ตอนที่ 2984

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,984 : ป้ายหยกสะสมคะแนน

 

 

 

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆที่เดินทางมาจากประเทศฝูชิวนั่นเอง

 

หลังเดินทางออกจากประเทศฝูชิวได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนกับคนของประเทศฝูชิว ก็มาถึงสถานที่ตั้งประตูทางเข้าออกแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก่อนถึงวันที่มันจะเปิดให้เข้าไปล่วงหน้า 3 วัน…ทะเลสาบอวิ๋นเยียนเบื้องหน้า!

 

“ฝ่าบาททางเข้าแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำอยู่ใต้ทะเลสาบอวิ๋นเยียนงั้นเหรอ?”

 

หวงเจียหลงที่ลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามผู้ที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้ากลุ่มด้วยความสงสัย

 

ผู้ที่เหินนำอยู่หน้าสุดมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงแลดูกำยำ หว่างคิ้วแผ่ความน่าเกรงขามประการหนึ่ง เป็นฮ่องเต้ของประเทศฝูชิว ‘หูหลินอี้’ นั่นเอง

 

ทว่าวันนี้หูหลินอี้ไม่ได้มาในมาดชุดคลุมมังกร อย่างที่นิยมสวมใส่ทั้งปีทั้งชาติตอนอยู่ในประเทศฝูชิว แต่เป็นชุดคลุมสีทองเข้ม ที่ไม่ได้แลดูหรูหราสักเท่าไหร่

 

การเปิดออกกของแดนสวรรค์ใต้โบราณ ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้ของประเทศอมตะระดับ 8 ทั้งหลายในดินแดนพันประเทศจะพาอัจฉริยะมาเข้าร่วม แม้กระทั่งคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลก็มา นอกจากนั้นยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งอีกมากมาย

 

ในสถานการณ์แบบนี้ หูหลินอี้ มีหรือจะกล้าสวมใส่ชุดคลุมมังกรที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นเจ้าชีวิตออกมาให้ข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่น?

 

ในอดีตนั้น เคยมีฮ่องเต้ของประเทศอมตะระดับ 8 คนหนึ่งหาญกล้าแต่งตัวมาเต็มยศ แต่สุดท้ายมันก็ถูกยอดฝีมือของ 3 นิกาย 2 ตระกูลเข่นฆ่าทิ้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า…ขัดตา! ขัดตาที่หาญกล้าจนไม่เห็นหัว 3 นิกาย 2 ตระกูล หรือแม้แต่คฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ในสายตา!!

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าใส่ชุดคลุมมังกรในสถานการณ์แบบนี้ตามอำเภอใจอีกเลย เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!

 

“ไม่ใช่ใต้ทะเลสาบหรอก แต่มันอยู่กลางทะเลสาบต่างหาก”

 

ได้ยินคำถามของหวงเจียหลง หูหลินอี้ก็หันไปกล่าววตอบด้วยรอยยิ้ม

 

หวงเจียหลงเป็นบุตรชายที่โดดเด่นที่สุดของเจ้าเมืองตู้อวิ๋น หวงเฟยเหยี่ยน ที่เป็นดั่งมือขวาของมัน ในอดีตมันเองก็เอ็นดูหวงเจียหลงมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้ด้วยซ้ำ

 

ตั้งแต่ที่มันได้ยินเรื่อง ไป๋กัง ผู้บัญชาการกองกำลังของจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น ได้ส่งมอบกระบี่อมตะจอมราชันให้กับเผ่าพยัคฆ์เหิน ขุมกำลังระดับ 6 ที่เทียบเทียมกับคฤหาสน์เฉวียนโยว หูหลินอี้ก็รู้ดีว่าตอนนี้สถานะของจวนเจ้าเมืองตู้อวิ๋นได้แตกต่างจากกาลก่อนแล้ว…

 

เพราะวันที่หวงเหยี่ยนเฟยกลับมาบอกเล่าเรื่องราวให้มันฟัง มันก็ได้รับทราบเรื่องที่อีก 10 ปีหลังจากนี้ไป๋กังจะกลับมาอีกครั้ง ในฐานะพยัคฆ์เหินลายเงิน!

 

ถึงตอนนั้นมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นตัวมัน ก็ไม่อาจยึดถือว่าเมืองตู้อวิ๋นเป็นเมืองใต้อาณัติของมันอีกต่อไป

 

ดังนั้นไม่ว่าจะหวงเหยี่ยนเฟยก็ดี หรือแม้แต่หวงเจียหลงก็ดี…มันไม่กล้าละเลยเด็ดขาด!

 

วันนี้ผู้ที่นำคนของประเทศฝูชิวมา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิวนั่นเอง

 

และข้างกายหูหลินอี้ ยังมีชายชราคนหนึ่งที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดอีกคนในตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้

 

คนที่เหลือนอกจากต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลง ก็คือเหล่าอัจฉริยะทั้ง 9 ที่โดดเด่นที่สุดในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูชิวคนอื่นๆ องค์ชาย 4 อย่างหูจี้หย่ง และลูกชายคนเล็กของหวงเหยี่ยนเฟยอย่าง หวงเจียเชา น้องชายหวงเจียหลงก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา

 

นอกจากทั้ง 4 คนที่กล่าวมา ก็ยังมีผู้ชายอีก 3 ผู้หญิงอีก 2

 

สตรีทั้ง 2 นับว่ามีรูปโฉมน่าดูไม่น้อย โดยเฉพาะสตรีหนึ่งในสองคนนั่น นับว่างดงามจนน้อยคนจะมายยืนประชันข้างกายนางได้

 

อีกทั้งนางยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีกด้วย

 

ข้างๆสตรีนางนั้นก็เป็นหญิงชราที่คอยติดตามนางมาโดยตลอดตั้งแต่งานประลองสวรรค์ใต้ และยังเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะเช่นกัน แต่ก็แค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น

 

และหญิงชราผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระเช่นกัน

 

ระหว่างเดินทางต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินฮ่องเต้ฝูชิวเล่าว่า หญิงชรานางนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดและผู้ฝึกตนอิสระ แต่นางยังเป็นยายของสตรีข้างกายอีกด้วย!

 

ส่วนสตรีที่ว่าก็ชื่อ เมิ่งชิวอวี่

 

และยายของนางก็เรียกว่า เมิ่งป๋อ

 

‘เมิ่งชิวอวี่ผู้นี้ฝีมือร้ายกาจกว่าเหอเชี่ยนคนนั้น…’

 

สายตาต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังร่างเมิ่งชิวอวี่ปราดหนึ่ง จากนั้นก็ละไปตกลงนังร่างสตรีอีกคน ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ที่ชนะการประลองสวรรค์ใต้จนได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ และเป็นบุตรีของผู้นำตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในประเทศฝูชิวว เหอเชี่ยน

 

“เอาล่ะ พวกเราเไปกันเถอะ!”

 

หูหลินอี้ให้เสียงก่อน ค่อยเหินร่างนำพาทุกคนไปยังน่านฟ้าเหนือทะเลสาบอวิ๋นเยียนทันที ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็ติดตามไปไม่ห่าง

 

“คนเยอะจริงๆ!”

 

ก่อนที่จะเข้าเขตทะเลสาบอวิ๋นเยียน ต้วนหลิงเทียนก็เห็นผู้คนมากมาเหินร่างกันเต็มฟ้าราวแพเมฆทะมึนมืดแล้ว ยิ่งเข้าใกล้น่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นผู้คนหนาตามากขึ้น ราวเมฆฝนปกคลุมเมืองก็ไม่ปาน

 

“น้องต้วน ข้าก็บอกท่านแต่แรกแล้ว…ว่าคราวนี้น่ะคนที่จะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่างน้อยๆก็ต้องมี 15,000 คน…”

 

“แล้วนี่ก็แค่ 3 วันก่อนที่แดนสวรรค์ใต้โบราณจะเปิดออกนะ! รอให้ถึงวันเปิดก่อนเถอะ นอกจากพวกเราแล้วเจ้าจะได้เห็นฝูงชนห่าใหญ่เลยล่ะ…แถมนอกจากประเทศในแดนพันประเทศอย่างประเทศฝูชิวเราแล้ว ยังมีพวก 3 นิกาย 2 ตระกูลอีกด้วย…”

 

หลังเห็นต้วนหลิงเทียนแลดูละลานตากกับผู้คนจำนวนมาก หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นค่อยยิ้มกล่าวต่อว่า “หลังจากนี้อีก 3 วัน พอถึงวันที่แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออก…ข้าเชื่อว่ายอดเซียนอมตะที่จะรอเข้าแดนลับ แม้จะไม่ถึง 20,000 แต่ก็ต้องเกือบๆ!”

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจก็เข้าใจอยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะว่ายตามองกลุ่มคนราวๆ 2-3 พันผ่านๆอยู่ดี

 

อีกทั้งจุดนี้ยังเป็นแค่น่านฟ้าริมๆทะเลสาบอวิ๋นเยียนเท่านั้น ยังไม่ใช่บริเวณน่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบที่ผู้คนไปรวมตัวกันด้วยซ้ำ

 

“การจะเปิดแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำออกได้ จำต้องใช้ป้ายที่เหล่า 3 นิกาย 2 ตระกูลแยกกันเก็บไว้พร้อมๆกัน…ปกติพวกมันก็จะมาถึงที่นี่ก่อนถึงเวลาเปิดล่วงหน้าวันหนึ่ง จากนั้นก็จะมอบบ้ายหยกสะสมแต้มให้กับคนที่คิดเข้าไปแสวงโชคด้านใน”

 

หูหลินอี้ที่เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนกัคนอื่นๆมุ่งหน้าเข้าสู่น่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบหันมากล่าวบอกข้อมูลทั่วไปให้ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆฟัง

 

“ป้ายหยกสะสมแต้ม?”

 

ต้วนหลิงเทียนรววมถึงอีกหลายๆคนชักสีหน้าสงสัย เพราะทุกคนก็ไม่รู้ว่าการจะเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณที่ว่าต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

 

“ป้ายหยกสะสมแต้มที่ว่า ก็จัดเป็นอุปกรณ์อมตะประเภทหนึ่ง ที่ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลเตรียมไว้ให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ…แน่นอนว่ามันจัดเป็นอุปกรณ์อมตะระดับต่ำเท่านั้น ยังต่างจากอุปกรณ์อมตะระดับต่ำอื่นๆอยู่บ้าง เพราะไม่เพียงแต่จะไร้พลังโจมตีและป้องกัน ยังไม่อาจช่วยเหลืออะไรพวกเจ้าได้เลย”

 

หูหลินอี้กล่าวอธิบาย “ทว่าป้ายหยกแต่ละป้ายจะมีความสามารถจดจำเจ้าของได้ และมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง…เก็บสะสมคะแนน”

 

“แรกเริ่มป้ายหยกที่พวเจ้าจะได้รับ ล้วนแล้วจะมีคะแนนอยู่ 1 แต้ม…หากเจ้าคิดจะได้รับแต้มเพิ่ม ก็มีแต่ต้องเข่นฆ่าผู้อื่นเท่านั้น!”

 

กล่าวถึงจุดนี้สายตาของหูหลินอี้ที่กวาดมองพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 9 ที่จะเข้าไปในแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก็ทวีความแหลมคมทั้งจริงจังไม่น้อย

 

หลายคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบกฏเกณฑ์ใดๆมาก่อน พอได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึกๆอยู่บ้าง

 

‘ปรากฏว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่ว่า ก็ไม่ต่างอะไรจากสังเวียนให้ยอดเซียนอมตะเข้าไปเข่นฆ่ากัน?’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

ขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหวงเจียหลงปราดหนึ่ง มาตอนนี้เขาก็ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนหวงเจียหลงบอกเขาว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำมันโหดร้าย และตราบใดที่โชคไม่เข้าข้างก็อาจจะไม่รอดกลับออกมา

 

สำหรับสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร วันนั้นหวงเจียหลงไม่ได้บอกเขา

 

เหตุผลที่ไม่ได้บอกเขาแต่แรก เพราะอีกฝ่ายรู้ดีว่าสุดท้ายฮ่องเต้ฝูชิวก็จะเป็นคนบอกเขาเอง และไม่ต้องการให้เขาเอาแต่กังวลเรื่องนี้แต่หัววัน

 

“อย่างไรเสีย ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก็จะมีโอกาสรอคอยพวกเจ้าอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ เวทย์พลัง ไม่เว้นอุปกรณ์อมตะและโอสถระดับราชาทั้งหลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเจ้าจะไขว่คว้ามันมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนาและพลังฝีมือของพวกเจ้า”

 

“หลังจากเข้าไปด้านในแล้ว หากพวกเจ้าหวาดกลัวก็สามารถเลือกที่จะซ่อนตัวได้ พอเวลาผ่านไปสักพัก เมื่อเงื่อนไขที่ทาง 3 นิกาย 2 ตระกูลกำหนดเอาไว้ล่วงลุแล้ว แดนลับสวรรค์ใต้โบราณก็จะถูกเปิดให้ผู้คนออกมาทันที…และต่อให้พวกเจ้าไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ยังจะต้อนรับพวกเจ้าเข้าร่วมอยู่ดี”

 

พอหูหลินอี้กล่าวถึงจุดนี้ หลายคนที่รู้ตัวดีว่าพลังฝีมือยังอ่อนด้อยกว่าผู้อื่นอยู่บ้าง และกำลังหวาดหวั่นกับการเข้าไปต่อสู้ช่วงชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็กลับมาหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง

 

เพราะตราบใดที่พวกมันซ่อนตัวดีๆ ก็ไม่ยากอะไรที่จะกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณทั้งยังมีลมหายใจ!

 

เพียงแค่ระมัดระวังให้มาก เลือกจะปลอดภัยไว้ก่อน แม้อาจจะไม่ได้ของดีอะไรมากมาย แต่พวกมันก็ไม่คิดจะเสี่ยงกับคำว่า โชคลาภมั่งคั่งมาพร้อมความเสี่ยง อะไรนั่น…

 

“ฝ่าบาท แล้วปกติผ่านไปนานเท่าไหร่หรือมีเงื่อนไขอะไร 3 นิกาย 2 ตระกูลถึงจะเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนกลับออกมา?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ในอดีตที่ผ่านมา หลังจาก 3 นิกาย 2 ตระกูลเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนเข้าไปแสวงหาโอกาสกันแล้ว ก็มักจะกำหนดเงื่อนไขง่ายๆอย่าง…ทันทีที่มีคนตายถึง 6 ส่วนเมื่อใด ก็จะเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณอีกครั้ง! และทันทีที่พวกมันเปิดแดนสวรรค์ใต้โบราณให้ทุกคนออก ทุกการเข่นฆ่าจะไร้ความหมายทันที ต่อให้เจ้าฆ่าผู้ใดตอนที่กำลังเดินทางกลับ ก็จะไม่ได้รับแต้ม…”

 

หูหลินอี้กล่าว “และในขณะเดียวกัน…สิ่งนี้หมายความว่า ทันทีที่พวกเจ้าเข้าไปด้านใน และทางเข้าออกปิดลงเมื่อใด พวกเจ้าก็สามารถเข่นฆ่ากันได้ตามใจชอบ และไม่ว่าพวกเจ้าเข่นฆ่าผู้ใด…พวกเจ้าก็จะได้รับคะแนนสะสมในป้ายหยกของอีกฝ่ายทันที”

 

“เงื่อนไข…ครั้งนี้จะเหมือนเดิมรึเปล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง

 

6 ส่วน!

 

ส่วนด้านคนอื่นๆนั้น หลังได้ยินเงื่อนไขการเปิดแดนลับสวรรค์ใต้โบราณอีกครั้งให้คนด้านในกลับออกมา ใจพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที!

 

เงื่อนไขนี้มัน…

 

กล่าวง่ายๆ ในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 9 ของประเทศฝูชิว หลังจากเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำแล้ว นับจากเงื่อนไขดังกล่าว อย่างมากก็มีแค่ 4 คนเท่านั้นที่จะรอดชีวิตกลับออกมาได้!

 

“หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็สมควรเป็นเงื่อนไขเดิม”

 

หูหลินอวี้กวาดตามองไปยังต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นทั่วๆ พลางเอ่ยออกเสียงขรึมว่า “กล่าวได้ว่า…ในบรรดาพวกเจ้าทั้ง 9 อาจมีเพียงแค่ 4 ส่วนเท่านั้นที่จักรอดชีวิตกลับมาได้ แต่เป็นธรรมดาว่ายิ่งพลังฝีมือร้ายกาจมากเท่าไหร่ โอกาสรอดก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น”

 

“หากพวกเจ้าคิดว่าพลังฝีมือของตัวเองอาจจะสู้ผู้อื่นไม่ได้ ก็พยายามแอบๆและไม่ทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจเสีย”

 

“แต่เป็นธรรมดาว่าข้าย่อมหวังให้พวกเจ้าเข่นฆ่าผู้อื่น ยังต้องฆ่าให้มากเพื่อทำคะแนนดีๆ…เพราะสุดท้ายแล้วหากพวกเจ้าติดอยู่ในอันดับต้นๆ ย่อมทำให้ 3 ตระกูล 2 นิกายให้ความสำคัญกับพวกเจ้ามากขึ้น เรื่องนี้ล้ววนเป็นผลดีกับอนาคตของพวกเจ้า!”

 

หูหลินอี้กล่าวต่อ

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้เชื่อคำพูดนี้ของหูหลินอี้แม้แต่น้อย

 

และทุกคนรู้ดีว่าไฉนหูหลินอี้ถึงพูดออกมาแบบนี้

 

เพราะยิ่งทุกคนทำผลงานได้ดีเท่าไหร่ ยิ่งติดอันดับสูงมากแค่ไหน สุดท้ายเมื่อเอาตัวรอดกลับมาได้ในฐานะผู้มีคะแนนเป็นอันดับต้นๆ คนที่จะรับทรัพย์ก้อนโตจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล…เห็นทีจะเป็นหูหลินอี้แล้ว!

 

ยิ่งได้อันดับสูงเท่าไหร่ รางวัลก็จะยิ่งมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น

 

กลับกันหากคะแนนของพวกมันน้อย รางวัลที่หูหลินอี้จะได้ก็ลดน้อยตาม

 

“เห? นั่นมิใช่สหายเก่าหูที่เดี๋ยวนี้เป็น ‘ฮ่องเต้ฝูชิว’ ผู้ยิ่งใหญ่หรอกหรือ?”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆกำลังตกอยู่ในความเงียบหลังได้ยินคำพูดของหูหลินอี้ พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านซ้าย