มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1387

เสียงที่ดังกึกก้องนี้ดังมากจนได้ยินมาถึงโลกเสวียนเทียน ทำให้ทั่วท้องฟ้าเหนือโลกเสวียนเทียนเกิดเสียงดังเหมือนกับระเบิด ทำให้เกิดความตื่นตระหนกของมนุษย์ธรรมดานับไม่ถ้วน

เรือรบดำสนิทคืออัญเทพฟ้าที่ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวฝึกเซ่นออกมา ระดับนั้นเทียบเท่าได้กับวังเซียนของซือถูเจิ้งเจี้ยน

อัญเทพฟ้าสองชิ้นชนเข้าด้วยกัน ก็เหมือนกับผู้แข็งแกร่งจ้าวนภาสองคนสู้กันด้วยความแข็งแกร่งที่สุด พลังนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล

“พวกเจ้าทั้งเก้าอีกแล้วงั้นหรือ!”

ตัวสำนึกของซือถูเจิ้งเจี้ยนสัมผัสถึงปีศาจทั้งเก้าที่อยู่บนเรือรบดำสนิท ขมวดคิ้วแน่น

ภายใต้การควบคุมของกฎพิภพ เขาไม่สามารถสำแดงพลังทั้งหมดออกมาได้ เทียบเคียงได้เพียงกึ่งราชาเทพ พลังของปีศาจทั้งเก้า ถึงแม้ว่าจะไม่เท่าเขา แต่ถ้าพวกเขาเข้าไปพัวพันด้วย เขาก็จะไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ชั่วขณะ

“น้องชาย ตามที่เราได้ตกลงกันเอาไว้ พวกเราจะไม่ช่วยเจ้าลงมือต่อกรกับซือถูเจิ้งเจี้ยน” ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวพูดกับหลัวซิวเสียงขรึม

หลัวซิวพยักหน้า “โลกเสวียนเทียนห่างจากนี้ไปไม่ไกลแล้ว ในเวลานี้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินกำลังถูกโจมตี ข้าต้องการให้พวกท่านทั้งหลายรุดหน้าไปช่วย ปกป้องคนของข้าให้ปลอดภัยด้วย”

“สำหรับไอ้หมาแก่ซือถูนี่ ให้ข้าจัดการเอง”

หลัวซิวเหาะออกจากดาดฟ้าเรือรบอย่างโดยไม่ลังเล ชุดคลุมสีดำสั่นสะเทือนในพายุของโซน

ในขณะเดียวกัน สำแสงสีขาวก็พุ่งออกมา หยุดอยู่ข้างกายของเขา นอกจากชุดคลุมสีขาว รูปร่างหน้าตาของทั้งสองไม่ต่างกันแม้แต่จุดเดียว

“ซิวหลัวสองคน?”

ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าก็พลันงุนงงไปเล็กน้อย

เขาไม่ได้รู้ถึงชื่อจริงของหลัวซิว สิ่งที่สำให้เขาประหลาดใจคือ พลังพรสวรรค์ของซิวหลัวหนึ่งคนก็นับว่าเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซิวหลัวสองคนจะไม่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกหรือ?

ยู่หวูฉิวพลันคิดถึงการผันร่างขึ้นมา เพราะมีวิชาอาถรรพณ์พลังอมตะอยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถฝึกตนผันร่างได้ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเอง

“เหวิง!”

ร่างของหลัวซิวทั้งสองร่างสีดำและสีขาวพลันซ้อนทับกัน ผสานเข้าด้วยกัน ท่ามกลางโซนที่บิดเบี้ยว ชายหนุ่มสวมชุดคลุมหยินหยางยืนอยู่ท่สมกลางอนัตตา ด้านหลังศีรษะมีวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพตั้งตระหง่านอยู่ นัยน์ตาคู่นั้นลึกดั่งท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด

“ผันร่างนอกร่าง? ยังสามารถผสานผันร่างเพื่อเพิ่มพลังของข้า?”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนความรู้ครอบจักรวาล พลังอมตะประเภทนี้เขาก็เคยได้ยินมา หากอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาโลกาพันสาม ก็ถือเป็นพลังอมตะชั้นสูงที่มีน้อยยิ่งนัก

ร่างแยกสองระดับความเป็นตายผสานเป็นหนึ่ง กฎการเวียนว่ายตายเกิดของจุดลมปราณโลกดาราก็ได้รับความสมบูรณ์ด้วย

ดวงตาคู่นั้นของหลัวซิวมองไปยังวังเซียนที่เป็นสีดำสนิททั้งราวน้ำหมึก สายตาราวกับมองทะลุกำแพงของวังเซียน จ้องตรงไปยังร่างของซือถูเจิ้งเจี้ยนที่อยู่ด้านใน

“ปัง!”

เรือรบของปีศาจยักษ์พุ่งทะลุอนัตตา ขับเคลื่อนไปยังตำแหน่งของโลกเสวียนเทียน

สิ่งนี้ทำให้ซือถูเจิ้งเจี้ยนต้องขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าปีศาจทั้งเก้าจะอยู่ที่นี่เพื่อต่อกรกับตน แต่เวลานี้กลับจากไปเสียแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

แต่สิ่งที่ทำให้ซือถูเจิ้งเจี้ยนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมก็คือ ปีศาจทั้งเก้าขับเรือรบเหาะออกไปแล้ว หลัวซิวกลับยังอยู่ที่นี่

เขาเป็นคนช่างสงสัยแต่กำเนิด คาดเดาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีกับดักหรืออันตรายใด ๆ ซ่อนอยู่อีกหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่า การที่หลัวซิวอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว คือต้องการสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว

ถึงอย่างไร ในสายตาของเขา หลัวซิวก็มีเพียงผลการฝึกตนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าเท่านั้น ต่อให้รวมร่างกับผันร่างแล้ว พลังก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากขึ้นสักเท่าใด

ว่ากันตามหลักก่อนหน้านี้ หลังจากผสานร่างแยกสองระดับความเป็นตายแล้ว พลังผลการฝึกตนต่างก็ระเบิดเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลภายในชั่วพริบตา

แต่ครั้งนี้หลังจากหลัวซิวผสานร่างเป็นร่าต้นแล้ว ผลการฝึกตนกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ยังคงอยู่ที่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า

ผลการฝึกตนไม่เปลี่ยน แต่เขากลับสามารถสัมผัสได้ถึงร่างกายของตนเต็มไปด้วยพลังมหาศาลไม่อาจประมาณได้ แดนร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็ไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นเทพมารขั้นสูง แต่ความแข็งแกร่งของร่างเนื้อ กลับมากพอที่จะต้านการโจมตีของสมบัติแห่งเทพฟ้าได้!