ตอนที่ 2983

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,983 : ทะเลสาบอวิ๋นเยียน

 

 

 

“เว้นเสียแต่เจ้าจักโชคชะตาอาภัพตกตายไปก่อนวัยอันควร…หาไม่แล้วพวกเราก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนร่างต้นง่ายๆ เพราะให้กล่าวกันตามความจริง คงยากที่พวกเราจะพานพบร่างต้นที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าเจ้า…”

 

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้แล้วว่าเหตุไฉนที่ 3 เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ถึงเต็มใจอยู่อาศัยในร่างเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย

 

กล่าวได้ว่าเขาคือร่างต้นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเทพแห่งธาตุทั้ง 5!

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง และเริ่มย่อยข้อมูลที่ได้รับมาจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ถึงแม้ว่าข้อมูลจะไม่ได้มีมากมายอะไร ทว่าแต่ละเรื่องนั้น ล้วนขู่ขวัญผู้คนครั้งใหญ่จริงๆ!

 

ระนาบทวยเทพ!

 

ผู้แข็งแกร่งที่สุด!

 

4 กฏสูงสุด!

 

หลังจากทบทวนและเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดจนเข้าใจแจ่มแจ้งดีแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาครองสติอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในใจอีกรอบ “ว่าแต่ข้าได้ยินทองเทพสุดลี้ลับพูดไว้…เหมือนว่ากิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะไม่ได้มีความสำคัญกับข้าเท่านั้น แต่ยังสำคัญกับพวกท่านด้วยหรือ?”

 

“ใช่! สำคัญโคตร!!”

 

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินถึงกับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงคึกคัก “เจ้าที่ได้รับการยอมรับจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพในฐานะเจ้านายแล้ว คงสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลและตระหนักถึงความสามารถในการรักษาตัวนั่นแล้วใช่ไหมล่ะ…”

 

“แต่ไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น! กระทั่งพวกเราเองก็พลอยได้รับพลังชีววิตกับความสามารถในการรักษาตัววอันน่าทึ่งนั่นมาเช่นกัน! วันหน้านะ…หากพวกเราต้องเจอเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ระดับเดียวกัน ต่อให้มันจะแก่กว่าพวกเราแค่ไหน แต่ขอให้มันมาเดี่ยวกับพวกเราตัวๆเถอะ พวกเราล้วนไม่มีวันกลัวทั้งนั้น!!”

 

“กล่าวให้เข้าใจได้ง่ายๆ…ถึงแม้ตอนนี้ทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลจะเข้าสู่ห้วงนิทรา และข้าเกิดไปเจอเข้ากับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้นที่ 3 ที่อยู่มานานกว่าข้า จนมีพลังกล้าแข็งเหนือข้า คิดจะดูดกลืนข้า! แต่ให้ข้าเดี่ยวกับมันตัวๆข้าก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย! เพราะต่อให้ข้าเสียพลังทั้งบาดเจ็บอย่างไร ก็มีพลังชีวิตของพฤกษาเทพกำเนิดชีพช่วยฟื้นฟูไงเล่า!!”

 

พอได้ฟังวาจาฮึกเหิมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพนี้มันทรงพลังน่ากลัวขนาดไหน

 

กระทั่งให้เป็นพวกเพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ หรือปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินบาดเจ็บเสียพลัง มันก็ยังสามารถช่วยฟื้นฟูพลังให้ได้ด้วยความเร็วสูง!

 

“ฮี่ฮี่…เจ้าหนู เจ้าอย่าพึ่งคิดว่าเท่านี้ยอดเยี่ยมมากแล้ว พฤกษาเทพกำเนิดชีพที่นอมรับเจ้าเป็นนายไปแล้วน่ะ…มันไม่ได้มอบประโยชน์แค่เรื่องพลังชีวิตกับความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของเจ้าหรอกนะ!”

 

ปฐพีแรกกำเนิดฟ้าดินหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัยอีกกครั้ง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “เจ้าลองดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน เพื่อบ่มเพาะพลังดูเถอะ”

 

ได้ยินวาจากล่าวแนะดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นไปไม่เป็นจังหวะ จากนั้นเขาก็รีบหลับตาลงและเริ่มโคจรพลังตามเคล็ด ไท่อี้สุดลี้ลับ อันเป็นเคล็ดอมตะระดับราชา เพื่อบ่มเพาะพลังทันที

 

กล่าวไปนี่ยังเป็นครั้งแรกเลย ที่ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะพลังหลังได้รับการยอมรับเป็นนายจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ

 

“หืม!?”

 

และทันทีที่เริ่มดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนพลันค้นพบว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญญาณฟ้าดินของเขามันเพิ่มขึ้นจมหู! เรียกว่าปริมาณพลังวิญาณฟ้าดินที่เขาสูบจากบรรยากาศระดับนี้ ยังเหนือกว่าปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาดูดซับได้ขณะอยู่ในสภาพแวดล้อมจากผลึกเทพเสียอีก!!

 

“นี่มัน…ทำลายขีดจำกัดไปแล้วรึ?!”

 

แต่เดิมต้วนหลิงเทียนคิดว่า ด้วยมีผลึกเทพช่วยเหลือ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของเขาก็คงถึงขีดจำกัดแล้ว

 

ทว่าตอนนี้กระทั่งสภาพแวดล้อมไม่ได้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินจากการใช้ผลึกเทพ หากแต่เขากลับสามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินจากโดรอบได้อย่างน่ากลัว ปริมาณพลังที่ได้รับกล่าวไปยังเหนือกว่าตอนบ่มเพาะกับผลึกเทพเสียอีก ยังเหนือกว่าและเร็วกว่ามาก!!

 

“นี่มัน…!?”

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่ค้นพบอะไรบางอย่าง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอีกครั้ง

 

เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาพึ่งดูดซับเข้าร่างมานั้น มันกลับไม่หลั่งไหลเข้าสู่ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายของเขาทันที หากแต่กลับมุ่งหน้าไปยังกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่พันหัวใจเขาก่อน หลังจากมันแล่นผ่านไปในพฤกษาเทพกำเนิดชีพแล้ว ถึงจะค่อยฉีดพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ชีพจรพลังของเขา

 

แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังวิญญาณฟ้าดินที่ผ่านพฤกษาเทพกำเนิดชีพไปแล้ว มันกลับกลายเป็นบริสุทธิ์อย่างมาก ไร้ซึ่งสิ่งปนเปื้อนใดๆแม้แต่น้อย!

 

พลังวิญญาณฟ้าดินที่บริสุทธิ์ระดับนี้ เรียกว่าทำให้กระบวนการขัดเกลาเพาะสร้างเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด มีประสิทธิภาพสูงกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินก่อนหน้าหลายเท่า!

 

“ให้มันได้ยังงี้สิ…ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าตอนนี้ ให้เทียบกับตอนใช้ผลึกเทพบ่มเพาะก่อนหน้า ยังรวดเร็วกว่ากันถึงสิบเท่า!”

 

ต้วนหลิงเทียนเบิกตาโพลง แววตายังสั่นไหวไปไม่น้อย ใจก็เต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ

 

เขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะนำผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาให้เขา หลังจากที่มันยอมรับเขาเป็นนายแล้ว!

 

ต่อหน้าพลังอำนาจของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ เรียกว่าผลึกเทพหมองไปทันที!

 

“ไงล่ะ?”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนลืมตาขึ้นมา เสียงถามไถ่อย่างยียวนของปฐพีเทพแรกกำเนิดก็ดังขึ้นทันที คล้ายนี่เป็นความดีความชอบของมัน “ตอนนี้เจ้ารับรู้ถึงคุณประโยชน์จากพฤกษาเทพกำเนิดชีพหลังมันยอมรับเจ้าเป็นนายแล้วกระมัง?”

 

“ข้ารู้ซึ้งแล้ว และให้ข้าบอกว่าความเร็วในการบ่มเพาะของข้าตอนนี้ มันรวดเร็วกว่าตอนใช้ผลึกเทพบ่มเพาะนับสิบเท่า ก็ยังไม่ถือว่าเกินเลยด้วยซ้ำ!”

 

เสียงตอบต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจครั้งใหญ่

 

“ไม่เกินเลยหรอก…”

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน กล่าวต่อเสียงเบา “ผลึกเทพที่เจ้าว่าน่ะ มันก็แค่หายากในระนาบเทวโลกเท่านั้นล่ะ…แต่หากเอาไปพูดในระนาบทวยเทพ ก็ถือว่าแค่พอมีค่า แต่ไม่ได้หายากอะไรเลย…”

 

“แต่พฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่น จะมีดำรงอยู่ก็แต่ในระนาบทวยเทพเท่านั้น อีกทั้งระนาบทวยเทพแต่ละระนาบก็จะมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพอยู่เพียงแค่ต้นเดียว! และนี่ยังเป็นกฏแห่งสวรรค์และโลกอีกด้วย!!”

 

“กล่าวได้ว่าภายใต้สวรรค์และโลก มีพฤกษาเทพกำเนิดชีพทั้งสิ้น 18 ต้นเท่านั้น…และเจ้าก็ได้รับกิ่งของ 1 ใน 18 ต้นนั่นมา…”

 

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวสืบต่อ “โชควาสนาแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงในระนาบเทวโลกนี่เลย ต่อให้เป็นผู้คนในระนาบทวยเทพก็ยังต้องมองเจ้าด้วยความอิจฉาตาร้อน”

 

“เจ้าคงพอจะทราบแล้วใช่หรือไม่ ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้นเป็นอะไรที่ถูกทำลายได้ยากมาก…แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดคิดจะทำลายมันก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ”

 

“จะมีก็แต่ตอนที่ระนาบทวยเทพโคจรมาปะทะกันเท่านั้น พฤกษาเทพกำเนิดชีพถึงจะได้รับความเสียหาย…และหากมีกิ่งใดแตกหักเพราะการปะทะของระนาบดังกล่าว กิ่งที่ว่าก็จักตกลงสู่ห้วงมิติผันผวน ส่วนเรื่องที่มันจะหายสาบสูญไปในสวรรค์และโลกเลย หรือไปสุ่มโผล่ที่ไหนก็ไม่มีใครบอกได้…”

 

“โดยปกติแล้วคนที่บังเอิญได้รับกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมา ก็คือคนที่มีโชควาสนาสูงล้ำจริงๆ…แน่นอนว่ามีบางคนที่บังเอิญพบเจอกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ หากแต่ไม่รู้จักและไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน สุดท้ายก็ดันมอบให้ผู้อื่นไปเสียอย่างนั้น…”

 

“ก็เหมือนกับเจ้าราชาอมตะ 4 รูปอะไรนั่น ที่ฝากมาเข้าประมูลที่ประเทศตันจี้นั่นน่ะ เพราะมันไม่รู้ค่าไงสุดท้ายก็เลยตกมาถึงมือเจ้า!”

 

พอปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ที่มาที่ไปของกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ

 

“ปกติแล้วตอนระนาบทวยเทพโคจรมาปะทะกัน จะมีกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพแตกหักและกระจัดกระจายออกมามากหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“เรื่องนี้ก็ตอบยาก…เพราะบางครั้งการปะทะกันระหว่างระนาบทวยเทพคู่ขนาน ก็ทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพเสียหาหนัก จนมีหลายกิ่งที่แตกหักและร่วงตกลงสู่ห้วงมิติผันผวน แต่บางครั้งการปะทะกันของระนาบทวยยเทพก็ไม่รุนแรงอะไร อาจจะสูญเสียแค่กิ่งสองกิ่ง…”

 

“ยังมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ได้รับความเสียหายามปะทะ จนกำลังจะสูญเสียกิ่งก้านของมัน หากทว่ามันสามารถรักษาตัวได้ทัน ก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียกิ่งอันใดเลยก็เป็นได้”

 

“เช่นนั้นข้าบอกเจ้าได้เลย ภายใต้สวรรค์และโลกนี้ ผู้ใดได้รับกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น ถือว่ามีโชควาสนาอันยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ!!”

 

ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวเสียงฉะฉาน

 

“มันมีค่าถึงขนาดนี้…ถ้าหากว่าเรื่องที่ข้าครอบครองกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพแพร่งพรายออกไป ข้าไม่โดนตามปล้นจนตายหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงเครียด

 

ตอนนี้พอเขาตระหนักได้ถึงคุณประโยชน์ของกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ เขาย่อมหวังให้มันดำรงอยู่กับเขาตลอด ไม่ถูกใครที่ไหนช่วงชิงไป…

 

“ก่อนอื่นเลย กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น จะยอมรับก็แต่ผู้ที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเป็นนายเท่านั้น…คนที่ไม่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย แม้จะพยายามหยดเลือดลงกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพให้ตาย มันก็ไม่มีวันยอมรับเป็นนายเด็ดขาด”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินไม่ตอบโดยยตรง แต่เลือกจะอธิบายข้อมูลให้ฟัง “ประการที่สอง ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่อาจทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนายได้ แต่พวกมันก็สามารถพกกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพไปไหนมาไหนติดตัวได้ และคนพวกนี้อาจจะใช้กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพเพื่อทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิต…แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โอกาสที่พวกมันจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้ก็น้อยกว่าเจ้ามาก”

 

“เพราะสุดท้ายแล้ว หากไม่ได้รับการยอมรับเป็นนายจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ก็ไม่มีทางสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลที่อัดแน่นไปทั่วร่างเหมือนเจ้า…”

 

“และมีเฉพาะกิ่งพฤกษาเทพที่ไม่ยอมรับนาย ถึงจะสามารถถูกปล้นชิงได้…สำหรับกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ยอมรับผู้ใดเป็นนายของมันแล้ว ต่อให้เจ้านายของมันจะถูกฆ่าตาย หรือกล่าวได้ว่าทันทีที่ลมหายใจของผู้เป็นนายดับลงจนหัวใจไม่เต้นอีกต่อไป มันก็จะทำการฉีกเปิดห้วงมิติและหนีหายไปในห้วงมิติโกลาหลทันที! บอกได้เลยว่าคนที่ฆ่าเจ้านายของมัน ย่อมไม่มีวันได้ครอบครองมันเด็ดขาด!!”

 

“ดังนั้นในเมื่อพฤกษาเทพกำเนิดชีพกิ่งนี้ได้ยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งชิงมันไปจากเจ้า…และเหล่าผู้ที่มีความสามารถในการออกตามหากิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั้น ย่อมสัมผัสได้ทันทีว่าเจ้าเป็นนายของมันแล้วหรือยัง ดังนั้นพวกมันก็ไม่คิดทำเรื่องเสียเปล่าอย่างฆ่าเจ้าเพื่อช่วงชิงแน่นอน…”

 

ด้วยมีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวข้อมูลให้ฟัง ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่ากิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพของเขา จะไม่มีวันถูกพรากไปจากเขาแน่นอน

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

เพราะเขากังวลจริงๆ เกิดมีตัวตนอันทรงพลังค้นพบ แล้วคิดช่วงชิงมันไปจากเขาจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ?

 

“ผลึกเทพ…”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันนโบกมือเบาๆ ปรากฏจี้ห้อยคอเส้นหนึ่ง พอเปิดตัวจี้ออกก็เห็นเป็นผลึกเทพ

 

เป็นผลึกเทพที่ฮ่วนเอ๋อทิ้งไว้ให้เขา

 

‘ตอนนี้ด้วพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ผลึกเทพก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าอีกต่อไป…ฮ่วนเอ๋อเจ้าไปอยู่ที่ใดแล้ว?’

 

ทุกครั้งที่เห็นผลึกเทพ ต้วนหลิงเทียนก็ย่อมนึกถึงเจ้าของที่ทิ้งผลึกเทพไว้ให้เขา

 

โดยปกติแล้วด้วยภาระที่แบกไว้บนไหล่ เขาย่อมสามารถระงับอารมณ์ได้ เพราะเขาจำเป็นต้องพึ่งมัน

 

ทว่าตอนนี้ในเมื่อความสำคัญของผลึกเทพได้ถูกพฤกษาเทพกำเนิดชีพเข้ามาแทนที่ เขาจึงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป

 

 

แดนสวรรค์ใต้โบราณ สำหรับผู้คนในแดนสวรรค์ใต้แล้ว มันก็ไม่ต่างใดจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย

 

ในแดนสวรรค์ใต้นั้น มีทางเข้าเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเป็นจำนวนมาก และทั้งหมดจะตั้งอยู่ในเขตปกครองของขุมกำลังระดับ 6

 

กล่าวได้ว่าสิทธิ์ขาดในการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น ปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของขุมกำลังระดับ 6 เป็นหลัก

 

ทว่าขุมกำลังระดับ 6 ทั้งหลายมักส่งมอบการจัดการเรื่องราวเหล่านี้ให้ขุมกำลังระดับ 7

 

และเป็นธรรมดาว่าขุมกำลัง 7 ที่ได้รับอำนาจในการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น มักเป็นขุมกำลังใต้อาณัติของขุมกำลังระดับ 6 นั้นๆ

 

และถึงจะไม่ใช่ขุมกำลังใต้อาณัติโดยตรง แต่อย่างน้อยๆก็ต้องมีเกี่ยวพันในแง่ของผลประโยชน์ผูกพันอะไรบางอย่าง

 

ภายใต้อำนาจของขุมกำลังระดับ 6 อย่างคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็มีขุมกำลังระดับ 7 ที่คอยดูแลเรื่องการเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณอยู่ และถูกเรียกว่า 3 นิกาย 2 ตระกูล

 

3 นิกายย 2 ตระกูล ก็ตามชื่อเลย เป็นขุมกำลังประเภทนิกาย 3 นิกาย และประเภทตระกูล 2 ตระกูล

 

และทางเข้าออกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในเขตพื้นที่ของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ก็ตั้งอยู่ในสถานที่ๆเรียกว่าทะเลสาบอวิ๋นเยียน

 

ทะเลสาบอวิ๋นเยียนนั้น เป็นทะเลสาบที่มีขนาดกว้างใหญ่นัก น้ำในทะเลสาบใสกระจ่าง และบริเวณเหนือผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยหมอกที่ลอยเอื่อยราวก้อนเมฆไม่ไปไหน ดั่งหมอกขังตรึงบึงหลิว ก็แค่ที่นี่ไม่ใช่บึงหลิวแต่เป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล

 

นามทะเลสาบอวิ๋นเยียนก็ได้มาด้วยสาเหตุนี้

(เมฆหมอก)

 

และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทะเลสาบอวิ๋นเยียนที่เคยเงียบสงบ ก็ปรากฏผู้คนมากมาหลั่งไหลทยอยกันมาจากทุกทั่วสารทิศ

 

และเหตุผลที่ผู้คนเหล่านี้พากันมารวมตัวกันที่นี่ สืบเนื่องมาจากวันที่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำกำลังจะเปิดออก เจียนมาถึงเต็มทีแล้ว เป็นอีก 3 วันให้หลัง!

 

“ถึงแล้ว…ด้านหน้าพวกเราคือทะเลสาบอวิ๋นเยียน”

 

น่านฟ้าด้านนอกทะเลสาบอวิ๋นเยียน ปรากฏสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดกวาดจนเมฆหมอกกระจัดกระจายออกไปอยู่บ้าง เป็นการมาถึงของคนกลุ่มหนึ่ง

 

“ทะเลสาบอวิ๋นเยียน? นี่น่ะหรือ…ทางเข้าออกแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว?”

 

ในบรรดาคนกลุ่มดังกล่าว ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงผู้หนึ่ง ทอดตามองไปยังทะเลสาบอันมีเมฆหมอกปกคลุมหนาตาเบื้องหน้า พลางกล่าวออกมาด้วยสองตาทอประกายเรืองวูบ!