาเทพเปิดพิภพกลาง

ระดับที่สูงกว่าสองพิภพนี้ ยังมีพิภพที่เปิดโดยมกุฎเทพ รวมถึงพิภพที่เปิดโดยจ้าวมหาเทพ

พิภพมกุฎเทพและพิภพจ้าวมหาเทพสมบูรณ์มากที่สุด กฎฟ้าดินท่ามกลางโลกพิภพก็สามารถสัมผัสรู้ได้ง่ายกว่า อัตราการถือกำเนิดของอัจฉริยะก็มีมากกว่า

เทพสงครามเอกภพได้รับสมยานามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งไร้ศัตรูในแปดร้อยพิภพ ในความเป็นจริงก็หมายถึงโลกามนุษย์เท่านั้น หากให้ไปอยู่ที่พิภพของมกุฎเทพและจ้าวมหาเทพที่ระดับสูงกว่า ก็สามารถเรียกได้แค่เพียงผู้แข็งแกร่งระดับกลางค่อนไปทางสูงเท่านั้น

สำหรับนักยุทธ์ของโลกามนุษย์แล้วนั้น เป็นเรื่องยากที่จะพบอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สูงมาก หากต้องการบรรลุเป็นราชาเทพ ล้วนเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง ในช่วงหลายสิบล้านปีก็ยังยากจะเกิดขึ้นสักคน

เฟิ่งหวูซินเป็นผู้ที่โดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย หนึ่งแสนปีฝึกตนถึงแดนจ้าวนภา แต่จ้าวนภามีอายุขัยแปดแสนปี นั่นหมายความว่าเขายังมีเวลาอีกกว่าเจ็ดแสนปีเพื่อตามหาหนทางไปสู่ราชาเทพ อัตราการบรรลุสูงยิ่ง

เพราะฉะนั้นซือถูเจิ้งเจี้ยนจึงอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกเสียดายอัจฉริยะ ต้องการเก็บเฟิ่งหวูซินเอาไว้ใต้บัญชา กลายเป็นปีกซ้ายขวาให้เขา

“ขอบคุณความเมตตาจากท่านราชาเทพ แต่ในช่วงเวลานี้ข้ายังไม่มีแผนจะทะลวงคอขวดของแดนราชาเทพ” เฟิ่งหวูซินพูดเสียงราบเรียบ

สำหรับการปฏิเสธของเฟิ่งหวูซิน ซือถูเจิ้งเจี้ยนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพียงแต่ยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด จ้าวนภาไร้เจตสิกกลับตะโกนคำรามเสียงดัง“ไอ้คนไม่เห็นคุณค่า มีโอกาสได้ติดตามราชาเทพถือเป็นเกียรติของเจ้า เจ้ายังกล้าเสียมารยาทปฏิเสธอีกหรือ?”