ตอนที่ 1479 : โลกภายในหอคอย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1479 : โลกภายในหอคอย

เจี้ยนเฉินมองไปยังส่วนประตูที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานอย่างสนใจ สายตาเขาเป็นประกายขึ้นมาและพึมพำขึ้น – “ด้วยความทนทานของหอคอยอนัตตาแล้ว ถ้าทางเข้ายังอยู่ดี ข้าก็ไม่อาจจะเข้าไปในได้ ไม่ว่ามันจะตอบโต้ได้หรือไม่ก็ตาม แต่ตอนนี้….” ทันทีที่พูดจบ เจี้ยนเฉินก็ได้ใช้กระบี่ฟันไปที่ประตู เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา ส่วนพลังงานที่อัดแน่นกันได้ครึ้มลงไปทันที

ในที่สุด เจี้ยนเฉินก็ผ่านประตูมาได้หลังจากที่โจมตีไปมากกว่าสิบครั้ง เจี้ยนเฉินค่อย ๆ เดินผ่านประตูที่แตกออกและเข้ามาส่วนในของหอคอย

เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาได้มายังอีกโลกตอนที่เข้ามาในหอคอย พื้นดินแห้งแล้งไม่มีวี่แววของชีวิตและเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย ท้องฟ้ามืดมัวและขยายตัวไปสุดลูกหูลูกตา

“นี่คือภายในหอคอยอนัตตาอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปยังโลกที่ไร้ขอบเขตและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง ไม่นานเขาก็ขยายวิญญาณเพื่อตรวจสอบที่นั่นแต่เขาก็พบว่าวิญญาณของเขาโดนสยบมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ในหอคอย

เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ อยู่สักพัก เขาไม่รู้สึกถึงอันตรายในโลกนี้ ดังนั้นเขาจึงขี่กระบี่ฉิงโซวขึ้นไปในท้องฟ้าพร้อมกับสื่อสารกับจิตวิญญาณกระบี่

“มันมีทั้งหมด 9 ชั้นในหอคอยนี้ แต่ละชั้นประกอบด้วยโลกที่กว้างใหญ่ ปกติแล้วอุโมงค์ไปชั้นบนควรอยู่ที่ใจกลางของชั้นแต่จิตวิญญาณวัตถุยังคงมีตัวตนอยู่และสามารถควบคุมทุกอย่างในหอคอยได้ ภายใต้อำนาจของมันแล้ว มันมีพลังที่จะซ่อนทางเดินไปยังชั้นต่อไปได้หรือย้ายมันไปยังที่ใหม่” ฉิงโซวอธิบายให้กับเจี้ยนเฉินฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาด้านในหอคอยอนัตตา แต่พวกเขารู้เกี่ยวกับมันค่อนข้างเยอะ

อัครสูงสุดอนัตตาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโลกเซียนรวมถึงเป็นหนึ่งในสามอัครสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุด จอมปราชญ์สูงสุดของโลกอมตะชัดแล้วว่าได้ตรวจสอบอัครสูงสุดอนัตตาแล้ว

“ถ้าจิตวิญญาณวัตถุที่ซ่อนทางขึ้นไว้ ไม่ใช่ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหามันในโลกอันกว้างใหญ่นี้รึไง ? ยังไงซะข้าก็ไม่อาจจะใช้วิญญาณค้นหาที่นี่ได้” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว

“นายท่าน เราเข้ามาในหอคอยแล้วแต่จิตวิญญาณวัตถุนั้นยังไม่ปรากฏตัว มันอธิบายได้หนึ่งอย่างว่ามันอ่อนแอกว่าเรามากทั้ง ๆ ที่เป็นอาณาเขตของมันเอง มันไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับเราได้ ตอนนี้มันจึงซ่อนทางขึ้นเอาไว้ในหอคอยนี้ให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ เราจะพบตอนที่เราเข้าใกล้มัน” จือหยิงพูดขึ้น

เจี้ยนเฉินขี่กระบี่ฉิงโซวไปทั่วชั้นแรก กระบี่จือหยิงลอยอยู่บนหัวเขาพร้อมที่จะโจมตีทุกเมื่อ เจี้ยนเฉินได้เติมพลังบรรพกาลในทุกส่วนของร่างกายผลักดันร่างบรรพกาลจนถึงขีดสุด ภายนอกเขามีแสงจากเส้นทางกระบี่ล้อมรอบ

ตอนนั้นเจี้ยนเฉินได้หรี่ตาลง เขามองไปด้านหน้า มีแค่ความมืดตรงหน้าเขาและภายในโลกที่มืดมิดนี้ มิตินั้นไม่มั่นคง รอยแตกปรากฏขึ้นมาทีละรอย ๆ และแต่ละรอยก็ยาวหลายพันเมตร พวกมันใหญ่พอที่จะกลืนสัตว์อสูรตัวใหญ่เข้าไปได้และพกกมันถึงกับแผ่แรงดูดออกมาด้วย

แต่กระบี่ลวงตาที่ยาวกว่า 3,000 ม. ลอยอยู่ภายในโลกที่มืดมิด มันมีแสงส่องประกายและปราณกระบี่ที่ปะทุออกมา รอยแตกมิติยาวกว่า 3,000 ม.พุ่งผ่านกระบี่ไปแต่ก็ไม่อาจจะสร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับกระบี่ได้เลยแม้แต่น้อย รอยแตกนั้นไม่อาจจะทำให้มันสั่นไหวได้ด้วยซ้ำ

“นี่คือกระบี่หนึ่งในสี่ของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ กระบี่แห่งความเป็นอมตะ มันก็แค่ปราณกระบี่ที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยกระบี่แห่งความเป็นอมตะ กระบี่แห่งความเป็นอมตะนั้นบอกกันว่าทำลายพื้นฐานของความเป็นอมตะได้ การแทงไปที่พวกมันและกันไม่ให้พวกนั้นกลับไปสู่ความเป็นอมตะได้อีก” ฉิงโซวอธิบาย

เจี้ยนเฉินมองไปที่ภาพฉายของกระบี่แห่งความเป็นอมตะ แม้ว่ามันจะสร้างจากเส้นพลังปราณกระบี่แต่มันดูเหมือนคงทนราวกับจะไม่สลายไปแม้ว่าโลกจะสิ้นสุดลง มันดูเหมือนกระบี่ลวงตาที่เป็นนิรันดร์

เจี้ยนเฉินตกตะลึง เขาชื่นชมพลังอันน่ากลัวของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ แค่ปราณกระบี่เล่มเดียวก็ยังคงมีพลังที่น่ากลัวจนถึงตอนนี้ เจี้ยนเฉินลองคิดภาพว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหนตอนที่นิพพานอมตะเที่ยงแท้ยังคงอยู่

“นี่คืออีกด้านของชั้นแรก แต่เดิมแล้วชั้นแรกไม่ได้เล็กแต่มิติด้านหน้าถูกปิดไว้โดยปราณกระบี่ของกระบี่แห่งความเป็นอมตะ” จือหยิงพูดขึ้น

เจี้ยนเฉิน มองไปที่กระบี่ แม้ว่ามันจะสร้างขึ้นมาจากปราณกระบี่ แต่มันก็เหนือกว่าขอบเขตเทพกระบี่ น่าเสียดายที่เขารู้ว่าความเข้าใจเส้นทางกระบี่ของเขานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเขาเข้าใจเศษเสี้ยวพลังนี้ได้ แต่ความเข้าใจของเขายังต่ำเกินไปและพื้นฐานของเขาก็ยังไม่มั่นคง เขาไม่ได้มีความสามารถในการทำความเข้าใจพลังของเทพกระบี่

หลังจากที่เงียบมาสักพัก เจี้ยนเฉินข่มความต้องการในการทำความเข้าใจพลังนั้น เขารู้สึกหงุดหงิดและเสียดายก่อนจะบินไปยังอีกทาง

ไม่นานเจี้ยนเฉินก็มาถึงอีกด้านของชั้น มิติที่ถูกทำลายมีแต่ความมืดบดบังและมีกระบี่ขนาดใหญ่ลอยอยู่ในมิติ มันยาวกว่า 30,000 เมตรและแผ่พลังกดดันอันน่ากลัวออกมา

มิติมืดมิดตรงหน้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่ของชั้นแรก แต่ตอนนี้มันถูกปิดไว้โดยปราณกระบี่ที่น่าตกใจ

“นี่คือกระบี่แห่งการเกิดใหม่ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบี่ของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ มันมีพลังของการสังสารวัฏ สามารถกดความเป็นอมตะลงไปในวงจรการเวียนว่ายตายเกิดใหม่และไม่มีทางกลับมาเป็นอิสระได้” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นในหัวของ เจี้ยนเฉิน

ความสนใจของเจี้ยนเฉินเพิ่มขึ้นทันที ในโลกที่ชั้นแรกนี้ เขาได้เดินทางมาสองทางและตอนที่เขามาไกลสุดเท่าที่ทำได้ เขาก็พบกับภาพมายาของกระบี่ เขาสงสัยว่าอีกสองทางเองก็จะมีภาพมายาของกระบี่อยู่ด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินไม่ได้อยู่ที่นั่นนานและรีบบินออกไปยังอีกทางและอีกทาง ขอบเขตของทั้งสองทางเองก็มีปราณกระบี่ของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ด้วยเช่นกัน แต่ละทางนั้นได้ฉายภาพกระบี่อันน่ากลัวที่ยาว 30,000 เมตร พวกมันเหมือนจะอยู่ชั่วนิรันดร์ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

“กระบี่แห่งการสังหารคือหนึ่งในกระบี่หลักของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ในการฆ่า มันเป็นอันที่เขาใช้บ่อยที่สุดระหว่างที่เติบโตมา ผู้อมตะนับไม่ถ้วนจากโลกอมตะ, ปิศาจจากโลกปิศาจและผู้เชี่ยวชาญจากโลกเซียนต่างก็ตกตายเพราะกระบี่เล่มนี้”

“กระบี่แห่งการตัดขาดคือกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่เล่ม มันคือกระบี่ที่เด่นเรื่องการโจมตีวิญญาณและสามารถสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณของคนโดยที่ร่างกายไม่ได้รับรอยขีดข่วน แม้แต่ผู้อมตะเที่ยงแท้ก็ยังกลัวพลังของกระบี่นี้”

“อมตะ, เกิดใหม่, สังหารและตัดขาดวิญญาณคือสี่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ แต่ละเล่มนั้นได้หลอมรวมกันด้วยความเข้าใจโดยนิพพานอมตะเที่ยงแท้ ซึ่งทำให้ทั้งสี่เล่มมีความสามารถที่โดดเด่นของตัวเอง รวมกับความเข้าใจของนิพพานอมตะเที่ยงแท้ในระดับเทพกระบี่แล้ว ทั้งสี่เล่มมีพลังที่ไม่อาจจะคาดถึง ถ้าทั้งสี่เล่มก่อค่ายกล พลังของพวกมันคงน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม”

“หอคอยอนัตตาเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน มันสมกับเป็นสมบัติของอัครสูงสุดอนัตตาผู้โด่งดัง แม้แต่นิพพานอมตะเที่ยงแท้ก็ไม่อาจจะทำลายมันได้ เขาทำได้แค่สยบและผนึกมันไว้ ”

จือหยิงและฉิงโซว ได้ผลัดกันอธิบายทีละคน น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและประหลาดใจ