เว่ยเลี่ยงก็หนาวจนจมูกแดง ตอนที่ทั้ง4คนเพิ่งมาถึงที่นี่นั้น เนื่องจากเย่เฉินกังวลว่าจะเปิดเผยจุดประสงค์ ก็เลยให้เฮลิคอปเตอร์บินออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ก็ยังได้นั่งอยู่ในเครื่องบินอีกสักหน่อย อย่างน้อยยังได้หลบลมหนาวของภูเขาฉางไบ
ก็รอไปอีก10กว่านาที เย่เฉินก็เห็นแสงไฟ4ดวงของรถยนต์ ที่ส่องมาจากเส้นทางบนภูเขา
เฉินจื๋อข่ายก็เห็นแสงไฟเช่นกัน แล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณชายครับ พวกมันน่าจะมากันแล้ว!”
เย่เฉินก็พยักหน้า แล้วยิ้มพูดว่า “รอพวกมันมานานแล้ว รอจนจะหลับอยู่แล้วเนี่ย”
หงห้าก็รีบหยิบปืนออกมาจากเอว แล้วกัดฟันพูดว่า “แม่งเอ้ย วันนี้กูจะดูสิว่าไอ้ราชาบู๊ทั้งแปด มันจะแน่สักแค่ไหนเชียววะ!”
เย่เฉินก็พูดนิ่งๆ ว่า “หงห้า เก็บปืนไปเถอะ ปืนทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก”
หงห้าก็อึ้งไปเลย แต่ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้
ก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นพลังของในวงการซวนซวนมาบ้าง รวมทั้งเย่เฉินเอง ที่สามารถเรียกสายฟ้ามาได้ ถ้าเป็นนักต่อสู้ที่ฝึกวิชาจนล้ำลึก จะสามารถหยุดลูกกระสุนปืนได้ ก็ไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลก
ในตอนนี้เฉินจื๋อข่ายก็ถามว่า “คุณชายครับ เดี๋ยวเราจะเอาอย่างไรกันดี? ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยได้ ก็บอกมาเลยครับ”
เย่เฉินก็ยิ้มเบาๆ พูดว่า “พวกคุณไม่ต้องช่วยอะไรเลย ดูอยู่ข้างหลังผมก็พอ”
หงห้ารีบพูดว่า “คุณชายครับ ผมว่าคุณเรียกสายฟ้า มาผ่าพวกมันให้เป็นจุณเลย ดีไหมครับ เหมือนกับวีจิ้งไห่เลย”
เย่เฉินยิ้มพูดว่า “ถ้าจะให้เอาสายฟ้ามาฟาดใส่คน ผมรู้สึกเบื่อแล้วล่ะ ในเมื่อคนที่มาวันนี้ เป็นนักต่อสู้ งั้นก็ใช้ฝีมือล้วนๆ ไปประมือกันเสียหน่อยดีกว่า”
เฉินจื๋อข่ายไม่เคยเห็นเย่เฉินใช้สายฟ้าฟาดใส่วีจิ้งไห่ แต่เขาได้ยินมาบ้างเหมือนกัน
แต่ว่าเขาคิดมาตลอดว่า น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า เพราะว่าในความทรงจำของเขา ยังไม่เคยเห็นใครเรียกสายฟ้ามาได้เลย
ถึงแม้ตระกูลเย่จะรู้จักคนในวงการซวนซวนไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เคยได้ยิน ว่าใครมีความสามารถขนาดนี้
ในตอนนี้ เห็นรถสองคันกำลังขับขึ้นเส้นทางบนภูเขาที่คดเคี้ยวมาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เย่เฉินก็เริ่มเดินเข้าไปยังกลางถนนเองก่อนเลย เดินมุ่งหน้าลงเขาไป
3คนที่เหลือก็มองหน้ากัน แล้วก็รีบตามไป
ฟ่านหลินยวนนั่งอยู่ในรถ ก็เริ่มจะง่วงเหงาหาวนอนแล้ว แต่ศิษย์น้องที่ขับรถอยู่ ก็ดูGPS แล้วพูดกับเขาว่า “ศิษย์พี่ครับ พวกเราใกล้ถึงแล้ว”
ฟ่านหลินยวนก็รีบถามว่า “อีกไกลแค่ไหน? ”
อีกฝั่งตอบว่า “GPSบอกว่า เหลืออีก5กิโลเมตรครับ”
ฟ่านหลินยวนก็บิดขี้เกียจ แล้วพูดบ่นๆ ว่า “จะถึงสักที ให้ทุกคนตั้งสติกันเข้าไว้ ต่อให้ศัตรูจะอ่อนแอ แต่เราจะวางใจไม่ได้เด็ดขาด”
ศิษย์น้องของเขาคนหนึ่ง ก็หยิบวอล์ขึ้นมา แล้วพูดว่า “ทุกคนตั้งสติเข้าไว้ พวกเราจะถึงแล้ว!”
คนในรถคันหลัง ก็ตอบกลับมาว่า “รีบทราบ พวกเราเริ่มอบอุ่นร่างกายกันแล้ว ”
รถขับต่อไป ตอนที่กำลังจะเข้าโค้งนั้น คนขับรถเห็นแสงไฟแยงตาเข้ามา กลางถนนมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง!
คนขับรถข้างๆ ฟ่านหลินยวน ก็พูดอย่างใจว่า “เห้ย ผีหรือคนวะน่ะ?!”
—–