ก็ไม่แปลกที่คนขับรถจะตกใจ

ต้องรู้ก่อนว่า ระหว่างทางขึ้นเขามา10กว่ากิโลนี้ พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาผีหรืออะไรเลย

อยู่ดีมีคนมายืนกลางทางตอนดึกๆ ก็ทำให้คนตกใจได้เหมือนกัน

ฟ่านหลินยวนก็ตกใจจนอ้าปากค้างพูดไม่ออก ได้แต่มองชายหนุ่มที่ยืนกลางทาง พร้อมกับเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ปากก็พูดว่า “เป็น…..มันเป็นคนเว้ย!”

คนที่ยืนกลางถนนนั้น ดูแล้วเป็นหนุ่มมาก ใบหน้าอมยิ้ม ใส่เสื้อผ้าบางๆ สองมือไพล่หลัง ใบหน้าชิวๆ ไม่ค่อยเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่ทั้งหนาว และเต็มไปด้วยหิมะ

คนนี้ ก็คือเย่เฉิน!

ในตอนนี้ พวกเฉินจื๋อข่าย ก็หลบอยู่หลังเย่เฉิน ที่ห่างออกไป10เมตร

เย่เฉินสั่งพวกเขาว่า คอยดูละครแล้วกัน ไม่ต้องเผยโฉมหน้าออกมา

คนขับรถก็มองเย่เฉิน แล้วพูดอย่างกังวลว่า ศิษย์พี่ครับ ดึกขนาดนี้ มีคนมายืนกลางทาง น่าแปลกนะครับ ไม่แน่ว่าอาจจะมารับมือกับเรา ให้ขับรถชนไปเลยไหมครับ? ”

ฟ่านหลินยวนก็ครุ่นคิด แล้วรีบพูดว่า “คนนั้นมันกล้ามายืนรอเรา8คนคนเดียว น่าจะไม่ใช่พวกกระจอกๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีกับดักอะไรรอพวกเราอยู่ก็ได้ พวกเราจอดรถ แล้วเข้าไปดูให้แน่ชัดเลยดีกว่า!”

ส่วนเย่เฉินในตอนนี้ ในมือก็มียันต์ฟ้าร้อง ในใจก็นิ่งๆ เฉยๆ

เขากล้ามาขวางกลางทาง แบบไม่กลัวราชาบู๊ทั้งแปดจะขับรถพุ่งชนเข้ามาเลย

ยันต์ฟ้าร้องนี้ สามารถเรียกสายฟ้ามาได้ตลอดเวลา ถ้าราชาบู๊ทั้งแปดไม่ลงรถมาประมือกันอย่างประจันหน้าล่ะก็ ตนเองก็จะใช้สายฟ้าสองสาย ฟาดให้รถพวกเขาตกหน้าผาไป แล้วจบเรื่องนี้เสีย

ดีที่ฟ่านหลินยวนไม่ได้ดูถูกศัตรู รถทั้งสองคัน ห่างจากเย่เฉินไป10กว่าเมตร จากนั้นก็ค่อยหยุดรถ

จากนั้น ราชาบู๊ทั้งแปดก็ลงรถตามกันออกมา

ฟ่านหลินยวนเดินก้าวยาวๆ มาข้างหน้า อาศัยแสงไฟของรถ มองไปยังเย่เฉิน แล้วพูดเสียงเข้มว่า “ไอ้น้อง เอ็งเป็นใครวะ? ถึงได้กล้ามาขวางทางพวกเราราชาบู๊ทั้งแปด? ”

เย่เหลงใหลก็ยิ้มๆ แล้วพูดว่า “กูแซ่เย่ ชื่อ เย่เฉิน คนที่มีชื่อเสียงว่าเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าตระกูลผู้หญิง แห่งเมืองจินหลิง ก็คือกูเอง”

ฟ่านหลินยวนก็ตกใจกันใหญ่!

เมื่อครู่นี้ ยังพูดถึงเย่เฉินกันในรถอยู่เลย ทุกคนก็คิดอยู่ว่า ถ้าเย่เฉินอยู่ที่นี่ด้วยก็ดีเลย จะได้จัดการทีเดียวเลย

แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ !

แต่ว่ามันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ตอนที่ตนเองออกเดินทางมานั้น มันยังอยู่ที่จินหลิงอยู่เลย ทำไมตอนที่ตนเองมาถึงที่นี่ แต่มันถึงมาถึงก่อนตนเองได้

คิดอย่างไรก็ไม่น่าเป็นไปได้ตามหลักวิทยาศาสตร์

แต่ว่า เขาก็เอาข้ามปัญหานี้ไปก่อน แล้วก็มองเย่เฉิน พร้อมพูดเสียงเข้มว่า “ไอ้คนแซ่เย่ มึงรู้นานแล้วหรือว่าพวกกูจะมาที่นี่? ”

“ถูกต้อง” เย่เฉินยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “กูก็นึกว่าราชาบู๊ทั้งแปด จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลุงแก่ๆ ทั้ง8คน พวกมึง8คนรวมกันน่าจะมีอายุ400กว่าปีล่ะมั้ง? ”

พี่น้องของฟ่านหลินยวนทั้ง8คน คนที่มีอายุน้อยสุด ก็อายุ50กว่าแล้ว ดังนั้น8คนรวมกัน ก็มีอายุเกิน400ปีไปอีก

ในตอนนี้ เห็นว่าตนเองและศิษย์น้องตัวเอง ถูกเย่เฉินดูถูก ฟ่านหลินยวนก็พูดเสียงเข้มอย่างไม่พอใจว่า “วันนี้ พวกกูไม่ได้อยากเอาชีวิตมึง จะไว้ชีวิตหมาๆ ของมึง แล้วเดี๋ยวพวกกูไปตามเก็บที่จินหลิง ไปเด็ดหัวมึง!ไม่คิดเลยว่า ทางดีๆ มีให้เดินมึงไม่เดิน แต่เสือกเดินเข้าทางนรกมาเอง!แบบนี้ก็ดี พวกกูจะได้ไม่ต้องถ่อไปจินหลิง”

เย่เฉินหัวเราะพูดว่า “จะเด็ดหัวกูงั้นหรือ? กูว่าพวกมึงไม่มีปัญญาหรอก!”

“อย่าพูดมาก!” ฟ่านหลินยวนส่งเสียงไม่พอใจ “ไอ้เย่เฉิน พวกกูราชาบู๊ทั้งแปดก็ไม่ใช่พวกกระจอก ใช้ชีวิตในยุทธภพหลายปี ไม่ได้อยากเอาชนะด้วยจำนวนคนที่มากกว่า วันนี้กูจะให้ศิษย์น้องที่อายุน้อยที่สุด ไปสู้กับมึง!มันมีฉายาว่า หมัดเหล็กหลี่ มึงตายด้วยเงื้อมมือมัน ก็ว่าไม่เลวแล้ว!”

เย่เฉินฟังจบ ก็ยิ้มเยาะเย้ย แล้วประชดว่า “หมัดเหล็กหลี่งั้นหรือ? ดีมาก วันนี้มันได้ตายภายใต้เงื้อมมือมังกรอย่างกู ก็คงเป็นวาสนาที่มันบำเพ็ญมาหลายชาติแล้วล่ะ!”

ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนกำยำ หนึ่งในราชาบู๊ทั้งแปด ก็ส่งเสียงออกมา แล้วเดินมาข้างหน้า แล้วชี้หน้าด่าเย่เฉินว่า “ไอ้หนูเอ้ย มึงคู่ควรจะมาเอาชีวิตกูงั้นรึ? เดี๋ยวคอยดู กูจะเอาหมัดทุบหัวหมาๆ ของมึงเสีย!”

———