เดิมทีแล้วการได้โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเจ็ดมันย่อมจะเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังมาแต่ก่อน องค์ชายรองควรจะพอใจได้อย่างมาก
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นคนอื่นมีของดีกว่า โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเจ็ดของเขานี้มันจึงแทบจะไร้ค่าใดๆ ไป
ไร้ค่าแต่ก็ยังไม่กล้าจะโยนทิ้ง!
“ทำไมหรือ? เจ้าไม่อยากได้มัน? เช่นนั้นจะเอาคืนมาให้ข้าก็ได้” เย่หยวนกล่าวขึ้น
องค์ชายรองนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะกล่าวขึ้น “อยาก! ทำไมข้าจะไม่อยากได้มันเล่า! ฮ-ฮ่าๆ!”
เย่หยวนจึงได้กล่าวขึ้นมาเสริม “ทำไมข้าถึงให้แค่ระดับเจ็ดกับเจ้า เจ้าน่าจะฉลาดพอรู้ถึงมันได้! หากมิใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่หลู่แล้วอย่าว่าแต่ระดับเจ็ด แค่ระดับหนึ่งข้าก็จะไม่หลอมให้เจ้า! ในเมื่อเจ้าวางเดินพันลงไปแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่นใจการเดิมพันของเจ้า ข้านั้นเกลียดชังคนที่มันเอาแต่คิดเรื่องผลประโยชน์เป็นที่สุด!”
พูดจบเย่หยวนก็หันไปหาหลู่หยุน “พี่หลู่ โอสถสวรรค์นี้ข้าหลอมให้ท่าน หากท่านไม่อยากใช้มันก็จงทำลายมันลงเสียเถอะ ข้าไม่อยากให้มันต้องไปตกในมือคนอื่น”
หลู่หยุนผงะไปก่อนจะพยักหน้ารับ
แน่นอนล่ะว่าเย่หยวนนั้นมองความตั้งใจของเขาออกได้
เขานั้นกำลังคิดอยู่ในใจว่าหลังจากหลังไปแล้วเขาจะเอาโอสถสวรรค์ปรับฐานของตัวเองให้องค์ชายรองกินแทน
องค์ชายรองที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งสิ้นหวัง!
ในเวลานี้เขาอยากจะตบหน้าตัวเองดังๆ สักที
ทำไมตอนนั้นต้องพูดออกไปด้วย?
ปากของเขานี้มันหาเรื่องเสียจริง!
คำพูดเดียวคุณภาพโอสถก็ตกลงมาถึงสองระดับ!
มันช่างแพงล้ำเกินไป!
หลังจากที่ส่งทุกคนกลับไปแล้วเย่หยวนก็ได้ยกกล่องไม้สุดท้ายขึ้นมา
ภายในนั้นมันมีโอสถสวรรค์ปรับฐานสีทองวางอยู่
เพียงแค่ว่าคลื่นพลังจากโอสถสวรรค์เม็ดนี้มันแตกต่างจากของที่คนทั้งหลายได้ไปสิ้น
มันยังมีสีทอง แต่ไม่ได้ส่องแสงออกมา
โอสถทองระดับเก้าที่เย่หยวนให้ถังหยูและคนอื่นๆ ไปนั้นมันมีสีทองที่สว่างจ้าจบแสบตา คลื่นพลังที่หลั่งไหลออกมานั้นเรียกได้ว่ารุนแรงล้ำ
แต่เจ้าโอสถสวรรค์เม็ดนี้มันกลับดูไร้พลังใด
เหมือนว่ามันมิใช่โอสถทองระดับเก้าใดๆ เลยเสียด้วยซ้ำ!
เย่หยวนหรี่ตาลงมองและกล่าวขึ้น “โอสถสวรรค์ปรับฐาน ในที่สุดข้าก็หลอมมันขึ้นมาถึงระดับเก้าขั้นสุดได้! สงสัยเหลือเกินกว่าโอสถทองระดับเก้าขั้นสุดนี้มันจะส่งผลอย่างไรกับตัวข้าบ้าง!”
โอสถสวรรค์ปรับฐานเม็ดนี้มันมิใช่โอสถสวรรค์ธรรมดาๆ เพราะมันเป็นถึงโอสถทองระดับเก้าขั้นสุดที่อยู่ในสภาวะสูงสุดคืนสู่สามัญ!
เวลามันผ่านไปได้ถึงหนึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เขาลงเดิมพันกับหลินหลาน
หนึ่งปีมานี้เย่หยวนไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากศึกษาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่โอสถสวรรค์ปรับฐาน
จนสุดท้ายในการเก็บตัวครั้งนี้ เขาก็ได้พัฒนาโอสถสวรรค์ปรับฐานของตนให้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดได้!
หลายปีมานี้ด้วยสิ่งที่กู่เม่ามอบให้และการแลกเปลี่ยนความรู้กับเจียงยู่มันได้ทำให้เย่หยวนเห็นถึงมุมลับในโอสถสวรรค์ปรับฐาน
เจ้าโอสถสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานที่สุดนี้มันกลับแฝงไปด้วยความรู้และทักษะมากมาย!
พื้นฐานนั้นคือสิ่งที่เป็นรากของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์
ไม่ว่าจะต้องเดินทางไกลเท่าไหร่นับพันนับหมื่นกิโลเมตร เราก็ยังต้องใช้สองขานี้ที่พาก้าวเดินไป!
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ตัดสินใจใช้เวลาทั้งหมดไปกับโอสถสวรรค์ชนิดนี้เพื่อจะสำรวจตัวเขาเอง
การฝึกฝนโอสถสวรรค์ปรับฐานขึ้นมาจนถึงขั้นสุดนี้มันย่อมจะช่วยให้เย่หยวนสามารถหลอม
และทำความเข้าใจโอสถสวรรค์ชนิดอื่นๆ ได้เร็วขึ้นเท่าตัว
เพราะพื้นฐานวิชาการหลอมโอสถสวรรค์นั้นเกือบครึ่งมันแฝงไว้ภายในการหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานนี้!
วินาทีที่โอสถสวรรค์ไหลลงถึงท้องเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังอบอุ่นที่ไหลตามเส้นชีพจร
จากนั้นสติของเย่หยวนก็ต้องสั่นสะท้าน
เพราะเขานั้นรู้สึกได้ว่าพลังมันกำลังไหลเข้าไปลึกลงในร่าง
โอสถสวรรค์ปรับฐานขั้นสุดนี้มันเหมือนดั่งเป็นปืนแรงดันน้ำที่ชำระล้างเส้นชีพจรของเขา
และแรงดันของมันก็ยังพุ่งเข้าไปถึงไขกระดูก
ล้างไขกระดูก!
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์แล้ว ร่างกายของคนเรามันก็ย่อมจะแข็งแกร่งจนถึงที่สุด
หากคิดอยากจะล้างไขกระดูกในระดับนี้มันย่อมจะยากยิ่ง
แต่เจ้าโอสถสวรรค์ปรับฐานขั้นสุดนี้มันกลับทำได้!
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่มันก็ได้ค่อยๆ ปรากฏกองเถ้าสีดำขึ้นบนร่างกายของเย่หยวนส่งกลิ่นเหม็น
เย่หยวนสะบัดร่างปัดเถ้านั้นออกไปจากร่างสิ้น
จากนั้นเขาก็ใช้ปราณเก็บกวาดเอากองเถ้าสีดำนั้นไปทิ้ง
เย่หยวนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างสุดใจ เขานั้นรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่!
การล้างไขกระดูกนั้นมันมิใช่สิ่งที่ทำแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นแต่อย่างใด
แต่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ใกล้ฟ้าดินมากขึ้นกว่าเก่า
แม้ว่ามันจะเพียงแค่นิดเดียวก็ตามที!
เขาจึงได้ร้องเรียกออกไป “เสี่ยวฉี ไปบอกถังหยูให้เอาศิลาเมฆาก่อนกำเนิดมาที!
เมื่อได้ยินว่าจู่ๆ เย่หยวนก็อยากได้ศิลาเมฆาก่อนกำเนิดนั้นทั้งพ่อลูกถังทั้งเจียงยู่ต่างต้องเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
พวกเขาทั้งสามนั้นเดินมาที่ห้องเก็บตัวของเย่หยวนพร้อมๆ กันด้วยความสงสัย
ก็หนึ่งแต้มนั้น เขาจะยังต้องวัดอะไรอีกหรือ?
“มีอะไรหรือท่านพี่? ทำไมท่านถึงคิดอยากวัดความเข้ากันได้ขึ้นมาอีกเล่า?” ถังหยูถามขึ้นพร้อมวางศิลาเมฆาก่อนกำเนิดลง
เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่อยากลอง!”
ถังหยูได้แต่หรี่ตาลงกล่าว “ท่านพี่ ความเข้ากันได้นั้นมันคือสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มิใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้! ต่อให้ท่านจะลองอีกกี่ครั้งมันก็ไม่มีทางใดที่ความเข้ากันได้มันจะพัฒนาขึ้นหรอก!”
ระหว่างที่ถังหยูพูดไปเย่หยวนก็ยกมือขึ้นทาบบนศิลาเมฆาก่อนกำเนิดแล้ว
ศิลาเมฆาก่อนกำเนิดมันค่อยๆ ส่องแสงขึ้นมา!
ใช่แล้ว มันกำลังสองแสงอ่อนๆ!
หากมิใช่ว่าคนทั้งหลายอยู่ในห้องมืด แสงนี้มันคงแทบไม่อาจสังเกตเห็นได้!
แต่แสงอ่อนๆ นี้มันกลับทำให้ถังหยูสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ!
ก่อนนั้นเย่หยวนได้ทดสอบความเข้ากันได้มาแล้ว และเขาได้เห็นกับตาว่าศิลาเมฆาก่อนกำเนิดไม่ตอบสนองใดๆ!
คนทั้งหลายนั้นบอกว่าเย่หยวนมีความเข้ากันได้แค่หนึ่งแต่ถังหยูรู้ดีว่าจริงๆ แล้วเย่หยวนนั้นมีไม่ถึงหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
มันเรียกได้ว่าเป็นศูนย์!
แต่เวลานี้ศิลาเมฆาก่อนกำเนิดมันกลับกำลังเปล่งแสงจางๆ ออกมา!
ถังหยูเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่… เป็นไปได้อย่างไรกัน? ความเข้ากันได้นั้น… ท่านพี่ท่าน… มีความเข้ากันได้แล้ว?”
เจียงยู่นั้นเองก็แทบลืมหายใจจ้องมองศิลาเมฆาก่อนกำเนิดไม่ละสายตา “มันขยับแล้ว! มันขยับจริง! ม-มันผ่านหนึ่งไปแล้ว!”
ความเข้ากันได้ของเย่หยวนนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ทีแรกมันก็ผ่านหนึ่งแต้มไป จนค่อยๆ ผ่านสองแต้มไป
และสุดท้ายก็ไปหยุดลงที่สามแต้ม!
“สามแต้ม!”
ถังหยูร้องขึ้นมาพร้อมกระโดดลุกขึ้นยืน “ท่านพี่! ท-ท-ท่านมีความเข้ากันได้ พ-เพิ่มไปเป็นสามแต้ม!”
พูดไปถังหยูก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองไป
สามแต้มนั้นมันย่อมจะมิใช่เรื่องใหญ่
หากให้พูดแล้วมันก็ย่อมจะยังเป็นความเข้ากันได้สุดแสนขยะ
แต่เย่หยวนนั้นกลับก้าวขึ้นมาจากศูนย์!
เย่หยวนยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างพึงพอใจกับตัวเลขนี้
สามแต้มนั้น ต่อให้จะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ที่ตกต่ำที่สุดพวกเขาก็คงไม่คิดสนใจ
แต่เย่หยวนนั้นเฝ้าฝันถึงมัน!
ช่องว่างเรื่องความเข้ากันได้นั้นมันยิ่งใหญ่เกินไป
ต่อให้เขาจะบ่มเพาะฝึกฝนโอสถสวรรค์ปรับฐานไปจนถึงขั้นสุดได้แต่มันก็ยังไม่น่าว่าเส้นทางวันหน้าของเขาจะเป็นอย่างไร
แต่สามแต้มนั้นมันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แก่เย่หยวน!
เดิมทีนั้นเย่หยวนยังเป็นเหมือนคนตาบอดในดงสมุนไพรสวรรค์ไม่อาจมองเห็นอะไรได้
แต่เวลานี้ดวงตาของเขามันเริ่มจะเห็นแสงจางๆ ขึ้นมาแล้ว!
ก้าวนี้มันสำคัญอย่างมากในเส้นทางการโอสถของเขา!
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังพิสูจน์ได้ว่า ความเข้ากันได้นั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้!
“หึ ไม่นึกเลยว่ามันจะยังได้ผลเช่นนี้ด้วย ดีเสียจริง!”
เย่หยวนนั้นยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเริ่มฝึกหลอมโอสถสวรรค์ทันที
เขานั้นอดทนรอไม่ไหวแล้ว!
แน่นอนว่าวินาทีที่เขาได้ลงมือ มันก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างกันที!
แม้ว่าเบื้องหน้าของเขาจะยังเป็นความโกลาหลไม่อาจแยกแยะได้แต่ด้วยสัญชาตญาณการโอสถของเขาแล้ว การหลอมครั้งนี้มันย่อมจะง่ายกว่าแต่ก่อนนับสิบเท่า!
โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเก้ามันถูกหลอมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ปาฏิหาริย์! ปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง! ไม่นึกเลยว่าความเข้ากันได้กลับจะสามารถเพิ่มพูนได้! สามแต้มนั้นมันอาจจะไร้ค่าสำหรับคนอื่นแต่กับน้องเย่แล้วมันคงได้กลายเป็นดั่งเสือติดปีก!” เจียงยู่ร้องลั่นขึ้นมา