ตอนที่ 1475 : กลับไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเล

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1475 : กลับไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเล

เจี้ยนเฉินหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาพลังวิญญาณนักรบ เขาหวังว่าจะหาวิธีการใช้งานมันได้ในเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ผลักดันพลังของมันจนถึงขีดจำกัด

สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว พลังวิญญาณนักรบนี้คือสมบัติชิ้นใหญ่ เขาครอบครองกล่องสมบัตินี้แต่เขายังไม่มีกุญแจที่จะเปิดมัน

ถ้าเขาหากุญแจที่จะเปิดมันออกได้ เขาก็จะสามารถฆ่าขั้นรับมอบได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับขั้นย้อนกลับซึ่งมีกันหลายคน แต่เขาก็ยังสามารถทำให้พวกนั้นบาดเจ็บสาหัสได้ในครั้งเดียว

นี่เพราะวิญญาณของเขาเข้าถึงขั้นย้อนกลับแล้ว ตามที่นางฟ้าเฮายู่อธิบายไว้ มันเป็นไปได้ที่เขาจะใช้พลังระดับนั้นออกมาได้ ตอนนั้นมีแค่คนเดียวที่เป็นภัยสำหรับเขาจากโลกภายนอกซึ่งก็คือจิตวิญญาณราชันย์

พลังวิญญาณนักรบนี้คือวิธีตรงที่สุดที่จะเพิ่มพลังของเจี้ยนเฉินขึ้นมา มันง่ายกว่าเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเส้นทางกระบี่หรือร่างบรรพกาลของเขา แม้ว่าเขาจะมีกระบี่ม่วงฟ้า แต่ทุกย่างก้าวในเส้นทางกระบี่นี้ก็ยากอย่างมาก แม้วาจะมีชาหยั่งรู้แต่มันก็ยังยากมากที่เขาจะขึ้นถึงระดับเดียวกับความเข้าใจของจิตวิญญาณราชันย์ได้ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชาทั้งหมดก็ตาม

ด้วยวิญญาณขั้นย้อนกลับ พลังวิญญาณนักรบของเขาอาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้จิตวิญญาณราชันย์ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าระดับหนึ่งบาดเจ็บได้แต่มันก็ต้องส่งผลอย่างแน่นอน ในการต่อสู้แล้วมันมักจะมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจนพลิกสถานการณ์ได้

เพราะเจี้ยนเฉินหมกมุ่นอยู่กับพลังวิญญาณนักรบ หยางลี่, กุยไฮ่ยี่เต่า และเฟิงเซียวเทียน จึงไม่เข้ามารบกวนเขา ทั้งสามคนรับหน้าที่ดูและและเรียกรวมเซียนจักรพรรดิในโลกเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อสั่งสอนค่ายกลจากโลกเซียนและสาธิตให้กับพวกนั้นดู

ค่ายกลเหล่านี้คือระดับต่ำสุดของโลกเซียนแต่มันง่ายที่จะจัดการกับระดับเซียนในทวีปเทียนหยวนได้ ตอนที่เซียนจักรพรรดิหลายคนได้สร้างค่ายกลขึ้นมา พวกเขาไม่อาจจะทำอันตรายขั้นรับมอบได้แต่ก็ยังสามารถกักพวกนั้นได้หลายวันโดยไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย พลังของค่ายกลนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีคนเพิ่มขึ้น

เพราะหยางลี่, กุยไฮ่ยี่เต่า และ เฟิงเซียวเทียน ปราฏตัวต่อหน้าเซียนจักรพรรดิบ่อย ๆ ตัวตนของพวกเขาจึงเปิดเผยต่อทั้งสี่เผ่าพันธุ์ สถานะของตระกูลผู้พิทักษ์ได้เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นองค์กรชั้นสูงที่เป็นรองแค่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีซึ่งนำโดยเจี้ยนเฉิน

ที่ทวีปสัตว์เทวะ เสือขาวยังคงอยู่ที่ชั้น 99 ของหอคอยสัตว์เทวะเพื่อรับการสืบทอด เสือขาวไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก ทวีปสัตว์เทวะตอนนี้ยังคงอยู่ในการดูแลของซ่างเฉียง แม้แต่การปรากฏของเซียนจักรพรรดิใหม่หลายคนแต่พวกนั้นก็ไม่อาจจะทำให้ตำแหน่งของเขาสั่นคลอนได้

เถี่ยต้านั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในโถงเทพเจ้าสงครามที่ทวีปแห่งความสูญเปล่า เขาเปล่งแสงออกมาผสมรวมกับแสงในห้อง เขาดูเหมือนกับจะหลอมรวมเข้ากับมัน

พลังของเถี่ยต้านั้นทรงพลังกว่าเมื่อหลายปีก่อนชัดเจน พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วตลอดหลายปีมานี้

แม้ว่าความแข็งแกร่งจะอยู่ที่ขั้นรับมอบ แต่ถ้าวัดกันโดยใช้เกณฑ์ของทวีปเทียนหยวนแล้ว ตอนนี้เขาเป็นขั้นรับมอบช่วงปลายแล้ว พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิม ตอนนี้เขาสามารถรับมือกับขั้นย้อนกลับได้แล้ว

“หากข้าควบคุมห้องโถงเทพเจ้าสงครามได้เต็มที่….ความทนทานของโถงนี้ทำให้ข้าต้องตกใจ ที่ข้าต้องการทำคือเอาโถงนี้ไปขวางทางเข้าอุโมงค์เอาไว้ จากนั้นคนจากโลกอื่นก็ไม่อาจจะมาที่นี่ได้ น่าเสียดายที่ข้าใช้พลังของมันเพื่อช่วยในการบ่มเพาะได้เท่านั้นเพราะความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้”

“แม้แต่ลุงเอ่อหยินก็สามารถหลบหนีจากความตายด้วยโถงนี้ ที่เขาต้องทำก็แค่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน แม้ว่าพยัคฆ์ปีกเทวะจะก้าวข้ามขีดจำกัดอายุขัยมาและมีชีวิตตราบใดที่โลกยังคงอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจจะโจมตีผ่านโถงนี้ได้ในเวลาอันสั้น มันคือเกียรติยศของเทพเจ้าสงครามที่หยุดลุงเอ่อหยินจากการซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ซึ่งทำให้เขายอมตายในการต่อสู้แทน”

เถี่ยต้านั่งอยู่บนบัลลังก์พึมพำกับตัวเอง หลังจากที่กลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ เถี่ยต้าก็เหมือนจะเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม

แม้ว่าเขาจะยังคงเป็นเหมือนเดิมแต่ความคิดเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ใสซื่อและโง่เง่าดังเช่นแต่ก่อน

ผู้อาวุโสสูงของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน ยังไม่ปรากฏตัวมา เขายังทำการหลอมรวมโถงศักดิ์สิทธิ์ที่โม่เทียนหยุนได้ทิ้งไว้ โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นพิเศษอย่างมากเนื่องจากเทียนเจี้ยนต้องใช้เวลาไปมากเพื่อหลอมรวมมันแม้ว่าจะมีพลังระดับเซียนจักรพรรดิก็ตาม

ประธานและผู้อาวุโสสูงของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยังคงเก็บตัวอยู่ พวกนั้นได้ใช้พลังของตัวเองที่ระดับ 8 ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในการฟื้นคืนชีพเจ้าของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและยุทธภัณฑ์ราชาที่เจี้ยนเฉิน ทิ้งไว้ให้พวกเขา เพื่อช่วยทวีปเทียนหยวนให้แข็งแกร่งขึ้นแม้จะเพียงเล็กน้อยเตรียมการสำหรับตอนที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งโจมตี

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธจากทวีปเทียนหยวน, ทวีปสัตว์เทวะ, ทวีปแห่งความสูญเปล่าหรืออาณาจักรแห่งท้องทะเล พวกเขาต่างก็เตรียมการสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง มีแค่นักสู้ที่อ่อนแอที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการต่อสู้ที่ยังคงใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป

นักสู้น้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งชองโลกภายนอก พวกเขารู้แค่ว่าโลกของตัวเองหยุดการรุกรานจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งไว้ได้และฆ่าพวกเซียนจักรพรรดิไปหลายร้อยคนจนมีบันทึกที่ทรงเกียรติ ผลก็คือพวกเขาเชื่อว่าภัยจากโลกภายนอกนั้นไม่มีอยู่อีก เมื่อเวลาผ่านไปความจำเกี่ยวกับโลกภายนอกก็จางหายไปกลายเป็นแค่ความทรงจำ สุดท้ายแล้วโบกภายนอกก็กลายเป็นหัวข้อที่พูดคุยในตอนที่กินอาหารกัน

ในพริบตาก็ผ่านไปอีก 5 ปี มันเป็นเวลา 6 ปีครึ่งนับตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินได้ไล่ขั้นรับมอบกลับไป ระหว่างนั้นเจี้ยนเฉินได้หายตัวไป เขายังคงเก็บตัวอยู่ในถ้ำใกล้กับเมืองทหารรับจ้าง

นอกจากใช้เวลา 1 ปีครึ่งแรกไปกับการฟื้นคืนชีพเจ้าของอาวุธเซียน เจี้ยนเฉินได้ใช้เวลาทั้งหมดในการศึกษาพลังวิญญาณนักรบ

โชคร้ายที่เขาอาจจะประมาณความเข้าใจตัวเองสูงไปหรือมองข้ามความพิเศษของพลังวิญญาณนักรบเกินไป ไม่ใช่แค่เขาไม่อาจจะหาวิธีที่แท้จริงในการใช้พลังวิญญาณนักรบได้ใน 5 ปี แต่เขายังสูญเสียชาหยั่งรู้ระดับ 5 ไปจำนวนหนึ่งด้วย

“พลังวิญญาณนักรบนั้นวิเศษและลึกลับเกินไป ข้าต้องใช้เวลานานกว่าจะหาวิธีที่เหมาะที่จะใช้มันได้ นี่มันคือสิ่งที่ไม่อาจจะทำสำเร็จได้ในเวลาไม่กี่ปี อุโมงค์ที่ถล่มนั้นได้กลับฟื้นคืนมาแล้ว มันอาจจะไม่มั่นคงแต่ภายใน 3 ปีเป็นอย่างมาก ขั้นย้อนกลับจะสามารถผ่านมันมาได้” เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้น สายตาทั้งสองส่องประกายราวกับอัญมณี

” 3 ปี 3 ปีมันมากไปแล้ว ข้าไม่อาจจะเสียเวลาอันมีค่าไปกับพลังวิญญาณนักรบ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน เขามองไปยังทางดินแดนทะเลอันห่างไกล

“บางทีวิธีเดียวที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของข้าได้คือการเข้าไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเล” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาก่อนจะออกจากถ้ำที่เขาอยู่มาถึง 6 ปี เขาได้มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลทันที