เย่เฉินก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าใช้วิธีการฆ่าฟันมาแก้ทุกๆ ปัญหาล่ะก็ งั้นคนตระกูลอู๋ก็ตายกันไปหมดแล้ว บางคนสมควรตาย แถมยังต้องรีบฆ่าไวๆ เช่นพวกสำนักขอทาน แต่บางคน ฆ่าทิ้งไปก็หมดสนุกพอดี”

เย่เฉินพูดจบ ก็ยิ้มๆ แล้วพูดอีกว่า “คุณนึกถึงโคบายา ชิอิจิโร่ ที่อยู่ที่ฟาร์มเลี้ยงหมาของคุณดูสิ จริงๆ แล้วก็สมควรฆ่ามันไปเสีย แต่ทำไมผมถึงไว้ชีวิตมันล่ะ? ก็เพราะว่าผมรู้สึกว่าคนคนนี้มีชีวิตอยู่ มันน่าจะมีประโยชน์ มีชีวิตอยู่ ถึงจะมีอะไรที่มากกว่านี้ แต่ถ้ามันตายไป หลายๆ เรื่องก็อาจจะหมดสนุก ตระกูลอู๋ก็เหมือนกัน ตระกูลเว่ยก็เหมือนกัน”

ในใจของเย่เฉิน ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ล้วนอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ขัดขวางซึ่งกันและกัน

ตนเองไว้ชีวิตโคบายา ชิอิจิโร่ ก็เพื่อจะเอาไว้ขัดขวางกับน้องชายของมัน โคบายา ชิจิโร่

ที่ตนเองไว้ชีวิตคนสองพ่อลูกตระกูลเว่ย ก็เพราะว่าจะให้พวกมันขัดขวางกันกับเว่ยเลี่ยง

โคหลงใหลยา ชิอิจิโร่ตายไปจริงๆ ล่ะก็ อนาคตถ้าตนเองอยากจะควบคุมโคบายา ชิจิโร่ หรือแม้กระทั่งควบคุมบริษัทผลิตยาโคบายา ก็จะเสียหมากตัวสำคัญไป

ถ้าอนาคตเว่ยเลี่ยงมีใจเป็นอื่น ตนเองก็จะสามารถเอาตระกูลเว่ยมาควบคุมเขาได้

นี่เป็นความคิดของกษัตริย์ในสมัยโบราณ

ผู้นำที่ชาญฉลาด ไม่เคยเชื่อถือขุนนางที่ฉ้อโกง และไม่เคยเชื่อขุนนางที่ภักดีอย่างแท้จริง

แต่ว่า ในราชสำนักไม่มีทางที่จะไม่มีขุนนางฉ้อโกง เพราะว่าขุนนางฉ้อโกงเป็นตัวสำคัญที่จะเอามาคานอำนาจของขุนนางภักดี

ถ้าขุนนางภักดี ไม่มีขุนนางฉ้อฉลมาคานอำนาจล่ะก็ มันก็จะได้ใจขึ้นไปทุกวัน ไม่มีกษัตริย์อยู่ในสายตา แล้วก็จะค่อยๆ กลายเป็นขุนนางฉ้อโกง

ดังนั้นเย่เฉินก็เลยต้องการ คนที่คนละฝั่งมาคานอำนาจซึ่งกันและกัน

ตระกูลเย่ก็เป็นถึงสุดยอดตระกูลใหญ่ ลูกหลานของตระกูลเย่ แต่เด็กก็ร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆ เรื่องราวประวัติศาสตร์โบราณก็จดจำขึ้นใจ เรียนรู้วิชาความเป็นกษัตริย์ แผนการพวกนี้ ก็เกือบจะมาพร้อมกับเจ้าตัวตั้งแต่เกิดเลย

ดังนั้น เย่เฉินก็ส่ายหัวพูดว่า “ถ้าฆ่าสองพ่อลูกเว่ยหย่งเจิ้ง ก็เท่ากับว่าผมนั้นเกรงกลัวตระกูลอู๋ นี่มันเป็นการบอกจุดอ่อน แต่ผมนั้นไม่เคยแสดงความอ่อนแอ”

พูดจบ เขาก็พูดนิ่งๆ ว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ ทางตระกูลอู๋คงจะส่งราชาบู๊ทั้งแปดไปแล้วล่ะ หรือไม่ก็พวกมันคงจะกำลังไปที่ภูเขาฉางไบแล้ว”

“ห้ะ?!” หงห้าและเว่ยเลี่ยงก็อ้าปากค้าง

เว่ยเลี่ยงพูดอย่างตกใจว่า “พวกมันคงจะไม่เร็วอย่างนั้นหรอกมั้งครับ เพราะพวกมันก็เพิ่งตายกันไป15คน น่าจะกลับไปเตรียมความพร้อม เพื่อที่จะบุกเข้ามาใหม่”

“ไม่หรอก!” เย่เฉินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ถ้าหากว่าเป็นอู๋ตงไห่ที่ส่งกองกำลังมาเอง งั้นเขาก็คงส่งยอดฝีมือไปนานแล้ว ดังนั้น ผมเดาว่า คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือได้ น่าจะเป็นนายท่านใหญ่ของตระกูลอู๋!”

“การจะเปิดกิจการในสมัยก่อนก็ไม่ธรรมดา นายท่านอู๋เริ่มสร้างรากฐานจากศูนย์ ความสามารถ ความกล้าหาญ ล้วนมากกว่าคนทั่วไป ถ้าหากว่าเขาเป็นคนคุมเบื้องหลังทั้งหมดล่ะก็ แผนการก็จะร้ายกว่าของอู๋ตงไห่หลายเท่า!เขาคงจะต้องลงมือ ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถบุกโจมตีได้”

พูดจบ เขาก็ยิ้มเบาๆ “และช่วงเวลาที่ไม่คิดว่าจะโจมตีได้นั้น ก็คือหลังจากที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปเมื่อครู่นี้ ทุกคนคงคิดว่าเขาคงจะกลับไปเตรียมกำลัง แต่เขากลับอยากจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามให้รับมือไม่ทัน”

หงห้าก็ส่งเสียงตกใจ แล้วพูดว่า “อาจารย์เย่ครับ แล้วตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? ให้ส่งคนไปภายในคืนนี้เลยไหม? ”

เย่เฉินโบกมือขึ้นปฏิเสธ แล้วพูดว่า “ถ้าฝ่ายนั้นส่งยอดฝีมือมาล่ะก็ จะส่งไปเท่าไรก็ไม่พอหรอก ไปตายเปล่าๆ ”

หงห้าก็ตกใจมาก “อาจารย์เย่ครับ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดี? ”

เย่เฉินก็พูดนิ่งๆ ว่า “เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องกังวลไป ผมมีแผนอยู่แล้ว ถึงอย่างไร จะบินจากซูหางไปที่ภูเขาฉางไบ ก็ไกลอยู่เหมือนกัน ยังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกเยอะ!”

เว่ยเลี่ยงได้ยินเย่เฉินพูดแบบนี้ ในสายตาก็มีความดีใจเผยออกมาเล็กๆ ภูเขาที่วางทับอกอยู่ ก็คลายออกไปได้เสียที

ดังนั้น เขาก็พูดอย่างซาบซึ้งว่า “ดูเหมือนว่าอาจารย์เย่จะมีแผนการในใจแล้ว!ผมเว่ยเลี่ยง ขอขอบคุณอาจารย์เย่เป็นอย่างสูงครับ!”

คนที่กลัวสองพ่อลูกตระกูลเว่ยกลับมามากที่สุด ก็คือ เว่ยเลี่ยง

เขาไม่อยากเสียบริษัทผลิตยาเว่ยซื่อ ที่มาอย่างยากลำบาก แล้วต้องไปยกให้คนอื่น!

———-