มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1384

“ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นหนึ่งในจ้าวนภาอาวุโสแห่งโลกเสวียนเทียน เจ้ายินยอมเป็นหมารับใช้ให้ผู้อื่น ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะเหมือนกับเจ้า”

คำพูดตอกกลับของเฟิ่งหวูซินนี้ราวกลับทิ่มแทงลงกลางใจ ทำให้จ้าวนภาไร้เจตสิกเกือบจะปอดระเบิดเพราะความโกรธอยู่ร่อมร่อ

“เจ้า…… เจ้ากล้าดียังไง!”

จ้าวนภาไร้เจตสิกดูเหมือนจะโมโหจนเสียสติไปแล้ว เขาหมุนตัวหันไปคารวะทางวังเซียนด้วยความเคารพ “เฟิ่งหวูซินยโสโอหังยิ่ง ดูถูกข้าน้อยไม่เป็นไร ยังไม่เคารพต่อราชาเทพ สมควรตัดหัวทิ้งเสีย!”

“ฮึ!”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนหัวเราะเยือกเย็นอยู่ภายในวังเซียน เสียงดังกึกก้องในอากาศเหมือนฟ้าร้อง “ผู้ที่ตามข้าอยู่รอด ขัดขวางข้าต้องตาย เฟิ่งหวูซินหากเจ้ารู้จักดูสถานการณ์ ข้าก็จะมอบหนทางเอาชีวิตรอดให้เจ้า ไม่เช่นนั้นแล้ว……”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ซือถูเจิ้งเจี้ยนคาดไม่ถึงก็คือ เฟิ่งหวูซินอยู่ดี ๆ ก็พลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดังลั่น พูดเสียงเย็น “สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินของข้าสืบทอดมานานนับล้านปี แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการทำลายสำนักเขาแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ของข้า ก็ต้องชดใช้อย่างสาสมถึงจะถูก!”

ระหว่างที่พูด ร่างของเฟิ่งหวูซินก็พุ่งออกไป กลับเข้าไปภายในสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ที่ด้านหลังของเขา ผู้อาวุโสไท่ซ่างแดนเทพฟ้าหลายคนค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น สีหน้านิ่งขรึม

สำนักเซียนไร้เจตสิกยกพลมาโจมตี ทั้งยังมีราชาเทพซือถูมาเยือนด้วยตนเอง สำหรับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินแล้ว นี่คือสิ่งที่เรียกว่าช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตายได้มาถึงแล้ว

“จ้าวศักดิ์สิทธิ์ พวกเราส่งมอบกบฏสำนักเทียนช่ารวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวไปเสียดีกว่า” ผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้หนึ่งพูดเสียงเรียบ

“ใช่แล้วจ้าวศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเทียบกับความเป็นความตายของสำนักศักดิ์สิทธิ์ เสียสละกบฏสำนักเทียนช่ากับศิษย์อีกหนึ่งคน ย่อมคุ้มค่ากว่าเป็นแน่” ผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกคนหนึ่งเสนอความคิดเห็น

“ราชาเทพซือถูผู้นี้ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่หลัวซิว ไม่รู้ว่าไอ้เดียรัจฉานนั่นไปก่อเรื่องใดไว้ด้านนอกอีก แล้วเรื่องนี้สำนักศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะช่วยเขาได้เช่นไร?” ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนอื่น ๆ อีกหลายคนต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ศิษย์พี่จ้าวศักดิ์สิทธิ์……” ซุ๋นซินเหลียและซุ๋นหวู่หยาต่างก็พากันเผยสีหน้ากังวลใจ

เรื่องเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน พวกเขากังวลใจว่าเฟิ่งหวูซินจะส่งช่าจื่อเยียนและเสี่ยวเจียงหมิงออกไปจริง ๆ

เฟิ่งหวูซินสีหน้านิ่งเรียบ ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

ในตอนที่เขายังเยาว์วัย เขาเคยตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่โลกยุทธ์ขั้นสูง มีวันหนึ่งที่เขาจะได้เป็นราชาเทพ ครองใต้หล้า กลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งโลกเสวียนเทียน

จนมาในภายหลัง ผลการฝึกตนของเขายิ่งสูงมากขึ้น พลังของเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เขาถึงได้เข้าใจว่าการจะเป็นราชาเทพนั้นมันยากลำบากเพียงใด

ในเส้นทางชีวิตแห่งโลกยุทธ์ เขาได้พบเพื่อนสามคน นั่นคือช่าจื่อเยียน ซุ๋นซินเหลีย และซุ๋นหวู่หยา

ในวัยเยาว์ของพวกเขานั้น พวกเขาทั้งสี่คนต่างก็เป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ หนึ่งในพวกเขามีเฟิ่งหวูซินที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ถูกเรียกว่าเป็นคนแรกของคนรุ่นใหม่

พวกเขาฝึกซ้อมด้วยกัน ท่องแดนปริศนา ผ่านความเป็นตายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน ยังมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกันอย่างมาก ในตอนนั้นดขาสัญญากับช่าจื่อเยียนเอาไว้ เมื่อบรรลุเป็นเทพมารแล้ว จะจัดงานใหญ่หลอมรวมกายใจ ประกาศให้โลกได้รู้

จนกระทั่งต่อมา สำนักเทียนช่าและสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินได้บาดหมางกัน เฟิ่งหวูซินในตอนนั้นคือศิษย์สนิทของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินรุ่นก่อน แต่ช่าจื่อเยียนก็เป็นลูกสาวบุญธรรมของเจ้าสำนักสยบนภา

เฟิ่งหวูซินคือคนที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ในช่วงเวลาสำคัญนั้น เขาละทิ้งสัญญาที่ให้เอาไว้กับช่าจื่อเยียน ตัดความสัมพันธ์นี้อย่างเด็ดเดี่ยว

ต่อมาในการสำรวจแดนปริศนา ทั้งสองสำนักเกิดการกระทบกระทั่งกัน เจ้าสำนักเทียนช่าฝาดฝ่ามือหนึ่งมายังเฟิ่งหวูซิน ในตอนนั้นเฟิ่งหวูซินเป็นเพียงเทพมารขั้นสูง หากถูกฝ่ามือนี้โจมตีเข้า จุดจบดูเหมือนจะเป็นความตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ในชั่ววินาทีเส้นยาแดงผ่าแปดนี้ ช่าจื่อเยียนพุ่งตัวเข้ามา เอาตัวบังไว้ด้านหน้าของเฟิ่งหวูซิน