หน้าตึกรวมฟ้านั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยผู้คนจนแทบไม่มีที่ให้หายใจ
ห้าปีก่อนนั้นนักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มได้เอาชนะราชครูลงจนทำให้คนทั้งเมืองต้องแตกตื่นกันทั่ว!
เวลานี้นักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มคนนั้นกำลังคิดจะมาหลอมโอสถฟื้นฟูเทพต่อหน้าผู้คนมันย่อมจะยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนไว้มากมาย
ที่สำคัญไปกว่านั้นการพนันในครั้งนี้มันยังเดิมพันด้วยตำแหน่งราชครูเสียด้วย!
“ผ่านไปตั้งห้าปีแล้ว ข้าสงสัยเหลือเกินว่าฝีมือของนักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มผู้นั้นจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน!”
“หึๆ ไม่ว่าจะเก่งกาจขึ้นมาแค่ไหนมันก็คงไม่มีทางหลอมโอสถฟื้นฟูเทพได้หรอก!”
“นักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มนั้นมันสุดยอดจริง แต่เวลาห้าปีมันสั้นเกินไป!”
…
แน่นอนว่าคนทั้งหลายก็ย่อมจะไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนจะทำได้จริง
มันมิใช่เพราะพวกเขานั้นไม่เชื่อในเย่หยวนแต่มันเพราะว่าเวลาห้าปีนั้นสั้นเกินไปในสายตาของพวกเขา
ห้าปีนั้นมันไม่พอที่จะเรียนรู้โอสถสวรรค์รักษาทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ
ต่อให้เย่หยวนจะหลอมโอสถปรับฐานได้เหนือล้ำปานใด แต่ช่องว่างระหว่างโอสถปรับฐานและโอสถฟื้นฟูเทพมันก็ห่างชั้นกันอย่างไม่อาจเอามาเทียบเคียง!
ความแตกต่างนี้มันมิใช่สิ่งที่เวลาสั้นๆ ห้าปีจะช่วยเหลือได้
“เขามาแล้ว เขามาถึงแล้ว! นักหลอมโอสถสวรรค์หนึ่งแต้มคนนั้นมาถึงแล้ว!”
มันมีเสียงร้องเกิดขึ้นในฝูงชน
เย่หยวนนั้นนำคนตระกูลถังเดินมาถึงหน้าตึกรวมฟ้า
ราชครูหลินหลานนั้นก้าวเดินออกมารับด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์เย่มาแล้วหรือ? ดูสีหน้าของอาจารย์เย่แล้วชัยชนะคงอยู่ในมือท่านแน่แล้วใช่หรือไม่? เฒ่าราชครูคนนี้คงต้องลงจากตำแหน่งแล้วจริงๆ!”
ข่าวที่องค์ชายใหญ่ได้รับมานั้นแน่นอนว่าหลินหลานเองก็ย่อมจะได้ยินเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงมั่นใจว่าตนได้ชนะแล้ว!
ความอับอายที่เขาเคยได้รับเมื่อห้าปีก่อนนั้นเขาจะเอามันคืนให้เย่หยวนอย่างครบถ้วนในวันนี้!
“ใช่แล้ว เจ้าก็แก่มากแล้ว มันถึงเวลาไปพักผ่อนแล้ว!” เย่หยวนตอบกลับไป
หลินหลานนั้นไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับไป “หึๆ คำเยินยอนั้นมันก็เหมือนน้ำหอม มีไว้ดมไม่ได้มีไว้กลืน! ห้าปีมานี้เจ้าเอาแต่หลอมโอสถสวรรค์ระดับพื้นฐานไม่เคยจะฝึกฝนโอสถฟื้นฟูเทพ ราชครูผู้นี้อยากจะรู้เสียจริงว่าเจ้านั้นจะเอาอะไรมาชนะราชครูผู้นี้ได้!”
“หะ?! หลอมโอสถสวรรค์พื้นฐานมาตลอดห้าปี?”
“ตลกแล้ว! หลอมโอสถสวรรค์พื้นฐานพวกนั้นไปมันจะได้อะไร!”
“พระเจ้าช่วย มันไม่จริงใช่ไหม? ต่อให้เย่หยวนนั้นจะหลอมโอสถสวรรค์ปรับฐานไปจนถึงระดับล้ำฟ้ามันก็คงไม่ช่วยให้เขาหลอมโอสถฟื้นฟูเทพขึ้นมาได้หรอก!”
…
เมื่อหลินหลานกล่าวเช่นนั้นออกมาคนทั้งหลายต่างก็ร้องลั่นแสดงความเห็นของตนออกมา
ทุกคนนั้นคิดว่าเย่หยวนคงใช้เวลาห้าปีที่ผ่านมานี้เอาแต่เก็บตัวศึกษาโอสถฟื้นฟูเทพ
หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะฝึกอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับโอสถฟื้นฟูเทพ
แต่เขานั้นกลับไม่ได้ทำ!
เย่หยวนนั้นใช้เวลาห้าปีที่ผ่านมาฝึกฝนแค่โอสถสวรรค์ระดับพื้นฐาน!
โอสถสวรรค์ขั้นพื้นฐานทั้งหลายนั้นมันเป็นเพียงแค่พื้นฐานของวิชาการโอสถสวรรค์!
การศึกษาโอสถสวรรค์ประเภทนั้นมันไม่อาจจะช่วยอะไรในการหลอมโอสถฟื้นฟูเทพได้เลย!
หรือจะบอกว่าการเดิมพันครั้งนี้มันแค่เรื่องตลกกัน?
บนตึกรวมฟ้าชั้นสองนั้นมันมีห้องพิเศษที่สามารถจะมองดูเรื่องราวทั้งหมดเบื้องล่างได้สิ้น
เวลานี้มันมีชายวัยกลางคนในชุดฟ้าครามคนหนึ่งกำลังมองดูเรื่องราวลงมาจากหน้าต่างของห้องนั้น
ชายวัยกลางคนผู้นี้ดูเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง ดูหนักแน่นและน่านับถือ เขานั้นคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรตะวันออก เฉียวไคหยวน!
จักรพรรดิกล่าวขึ้น “เจ้ารอง นี่หรือคือคนที่เจ้าเลือกมา? เจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไปแล้ว!”
ในเวลานี้องค์ชายรองนั้นได้ยืนอยู่ข้างกายเฉียวไคหยวน
ได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดปาดเหงื่อไม่ได้
เพราะเขาก็ไม่คิดฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะใช้เวลาห้าปีที่ผ่านมานี้ศึกษาแค่โอสถสวรรค์พื้นฐานทั้งหลาย!
“เสด็จพ่อ เย่หยวนนั้นมีวิชาการโอสถที่สุดแสนเหนือล้ำ! ตราบเท่าที่เราให้เวลาเขา เขาย่อมจะก้าวล้ำหัวท่านราชครูไปได้แน่!” องค์ชายรองนั้นได้แต่กัดฟันตอบกลับไป
เฉียวไคหยวนตอบกลับมาด้วยมือที่ไพล่หลัง “ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์สักแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์หากเขาไม่มีสมอง! ผู้บรรลุสวรรค์นั้นมีนิสัยชอบว่าตัวเหนือหัวคนไม่ประเมินตัวเองเสมอ และผลลัพธ์ที่ตามมามันก็คือความฉิบหาย! เขาเองก็เช่นกัน! ดูอย่างไรก็ไม่มีอะไรจะพึ่งพอแต่ก็ยังไปท้าทายเดิมพันพันธะห้าปีนี้! คนเช่นนี้มันไม่เหมาะจะฝากอนาคตของเราไว้ด้วยหรอก!”
องค์ชายรองนั้นต้องปาดเหงื่ออีกครั้งเมื่อได้ยินเพราะคำพูดขององค์จักรพรรดินั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการด่าว่าเขาไปด้วย
องค์ชายใหญ่นั้นเดินกลับขึ้นมาได้ยินเรื่องราวพอดีจึงต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างพึ่งพอใจ
“หึๆ เสด็จพ่อช่างมีสายตาเลิศล้ำ! เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังไม่รู้ประมาณตน! ชนะราชครูท่านได้ครั้งก่อนมันก็ย่อมจะมีฝีมือ แต่มันก็คงเป็นโชคด้วย แต่ตัวมันนั้นกลับเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจเหนือล้ำท่านราชครูไปแล้ว น่าขันนัก!” องค์ชายใหญ่หัวเราะขึ้นมา
เฉียวไคหยวนพยักหน้ารับ “ที่ยูฉินกล่าวนั้นถูกต้อง โอสถสวรรค์ปรับฐานระดับเจ็ดนั้นมันย่อมจะสุดยอดเหนือล้ำ แต่มันก็แค่สุดยอด!”
พูดไปเขาก็เดินกลับมานั่งยังที่นั่งประจำของตน
เขานั้นหันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองก่อนจะกล่าวขึ้น “หลายปีมานี้เราต้องเหนื่อยกายใจกับเรื่องของการสืบบัลลังก์มามาก! ยูฉินนั้นเป็นคนฉลาดวางแผนก่อนแล้วค่อยลงมือทำตาม นอกจากนั้นเขายังสามารถทำให้ทูตของนิกายสวรรค์หยกแท้ทั้งสามนั้นอยู่สงบมาได้หลายปี เป็นคนที่สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติมหาศาล! ข้าย่อมคิดว่ามอบอาณาจักรนี้ให้ยูฉินดูแลต่อไปมันจะเหมาะสมที่สุด!”
องค์ชายรองนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ใบหน้าของเขามันเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
เขาเองก็ไม่นึกฝันว่าเสด็จพ่อของเขากลับจะตัดสินใจลงมาเสียตั้งแต่ตอนนี้
เขาแพ้!
องค์ชายใหญ่นั้นตื่นเต้นดีใจอย่างมากแต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้า
เมื่อองค์จักรพรรดิได้เห็นเช่นนั้นเขายิ่งมั่นใจในการเลือกของตัวเอง
“หลังจากเรื่องวันนี้จบลงแล้วเราจะหาวันประกาศให้ผู้คนทราบอีกครั้ง!” เฉียวไคหยวนกล่าว
องค์ชายรองนั้นกัดฟันแน่นกล่าวขึ้นมา “เสด็จพ่อ ข้า… ข้าไม่ยอมรับ!”
เฉียวไคหยวนไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองใดๆ และตอบกลับมา “ยูถาง เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังจะมีเบี้ยอะไรมาวางได้เพิ่มอีกหรือ? ราชครูท่านเองก็เลือกข้างไปแล้ว เจ้านั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเหล่าทูตทั้งหลาย เจ้านั้น… ไม่มีอะไรจะมาวางบนกระดานแล้ว!”
องค์ชายรองนั้นกล่าวตอบไป “ไม่! เสด็จพ่อคิดผิดแล้ว! หากเย่หยวนชนะ… ราชครูย่อมจะมาอยู่ฝ่ายข้าแทน!”
องค์ชายใหญ่นั้นหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “เจ้ารอง เจ้าคิดจริงๆ หรือแค่พูดออกมาด้วยความจนตรอก? มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าเย่หยวนมันจะชนะหรือ? เจ้าคนที่เอาแต่หลอมโอสถสวรรค์พื้นฐานมาตลอดห้าปี เจ้าคิดหรือว่ามันจะหลอมโอสถฟื้นฟูเทพได้จริง?”
องค์ชายรองนั้นยิ้มตอบกลับไป “ท่านพี่! ครั้งก่อนนั้นมันก็ไม่มีใครเชื่อมิใช่หรือ? แล้วท่านเอาอะไรมามั่นใจว่าเขาจะไม่พลิกกลับมาได้อีก?”
องค์ชายรองนั้นยังคิดจะตอบสวนกลับไปแต่เฉียวไคหยวนกลับกล่าวขึ้นมาแทรกก่อน “หากเขาชนะได้จริง เราก็ย่อมจะค่อยไปพิจารณาเรื่องราวกันใหม่ได้! เพียงแค่ว่ามันคงไม่มีทาง!”
คนอื่นๆ นั้นไม่ได้รู้เลยว่าอนาคตองค์จักรพรรดินั้นมันได้ถูกตัดสินกันง่ายๆ เช่นนี้บนชั้นสองของตึกรวมฟ้า
เบื้องหน้าตึกรวมฟ้านั้นมันมีคนมากมายที่ต่างด่าว่าเย่หยวนที่ไม่ประเมินตัวเอง
ดูอย่างไรก็ไร้ฝีมือแต่กลับคิดท้าทายทำมัน
ข้างๆ กายหลินหลานนั้นเซี่ยหัวหัวเราะลั่นกล่าวขึ้นมา “เย่หยวน เจ้าบอกว่าอีกห้าปีจะขายโอสถสวรรค์ให้เซี่ยผู้นี้มิใช่หรือ? เวลานี้เซี่ยผู้นี้อยากจะถามขอซื้อโอสถสวรรค์แล้ว โอสถสวรรค์ของเจ้าอยู่ที่ใดเล่า? ฮ่าๆๆ…”
เย่หยวนหันไปมองก่อนจะตอบไป “ดูเจ้าจะพอใจกับแขนนั้นมาก!”
เซี่ยหัวนั้นเปลี่ยนสีหน้าแดงก่ำร้องตวาดไป “แน่นอน! เจ้านั้นตัดเส้นทางการโอสถของข้าลงแล้ว เวลานี้ข้าย่อมจะมาเพื่อตัดของเจ้าลงบ้าง! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าเย้ยเจ้าหรือ? ฮ่าๆๆ…”
ความเกลียดชังของเซี่ยหัวต่อเย่หยวนนั้นมันไม่ได้ด้อยไปกว่าความเกลียดชังที่หลินหลานมีต่อเย่หยวน
อาชีพนักหลอมโอสถสวรรค์นั้นมันเป็นตัวตนที่สูงส่งปานใด?
เขานั้นเคยยืนอยู่บนความยิ่งใหญ่มีคนนับถือนับพันนับหมื่น!
แต่มันกลับต้องพังทลายลงสิ้นเพราะตัวเย่หยวน!
เวลานี้ได้เห็นเย่หยวนที่จะต้องแพ้แน่แล้ว มีหรือที่เขาจะยังไม่ตื่นเต้นดีใจ?
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นหรือ? ในเมื่อเจ้าวางท่าเช่นนั้นแล้วข้าก็จะไม่ขายโอสถฟื้นฟูเทพของข้าให้แก่เจ้า!”
เซี่ยหัวหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำของเย่หยวน “อ่า ไม่นะ ข้ากลัวเหลือเกิน! โอสถฟื้นฟูเทพของเจ้า? โอสถฟื้นฟูเทพของเจ้าหรือ! ฮ่าๆๆ เจ้าเคยได้หลอมโอสถฟื้นฟูเทพมาก่อนแล้วหรือ? น่าขันนัก!”