ตอนที่ 2987

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,987 : ไร้รอยขีดข่วน!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ออกด้วยพลังกฏแห่งดินผสานเข้ากับการโจมตีนั้น ไม่ได้ฟาดพลองปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่แต่อย่างไร แต่เลือกจะฟาดเบี่ยงลงไปยังข่ายอัสนีรอบกายเชวียจิงอวี่แทน

 

นอกจากนั้นร่มที่อยู่ในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องอันปกคลุมไปด้วยไอพลังสีม่วง ก็ขยับไปต้านทานรับดาบอัสนีสีเทาของเชวียจิงอวี่ฉับไวปานสายฟ้า!

 

“ธาตุดิน?”

 

ถึงแม้เชวียจิงอวี่จะตกใจไม่น้อยที่เห็นต้วนหลิงเทียนปะทุพลังแห่งกฏธาตุดินออกมาในวินาทีสุดท้าย แต่อย่างไรเสียมันเองก็เสมือนศรที่ปล่อยออกจากเกาทัณฑ์ไปแล้ว

 

มันไม่มีเวลามากพอให้เปลี่ยนแปลงกระบวนท่าใดๆ

 

อีกทั้งหากฝืนเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า สภาวะพลังไม่พ้นต้องถดถอยด้อยลงกว่าตอนนี้หลายส่วน

 

เช่นนั้นมันได้แต่กัดฟันลงมือไปทั้งแบบนี้!

 

“เจ้าเข้าใจพลังกฏแห่งธาตุดินของเจ้า ข้าก็เข้าใจพลังแห่งกฏแห่งธาตุสายฟ้าของข้า…ทั้งวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังที่ข้าใช้ก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าเจ้า!!”

 

“ให้ข้าดู ว่าเจ้าอาศัยความมั่นใจแต่ที่ใดถึงได้คิดแลกกับข้าตรงๆ!!”

 

วินาทีนี้ สีหน้าของเชวียจิงอวี่ได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา ราวกับว่าหากต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะแลกกับมันแบบนี้ สุดท้ายคนที่เจ็บย่อมเป็นตัวต้วนหลิงเทียนเอง

 

“ปฐีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน…เจ้าแน่ใจนะว่าสามารถหยุดดาบนั่นของมันได้จริงๆ?”

 

ในวินาทีสุดท้ายตอนที่พลองต้วนหลิงเทียนใกล้ฟันสวนกับดาบอัสนีของเชวียจิงอวี่เต็มที ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าววถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินในใจอีกครั้ง

 

“เพ่ยๆๆ! เจ้าหนู! นี่เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้แคลงใจในความสามารถของข้ากันหา เจ้าแหกตาชมดูให้ดีๆเถอะ!!”

 

เสียงเด็กน้อยคล้ายยังไม่หย่านมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินฉายถึงความขุ่นขึ้งหมองเคืองไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันโกรธจริงๆ ที่จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังกล้าสงสัยพลังของมัน!

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินน้ำเสียงขุ่นขึ้งของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะไว้วางใจอีกฝ่าย และทุ่มพลังเซียนอมตะที่ผสานกับพลังสีกากีจากกฏแห่งดินลงตัวพลองเต็มพิกัด ไม่เว้นทางถอยอันใด!

 

และนี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เขาได้ปลดปล่อยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาเต็มพิกัดหลังจากที่ทะลวงมาถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด

 

นอกจากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขา ยังได้ผสานเข้ากับพลังอำนาจแห่งงกฏธาตุดิน และเขาก็ได้ใช้ออกเต็มกำลังไร้ซึ่งการออมรั้งใดๆ

 

ครืนนน!!

 

ซู่มมม!!

 

……

 

พลองยาวในมือต้วนหลิงเทียน เปรียบดั่งมังกรพิโรธก็ไม่ปาน และในขณะที่ตัวพลองท่วมท้นไปด้วยพลังเซียนอมตะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งกฏธาตุดินแล้ว พลองพลังอันเขื่องในมือพุทธองค์ร่างทองที่ปกคลุมทั่วกายเขา ก็คล้ายระเบิดพลังอานุภาพออกมาอีกขั้น ตัวพลองพลังยังสั่นไหวไประรัว!

 

ให้ความรู้สึกเสมือนมันอัดแน่นไปด้วยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว

 

สุดท้ายพลองยาวในมือต้วนหลิงเทียน ก็ฟาดสวนกับดาบอัสนีสีเทาของเชวียจิงอวี่!

 

พริบตาต่อมา ในที่สุดพลองยาวของเขาที่ฟาดลงมาอย่างเกรี้ยวกราดปานทัณฑ์สวรรค์ ก็ปะทะเข้ากับข่ายพลังอัสนีที่ปกกคลุมไปทั่วร่างของเชวียจิงอวี่!

 

“หืม!?”

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันจงใจเบี่ยงพลองไม่ให้ปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่งั้นรึ!?”

 

“เพ่ย! อย่าบอกนะว่ามันคิดใช้กระบวนท่าตายตกไปตามกันกับเชวียจิงอวี่?”

 

“คำว่าตายตกไปตามกันของเจ้าก็ออกจะเกินเลยไปหน่อย…อย่างดีก็คงแค่สาหัสทั้งคู่นั่นล่ะ”

 

“แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ช่างบ้าดีเดือดแท้!”

 

“ไม่ทราบว่าเชวียจิงอวี่จะเลือกเห็นดีเห็นงามกับ ‘ท่านฟันเราแผลหนึ่งเราฟันท่านกลับแผลหนึ่ง’ เช่นนี้หรือไม่…แต่หากคิดจะถอยตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว และหากผลออกมาเป็นมันบาดเจ็บหนักกว่าต้วนหลิงเทียน ก็เสมือนมันแพ้!”

 

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนผู้อำมหิตต่อตัว เพราะเขาเลือกจะเบี่ยงพลองไม่ปะทะกับดาบของเชวียจิงอวี่ แตเลือกจะทำร้ายอีกฝ่าย โดยปล่อยให้ดาบอีกฝ่ายทำร้ายตัว!

 

ฉากบ้าคลั่งดังกล่าวย่อมสร้างความตกใจให้ผู้ที่ชมดูอยู่ไม่น้อย!

 

“น้องต้วน…”

 

หวงเจียหลงเองยังอดไม่ได้ที่จะตะลึง

 

หูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิว ไม่เว้นคนอื่นๆโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปตามๆกัน

 

พวกมันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่เห็นนิ่งๆ ที่จริงกลับดุร้ายขนาดนี้!!

 

จังหวะนี้หลายคนที่กำลังมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอยู่ ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ ทั่วร่างเสียวซ่านคล้ายมีสายฟ้าแล่นวาบ!

 

เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ มันบ้าไปแล้วหรือ!!

 

ยังคล้ายคนบ้าที่สิ้นหวัง!!

 

“คิดจะแลกกันคนละทีงั้นรึ!?”

 

“มาเถอะ! ข้าจะเล่นกับเจ้าสักครา! แล้วมาดูกันว่าจักเป็นเจ้าที่เจ็บหรือเป็นข้าที่เจ็บมากกว่า!!”

 

เผชิญหน้ากับการลงมือดั่งคนบ้าสิ้นหวังของต้วนหลิงเทียน เชวียจิงอวี่ตอนแรกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง หากแต่ต่อมาความกลัวก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ! จนดาบที่ฟันเข้าใส่ตัวต้วนหลิงเทียนคล้ายเพิ่มพูนพลังขึ้นไปอีกสองส่วน!!

 

เปรี๊ยงงง!!

 

และท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ในที่สุดพลองของต้วนหลิงเทียนก็ฟาดทุบเข้าถูกข่ายพลังอัสนีของเชวียจิงอวี่อย่างจัง! เสียงระเบิดดังก้องสะท้านแก้วหูผู้คน ขณะเดียวกันสภาวะพลองก็ถดถอยลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกข่ายพลังอัสนีลดทอนพลังไปอยู่บ้าง!!

 

เปรี๊ยงงงง!!

 

ขณะเดียวกันดาบที่ฟันฟาดมาดั่งทัณฑ์สววรรค์ฟาดลงจากฟ้าของเชวียจิงอวี่ ก็ปะทะเข้ากับร่มในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตามดาบของมันเพียงทำให้กระแสพลังสีเหลืองแก่ที่ปกคลุมตัวร่มเอาไว้กระเพื่อมไปเบาๆ ดังหนึ่งหินหล่นสระก่อเกิดระลอกน้ำนับพันเท่านั้น

 

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วอึดใจ ผู้คนก็ได้แลเห็นว่า…

 

พลองยาวของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้จะโดนข่ายอัสนีของเชวียจิงอวี่ต้านทานจนสูญเสียพลังไปบางส่วน หากแต่สุดท้ายมันก็สามารถทุบข่ายอัสนีกระจ่าย ฝ่าม่านพลังป้องกันดังกล่าวของเชวียจิงอวี่ไปได้ในที่สุด!!

 

กลับกัน ด้านเชวียจิงอวี่ที่ไม่ว่าจะเร่งเร้าถ่ายทอดพลังลงสู่ดาบสีเทาที่ประทับดาบอัสนีลงไปเท่าไหร่ แต่ร่มอันมีพลังสีเหลืองแก่ปกคลุมในมือพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่อง แม้รัศมีพลังสีเหลืองแก่จะสะเทือนไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะพ่ายแพ้!

 

ปงงงง!!

 

หลังจากที่ฟาดทุบข่ายอัสนีจนแตกกระจายแล้ว พลองของต้วนหลิงเทียนก็ฟาดทุบสืบต่อไปยังร่างเชวียจิงอวี่!

 

ซู่มมม!

 

ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏแสงพลังสีทองขุมหนึ่งผุดขึ้นความว่างเปล่าคลุมร่างเชวียจิงอวี่เอาไว้ดั่งม่านพลัง อีกทั้งม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังแผ่กลิ่นอายหนักแน่นคล้ายไร้สิ่งใดฝ่าทำลายมันได้!

 

และหากผู้ใดชมมองให้ดี จะพบว่าในม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังมีประกายอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบผสานอยู่ด้วย! เห็นได้ชัดว่ามันก่อเกิดขึ้นมาจากพลังเซียนอมตะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งกสายฟ้าของเชวียจิงอวี่!!

 

“หืม? นั่นมัน…อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทป้องกันรึ?”

 

“จริงสิ ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าตระกูลราชวงศ์ประเทศหนันฉี่ได้รับอุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกันแท้ที่เรียกว่า ‘อาภรณ์แสงทองอมตะ’ มาครอง แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายฮ่องเต้หนันฉี่กลับเต็มใจมอบมันให้องค์ชายรองไว้ใช้!!”

 

“องค์ชายรองหนันฉี่ เชวียจิงอวี่ จะอย่างไรก็กำลังจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ฮ่องเต้หนันฉี่สุดท้ายก็เป็นพ่อคน จะมอบอุปกรณ์ป้องกันให้ลูกชายมากหน่อยก็ไม่แปลกหรอก!!”

 

“มิผิด อาภรณ์แสงทองอมตะนี้ พอจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป ม่านพลังแสงสีทองที่มันสร้างขึ้นนับว่าทรงพลังเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาชิ้นที่สองที่ต้วนหลิงเทียนควักออกมาใช้เสียอีก อย่างไรเสียนี่ก็เข้าใจได้ ร่มนั่นของต้วนหลิงเทียนถือว่าเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทอาวุธที่มีพลังป้องกันโดดเด่น แต่อาภรณ์แสงทองอมตะนั่น เป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะ ที่มีไว้ป้องกันถ่ายเดียว!!”

 

 

ในขณะที่ผู้มุงชมกำลังตกใจกับม่านพลังสีทองที่ปรากฏขึ้นคลุมกายเชวียจิงอวี่ ด้านต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

‘ที่แท้ที่มันกล้าจะแลกกับข้าไม่ใช่เพราะมั่นใจในข่ายอัสนีนั่น…แต่มันกลับมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะเป็นไพ่ใบสุดท้าย’

 

วินาทีนี้ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ถึงเรื่องราว ก็เลือกที่จะรวมรั้งพลังทั้งหมดถ่ายทอดลงสู่ตัวพลอง และปล่อยให้หน้าที่ป้องกันเป็นของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน หมายทำลายม่านพลังสีทองให้จงได้!

 

และม่านพลังแสงสีทองดังกล่าว ก็สามารถต้านทานพลองของเขาเอาไว้ได้ถึง 3 ลมหายใจเต็ม!

 

อย่างไรก็ตามหลังผ่านไป 3 ลมหายใจแล้ว ในที่สุดม่านพลังแสงสีทองดังกล่าวก็จำต้องถูกพลองที่รวมรั้งพลังทั้งหมดของเขาทุบทำลายจนแหลก และเปิดเผยให้เห็นว่าบริเวณลำตัวของเชวียจิงอวี่ ได้ปรากฏชุดเกราะตัวหนึ่งสวมทับ!

 

ช่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย มันเป็นอาภรณ์แสงทองอมตะ ที่ตระกูลราชวงศ์หนันฉี่ได้มาครอบครองไว้จริงๆ

 

อย่างไรก็ตามพลังส่วนใหญ่ของเชวียจิงอวี่ก็ได้ทุ่มเทลงสู่ตัวดาบเพื่อการโจมตี ทำให้พลังที่มันสามารถจ่ายลงสู่ชุดเกราะอาภรณ์แสงทองนั้นหลงเหลือเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น

 

ทว่าการที่อาศัยพลังไม่กี่ส่วนสามารถต้านทานรับพลองของต้วนหลิงเทียนได้ถึง 3 ลมหายใจเต็มก็นับว่าพลังของมันน่าทึ่งมากแล้ว!

 

และถึงแม้พลังของพลองต้วนหลิงเทียน จะถูกลดทอนลงไปบางส่วนยามบุกฝ่าข่ายอัสนี แต่ก็ยังคงเหลือมากพอให้ทุบทำลายม่านพลังสีทองดังกล่าว

 

อีกทั้งม่านพลังสีทองดังกล่าว ยังสามารถลดทอนพลังในพลองของต้วนหลิงเทียนไปได้อีกเกือบ 9 ส่วน ทำให้พลังอานุภาพที่หลงเหลืออยู่ในพลองของต้วนหลิงเทียน จึงทำร้ายเชวียจิงอวี่ให้บาดเจ็บได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

ปงงงงง!!

 

หลังจากที่ผู้คนเห็นร่างเชวียจิงอวี่ปลิดปลิวกระเด็นออกมาปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร เสียงระเบิดของพลังก็พึ่งจะดังมาเข้าหูพวกมัน

 

“อั๊ค–!”

 

เชวียจิงอวี่ตอนนี้สภาพแลดูไม่ได้อยู่บ้าง สีหน้ายังซีดลงอย่างเห็นได้ชัด โลหิตกระอักออกปากคำหนึ่ง กลับกลายเป็นบุปผาสีแดงฉานเบ่งบานกลางหาว ต้องสะทอนแสงอัสดงเป็นประกายระยิบระยับ…

 

อย่างไรก็ตาม ความสนใจของทุกผู้คนเพียงหยุดอยู่กับเชวียจิงอวี่ที่ถูกซัดจนปลิวแค่ครู่เดียว จากนั้นก็รีบหันกลับไปชมดูทางด้านต้วนหลิงเทียนทันที

 

จึงพบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน มือซ้ายถือร่มคันหนึ่ง ส่วนมือขวาถือพลอง สีหน้าท่าทียังแลดูสงบเหมือนตอนแรก ไร้ซึ่ความเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

ที่สำคัญเลยก็คือ…เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!

 

“บ้าน่า…เรื่องงพรรค์นี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

 

“มัน…มันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยรึ!?”

 

“พลังป้องกันของมันไฉนร้ายกาจถึงขนาดนั้นได้กัน…เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะเข้าใจความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งดิน ที่เน้นไปในด้านป้องกันโดยเฉพาะ!?”

 

“เป็นไปไม่ได้! หากมันใช้พลังความลึกซึ้งอื่นๆของกฏแห่งดิน ไหนเลยราชาอมตะมากมายที่ชมดูอยู่จะไม่สังเกตเห็น?”

 

 

เมื่อเห็นเชวียจิงอวี่ถูกซัดจนปลิวแลดูบาดเจ็บ ทว่าทางด้านต้วนหลิงเทียนกลับไม่เป็นอะไรเลย ผู้ชมก็ตกใจไม่น้อย พากันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด!

 

จังหวะนี้กระทั่งฮ่องเต้ฝูชิวเองยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาเบิกโพลงราวตัวโง่งม

 

อันที่จริงมันไม่ได้มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากสักเท่าไหร่

 

มันเพียงเตรียมใจไว้แค่ต้วนหลิงเทีนอาจจะเสมอ หรือไม่ก็อาจจะแพ้พ่าย…

 

แต่มันคิดไม่ถึงจริงๆ…

 

ต้วนหลิงเทียยนไม่เพียงแต่จะเอาชนะองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถซัดคู่ต่อสู้จนเจ็บได้โดยที่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย!

 

กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนเอาชนะองค์ชายรองหนันฉี่ได้อย่างราบคาบ!

 

“การโจมตีของเชวียจิงอวี่เมื่อครู่…ต่อให้จะเป็นแค่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดธรรมดา ไร้พลังอำนาจแห่งกฏสายฟ้าผสานรวมอันใด แต่ก็มิใช่อะไรที่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอัจฉริยะทั้งหลายจะป้องกันได้ง่ายดายมิใช่หรือ?”

 

พอหูหลินอี้ได้สติกลับมา สองตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็ทอประกายขึ้นมาเจิดจ้า

 

“บางที…ผลงานของต้วนหลิงเทียนในแดนสวรรค์ใต้โบราณ…อาจจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรก!”

 

เดิมทีหูหลินอี้ประเมินเชวียจิงอวี่เอาไว้ว่า ไม่พ้นผลงานของอีกฝ่ายในแดนสวรรค์ใต้โบราณต้องติดอยู่ใน 100 อันดับแรกแน่นอน

 

แต่ตอนนี้พอเห็นชัยชนะอันราบคาบของต้วนหลิงเทียน จึงทำให้มันบังเกิดความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากขึ้นจมหู และเชื่อว่าเผลอๆต้วนหลิงเทียนอาจจะรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกได้สำเร็จ!

 

สำหรับ 3 อันดับแรก หรืออันดับที่ 1 นั้น ตัวมันยังไม่กล้าคิดฝัน

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ดินแดนพันประเทศนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอาจปรากฏยอดฝีมือเร้นลับ เหล่ายอดเซียนอมตะที่มารวมตัวกันคราวนี้ นอกจากคนของดินแดนพันประเทศแล้ว ยังมียอดฝีมือจากขุมกำลังระดับ 8 อีกมากมาย

 

ที่สำคัญก็คือเหล่าขุมกำลังระดับ 7 ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่าง 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ส่งมือดีมาเข้าร่วมด้วย และพวกมันก็คือยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมืออีกที!

 

หากคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลคิดแสวงหาความก้าวหน้าและเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น ก็มีแต่ต้องแสดงพลังฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์จนเข้าตาแมวมองของคฤหาสน์เฉวียนโยว นอกจากนั้นการที่จะมีโอกาสได้แสดงพลัง อย่างน้อยๆก็ต้องโดดเด่นเหนือกว่าคนใน 3 นิกาย 2 ตระกูลให้ได้เสียก่อน

 

จึงกล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออก อัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ล้วนคิดใช้โอกาสนี้แสดงผลงานด้วยกันทั้งสิ้น…

 

ในบรรดาอัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะเหล่านั้น มีแม้กระทั่งผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งอย่างที่สองแล้ว

 

“ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งมิใช่ชั่ว…แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินอย่างที่สอง”

 

“กล่าวได้ว่าต่อหน้าสุดยอดอัจฉริยะของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ต้วนหลิงเทียนยังขาดอยู่บ้าง…ไม่พอจะโดดเด่นเหนือพวกมัน!”

 

หูหลินอี้ลอบพึมพำกับตัวเบาๆ