บทที่ 1788 มีตัวหนังสือตรงประตู + ตอนที่ 1789 ใต้ปลาคืออะไร

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1788 มีตัวหนังสือตรงประตู

คู่รักคู่แค้นโต้เถียงกันตลอดทางกลับช่วยให้บรรยากาศสดใสขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ดูวังเวงอีกต่อไป ห้องของโอหยางสยงอยู่ชั้นสามซึ่งระเบียงทางเดินมีของเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น และมีสองสามคนกำลังเดินสัญจรไปมาอยู่

ตึกแบบเก่านี้ไม่ใช่ตึกเดี่ยวแบบที่เห็นกันโดยทั่วไป แต่เป็นห้องชุดแบบเก่าที่มีระเบียงทางเดินยาว โดยมีทางเดินคั่นอยู่ตรงกลางและทั้งสองฝั่งจะเป็นห้อง ฉะนั้นตอนกลางวันระเบียงทางเดินเลยค่อนข้างมืดเป็นพิเศษ

ห้องของโอหยางสยงอยู่ริมในสุด พื้นที่ไม่กว้างมากและถูกตำรวจปิดตายไว้แล้ว ตอนนี้มีตำรวจวัยรุ่นคนหนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตู เสี่ยวอวิ๋นเดินไปพูดบางอย่างกับตำรวจคนนี้ก่อนที่ตำรวจวัยรุ่นจะปล่อยให้พวกเขาเข้าไป

“ฉันมีบัตรยืนยันสถานะตำรวจของในประเทศ โอหยางสยงเป็นคนแผ่นดินใหญ่ คดีของเขาควรให้แผ่นดินใหญ่เป็นฝ่ายจัดการ” เสี่ยวอวิ๋นอธิบายคร่าว ๆเหมยเหมยถึงได้เข้าใจ

ภายในห้องสกปรกรกรุงรังอย่างมากราวกับคอกหมูก็ไม่ปาน เสี่ยวอวิ๋นบอกว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนโอหยางสยงเสียชีวิต ตำรวจที่ต้องรักษาสภาพสถานที่เกิดเหตุไว้เลยไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไรแม้แต่น้อย นอกจากสกปรกรกรุงรังแล้วในห้องยังมีกลิ่นแปลก ๆที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก

อู่เชาตามติดสยงมู่มู่ไม่ห่าง ดวงหน้ากลมใหญ่กระตุกรัว ๆ นึกเสียใจแทบแย่

เขาไม่น่าตามมาเลย ดูโทรทัศน์คนเดียวดีกว่าต้องมาหวาดผวาที่นี่

เหมยเหมยหยิบผ้าปิดปากขึ้นมาสวมถึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง แล้วจากนั้นถึงค่อย ๆตรวจสอบทีละจุด ขนาดห้องไม่ใหญ่มากซึ่งมีห้องนอนเล็ก ๆหนึ่งห้องกับห้องน้ำอีกหนึ่งห้องแล้วก็ห้องนั่งเล่นขนาดเล็กอีกหนึ่งห้อง โดยรวมมีขนาดพื้นที่ยี่สิบกว่าตารางเมตรเล็กเหมือนกรงนก

“เห็นได้ชัดว่าก่อนโอหยางสยงตายเคยขัดขืนอย่างรุนแรงมาก่อน พวกเธอดูรอยเลือดที่กระจายพวกนี้สิเต็มกำแพงเลย” เซียวเซ่อชี้ไปที่กำแพงด้วยท่าทีเรียบนิ่ง บนนั้นเคยถูกพ่นด้วยน้ำยามาก่อนแต่รอยสีแดงเป็นดวง ๆก็ทำเอาใจผวาตอนเห็นเช่นกัน

อู่เชาตัวสั่นระริกแล้วรีบหลับตาลง แต่ความขี้สงสัยกลับทำให้เขาลืมตาอย่างอดไม่ได้ ปากหนาก็สั่นเทาไปด้วย พอมองอยู่พักหนึ่งก็หันไปมองทางอื่นแต่ไม่นานก็หันกลับมามองอีกจนหน้าแทบขึ้นสีเขียวช้ำ

พวกเหมยเหมยค้นไปรอบหนึ่งแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรจึงผิดหวังอย่างมาก หรือว่าเธอคิดมากไป?

“ฉันว่า…ควรกลับบ้านแล้วไหม…ฉันรู้สึกคันไปทั้งตัวเลย…” อู่เชาพูดเร่งเร้าเป็นรอบที่สิบพลางถูแขนจนแดงเถือก หากดูให้ละเอียดแล้วก็จะเห็นผื่นขึ้นบาง ๆด้วย

สยงมู่มู่ผลักเขาทีหนึ่งแล้วพูดติดดูถูกว่า “ขี้ขลาดตาขาว นายยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ยัยทอมนั่นยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย”

“นายยังเรียกเธอว่าทอมเลยแล้วฉันจะสู้เธอได้ไง!” อู่เชาน้อยใจพลันความอับอายก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

คิดว่าเขาไม่อยากใจกล้ากว่านี้หรือไง?

ขี้กลัวมาตั้งแต่เกิดแล้วจะให้เขาทำอย่างไรได้ล่ะ?

เซียวเซ่อหันมามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง จู่ ๆก็พูดขึ้นว่า “ด้านหลังนายมีคน!”

“อ๊าก…อ๊าก…”

อู่เชากอดศีรษะกระโดดสูงแล้วกรีดร้องโหยหวนที่ดูแล้วน่าสงสารจับใจ

เหมยเหมยถลึงตาใส่เซียวเซ่อแวบหนึ่งก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยน “เซ่อเซ่อหลอกนายต่างหาก ไม่มีใครหรอก นายหยุดร้องได้แล้ว!”

อู่เชาหันไปมองด้านหลังอย่างหวาดผวา ถึงแม้จะไม่มีใครจริง ๆแต่เขาใกล้จะสติหลุดเต็มทีแล้วเลยเอ่ยเสียงติดสะอื้น “เรากลับบ้านเถอะ…เราไม่ใช่ตำรวจสักหน่อยจะมาทำคดีอะไรกันเล่า…”

“จะกลับนายก็กลับคนเดียว…ฉันยังต้องดูอีกหน่อย” สยงมู่มู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และนึกดูถูกเพื่อนขี้กลัวเหลือเกิน น่าขายหน้าชะมัด

“กลับคนเดียวก็ได้…”

อู่เชาเดินมุ่งหน้าไปตรงประตูอย่างน้อยใจแต่ไม่นานก็กลับมาพร้อมทำหน้าจะร้องไห้ ระเบียงทางเดินทั้งมืดและยาวขนาดนั้น เขากลัว…

เขาเลยตัดสินใจไม่เข้าห้องแต่ยืนอยู่ตรงประตูราวกับวิหคตื่นคันศร[1] ร่างกายโก่งโค้งเป็นคันศรชนิดที่พร้อมจะหนีได้ทุกเมื่อ

สยงมู่มู่หลุดขำทีหนึ่งแล้วเริ่มตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยความสนอกสนใจ

อู่เชาที่กำลังเบื่อหน่ายกวาดตามองนั่นมองนี่ มองบนแล้วก็มองบน มองซ้ายแล้วก็มองขวา นั่นกลับทำให้เขาเจอบางอย่างเลยตะโกนเสียงดัง “พวกเธอมาดูนี่สิ ตรงนี้มีตัวอักษรอยู่ด้วย!”

[1] วิหคตื่นคันศร สำนานจีนที่เปรียบเปรยคนที่เคยผ่านเรื่องเลวร้ายมาแล้วจำฝังใจ ภายหลังพอมีเรื่องอะไรเล็กน้อยก็ตื่นกลัวไปหมด

……………………..

ตอนที่ 1789 ใต้ปลาคืออะไร

พวกเหมยเหมยเดินไปถึงปากประตูก็เห็นว่าจุดที่อู่เชาชี้ไปคือขอบประตู เพราะบ้านหลังนี้ทั้งเก่าทั้งโทรมประตูเลยเป็นประตูไม้ธรรดมาทั้งเนื้อไม้ก็อ่อนด้วย อู่เชาชี้ไปตรงขอบประตูแล้วเอ่ย “ตรงนี้มีตัวหนังสือ”

ตรงใต้ขอบประตูมีคนใช้เล็บขีดเป็นรอยจำนวนไม่น้อยอยู่จริง ๆ แม้จะเขียนลวก ๆแต่พอจะอ่านออกได้

“เหมือนจะเป็นคำว่าปลา แล้วก็อีกตัวเหมือนจะเป็นคำว่าใต้” สยงมู่มู่ทำหน้างุนงง “ใต้ปลา? โอหยางสยงเขียนสองตัวนี้หมายถึงอะไร?”

อู่เชาพูดขึ้นอย่างไม่ทันคิด “นายมั่นใจได้ไงว่าโอหยางสยงเป็นคนเขียน? บางทีอาจจะเป็นลูกค้าเก่าที่เคยเช่าก็ได้”

สยงมู่มู่ถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง สติปัญญาหายหดเพราะความกลัว เจ้าขี้ขลาด!

“สองตัวนี้เป็นตัวย่อซึ่งมีแค่คนแผ่นดินใหญ่เท่านั้นที่เขียนอักษรเป็นตัวย่อ คนฮ่องกงเขียนตัวเต็ม อีกอย่างดูจากรอยขีดนี้ยังดูสดใหม่มาก น่าจะเป็นโอหยางสยงขีดนั่นแหละ” เหมยเหมยอธิบาย

เซียวเซ่ออธิบายเสริม “เป็นไปได้ว่าโอหยางสยงเขียนมันก่อนตาย เขาอยากถ่ายทอดข้อมูลของฆาตกร!”

อู่เชาสะดุ้งตัวโยนอีกครั้งแล้วก้าวถอยหลังสามก้าวด้วยความว่องไว ไม่กล้าเข้าใกล้ขอบประตูอีก น้ำตาก็จวนจะไหลเต็มที

เสี่ยวอวิ๋นกับตำรวจวัยรุ่นต่างก็เริ่มให้ความสนใจแล้วพิมพ์รอยขีดเขียนนั่นออกมา ตำรวจวัยรุ่นยังโทรไปรายงานให้ทางสถานีตำรวจทราบก่อนที่เขาจะยิ้มกล่าว “นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญเชียว ขอบคุณพวกคุณมาก ผู้กองหลินของเราจะรีบมาเดี๋ยวนี้แหละ”

เหมยเหมยขมวดคิ้ว ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว?

เธอสำรวจรอบห้องอีกครั้งเมื่อไม่ได้หลักฐานอื่นเพิ่มเติมเลยออกจากห้องเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้กองหลินเท่าไร โดยเฉพาะลูกศิษย์ไร้สติปัญญาคนนั้นของเขา

ตรงระเบียงทางเดินมีคุณยายอายุราวหกสิบเจ็ดสิบสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ พอเห็นพวกเขาก็ใช้สายตาแปลกใจกวาดมองหลายที มีคุณยายร่างอวบคนหนึ่งพูดภาษาท้องถิ่นซึ่งเหมยเหมยไม่เข้าใจเสี่ยวอวิ๋นเลยช่วยแปลให้เธอฟัง

“คุณยายบอกว่าคุณสวยกว่าผู้หญิงที่มาเมื่อหลายวันก่อนซะอีก”

เหมยเหมยยิ้มตอบน้อย ๆแล้วก้มศีรษะให้คุณยายที พอเดินไปหลายก้าวเธอก็ฉุกคิดบางอย่างได้เลยรีบถอยกลับไปพลางให้เสี่ยวอวิ๋นถามคุณยายว่าผู้หญิงที่ไม่สวยเท่าเธอคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรเหรอ?

คุณยายเองก็ดูเป็นคนชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้านพอสมควร คำถามของเสี่ยวอวิ๋นเป็นที่ถูกใจของเธอเลยเริ่มพูดเสียงเจื้อยแจ้วโดยมีคุณยายอีกคนพูดเสริมเป็นบางประโยค

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงจากแผ่นดินใหญ่แต่ดูท่าทางรวยมาก เสื้อบนตัวมีแต่แบรนด์ดัง หลานสาวฉันบอกว่าเธอมีทักษะการต่อสู้ด้วย คนหนึ่งกำราบผู้ชายตัวโตได้ตั้งสามคนเลยนะ…”

คุณยายยกนิ้วโป้งพลางนึกทึ่งผู้หญิงคนนี้อย่างมากก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เพราะทุกครั้งเธอจะใส่เสื้อสีดำ ดูเยือกเย็นเกินไป”

ฟังถึงตรงนี้เหมยเหมยก็พอจะมั่นใจได้แล้วว่าผู้หญิงคนสวยที่คุณยายพูดถึงคือโอหยางซานซาน

“เธอมาที่นี่บ่อยไหมคะ?” เหมยเหมยถาม

คุณยายคิด ๆแล้วก็ตอบ “ไม่ค่อยมาหรอก ผู้ชายคนนั้นเข้ามาพักเกือบจะหนึ่งเดือนแล้วแต่ผู้หญิงคนนี้ก็มาแค่สี่ครั้ง ครั้งสุดท้ายมาเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน วันนั้นแหละที่เธอสั่งสอนอันธพาลสามคน เก่งมากเลย…”

คุณยายคนนี้ดูท่าทางจะสนใจหน้าตากับทักษะการต่อสู้ของโอหยางซานซานมากกว่า พอเล่าไป ๆก็เริ่มออกนอกประเด็น

ทว่าเท่าที่เธอเล่าก็ไม่ต่างจากข้อมูลที่พวกเสี่ยวอวิ๋นตามสืบได้มากนัก เวลาที่โอหยางซานซานปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้ายก็ประจวบเหมาะ แต่–

คุณยายอีกคนกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ วันนั้นผู้หญิงคนนั้นมาสองครั้ง ตอนแรกกลับไปแล้วฉันเห็นว่าเธอไปซื้อลูกชิ้นทานด้วยนะ แต่ตอนหลังก็กลับมาอีก สุดท้ายอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงถึงกลับ”

“ทำไมฉันถึงไม่รู้?” คุณยายคนอวบดูท่าไม่พอใจอย่างมาก ข่าวคราวสำคัญขนาดนี้เธอกลับไม่ได้เป็นคนแรกที่รู้

“เธอกลับห้องไปนอนแล้ว ฉันนอนไม่หลับเลยอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อยถึงเห็น”

เหมยเหมยหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ไปแล้วกลับมาอีกครั้งแล้วยังอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง โอหยางซานซานกับโอหยางสยงมีเรื่องให้คุยกันมากขนาดนั้นเชียวหรือ?

………………………