ตอนที่ 2573 เมืองกระทิงเขียว

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“ข้านั้นไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะไปยังนิกายสวรรค์หยกแท้เพราะเหตุใดเพราะไปตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายหรอก” หลัวหยุนชิงกล่าวขึ้นเสริม

แม้ว่าห้ายอดแดนสวรรค์นี้จะมีดินแดนสวรรค์ทั้งห้าอยู่เคียงข้างกันมานานปีแต่ความขัดแย้งระหว่างพวกเขานั้นก็ไม่เคยจะมีวันใดที่หยุดลง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งของดินแดนสวรรค์ห้าแสงและสี่ดินแดนสวรรค์ที่เหลือนั้นมันเหมือนดั่งน้ำกับน้ำมัน

ก่อนนั้นในยุคสมัยการผงาดของเหยียนยูเจินเขาได้ปกครองทั้งดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงไว้หมดสิ้นและทำให้นิกายสวรรค์หยกแท้กลายเป็นนิกายสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้นไป

จากนั้นเหยียนยูเจินก็ได้ร่วมมือกันผู้นำของสามดินแดนสวรรค์ที่เหลือทำการเข้ารุกโจมตีดินแดนสวรรค์ห้าแสง

การรบในครั้งนั้นมันทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน!

แต่ว่าในยุคเดียวกันนั้นทางดินแดนสวรรค์ห้าแสงเองก็ได้มียอดคนผู้หนึ่งผงาดขึ้นมาเช่นกัน เขาผู้นั้นมีนามว่าโฉปู้ฉุน

เขานั้นได้นำกำลังของฝ่ายดินแดนสวรรค์ห้าแสงเข้ารบจนฟ้าดินแทบถล่มทลายเดือนตะวันจางหายไปจากฟ้ากว้าง

โฉปู้ฉุนนั้นเก่งกาจเหนือล้ำกว่าเหยียนยูเจินและกดหัวของเหล่ายอดฝีมือจากสี่ดินแดนสวรรค์ไว้ได้สิ้นด้วยกำลังของเขาเพียงผู้นี้ เล่นงานเหยียนยูเจินจนบาดเจ็บสาหัส

จากนั้นมาดินแดนสวรรค์ห้าแสงจึงตั้งมั่นได้แม้จะถูกการโจมตีจากดินแดนสวรรค์ทั้งสี่

แน่นอนว่าหลังจากเรื่องราวในครั้งนั้นห้ายอดแดนสวรรค์นั้นต่างก็สูญเสียยอดฝีมือไปมากมายและต้องเข้าสู่สภาวะฟื้นตัว

หลังจากที่เย่หยวนได้ยินเรื่องราวแล้วเขาก็ได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของทวีปพิรุณใสขึ้นอย่างมาก

เขาคาดว่ามันคงเป็นศึกนี้ที่ทำให้เขาแห่งถงเทียนนั้นเสียหายและทำให้เหยียนยูเจินต้องเอามันไปบ่มเพาะรักษาฟื้นฟูด้วยพลังของมหาพิภพถงเทียนทั้งหมด

เพียงแค่ว่าหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอีก ไม่มีใครทราบได้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมหาพิภพถงเทียนก็คงรอดจากภัยได้แล้ว!

เย่หยวนพยักหน้ารับ “เอาล่ะ เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าคงติดค้างผู้อาวุโสหลัวแล้ว วันหน้าหากข้ามีโอกาสข้าย่อมจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน!”

จะบอกว่าหลัวหยุนชิงนั้นปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตเย่หยวนไว้ก็คงไม่ผิด

เรื่องราวในครั้งนี้เย่หยวนย่อมจะต้องตอบแทนแน่นอน

หลังจบศึกในอดีตนั้นนิกายสวรรค์หยกแท้ก็ตกต่ำลงอย่างมาก แน่นอนว่าพวกเขาจะเกลียดชังผู้บรรลุสวรรค์จนถึงกระดูกดำ

หลัวหยุนชิงยิ้มกว้างออกมา “ได้คำสัญญาจากน้องเย่เช่นนี้แล้วหลัวผู้นี้ก็รู้สึกอุ่นใจนัก! ดินแดนสวรรค์ห้าแสงของเรานั้นขาดแคลนนักหลอมโอสถสวรรค์อยู่เสมอ ด้วยความสามารถของน้องเย่นั้น วันหน้าเจ้าย่อมจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่ผิดแน่!”

เย่หยวนยิ้มออกมา “ผู้อาวุโสหลัวจะถ่อมตนเกินไปแล้ว! ข้ายังติดใจเหลือเกินว่าสถานการณ์ภายในดินแดนสวรรค์ห้าแสงตอนนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง?”

พูดถึงตรงนี้ขึ้นมาหลัวหยุนชิงก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้น “แท้จริงแล้วสถานการณ์ภายในของดินแดนสวรรค์ห้าแสงเราเองก็ไม่ค่อยจะดีนัก! เพราะเวลานี้ดินแดนสวรรค์ห้าแสงมันถูกปกครองไว้ด้วยห้านิกายสวรรค์ใหญ่ๆ และเดิมทีภายใต้การนำของท่านโฉนั้นพวกเราทั้งห้านิกายสวรรค์ต่างร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันสิ้น! แต่หลังจากศึกในครั้งนั้นท่านโฉเองก็หายตัวไปทิ้งดินแดนสวรรค์ห้าแสงไว้ในสภาพไร้ผู้นำ เวลานี้เหล่านิกายสวรรค์ทั้งหลายต่างไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครฟังใครแต่ละฝ่ายปกครองกันไปของใครของมัน หลัวผู้นี้สังกัดอยู่ในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นทางด้านตะวันตก เป็นผู้ที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงนี้!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วหลังข้าไปถึงดินแดนสวรรค์ห้าแสงแล้วข้าจะเข้าเป็นคนของนิกายยุทธมั่น?”

หลัวหยุนชิงยิ้มขึ้น “ปกติแล้วผู้บรรลุสวรรค์ทั่วๆ ไปจะไม่มีสิทธิเข้าร่วมนิกายสวรรค์ตรงๆ พวกเขานั้นต้องไปรับการทดสอบเพื่อที่จะเข้าเป็นศิษย์ชั้นนอกของนิกายก่อน เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายจึงอยู่ได้แค่ในอาณาจักรชั้นในเท่านั้น แต่แน่นอนว่าด้วยความสามารถของน้องเย่แล้ว มันย่อมจะไม่ต้องไปทำอะไรให้ยุ่งยากเช่นนั้นหรอก”

พูดไปหลัวหยุนชิงก็หยิบเอาเหรียญตราสีเขียวขึ้นมา “นิกายสวรรค์ยุทธมั่นของเรานั้นมีตราสีฟ้า แดง เขียวและม่วงตามระดับของผู้พิทักษ์ โดยตราระดับสีม่วงนั้นมันคือยศที่สูงที่สุด! เจ้าเหรียญตราปีกเขียวนี้มันเป็นสัญลักษณ์แทนตัวผู้พิทักษ์ปีกเขียว หากเจ้าถือมันไว้กับตัวเจ้านั้นก็จะมีตำแหน่งในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเป็นรองแค่หลัวผู้นี้เท่านั้น!”

เย่หยวนนั้นหยิบเหรียญนั้นขึ้นมาดูด้วยความตกตะลึง ไม่นึกฝันว่าหลัวหยุนชิงนั้นกลับจะให้ตำแหน่งที่สูงล้ำเช่นนี้แก่เขาทันทีทันใด

ไม่ต้องคิดก็พอเดาได้ว่าผู้พิทักษ์ปีกเขียวนี้คงต้องเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำเท่านั้นที่จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งได้

แต่เขานั้นกลับเอามันมอบให้แก่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง!

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะตอบรับทันที “ขอบพระคุณผู้อาวุโสหลัว!”

หลัวหยุนชิงนั้นยิ้มตอบ “หลัวผู้นี้ซ่อนตัวมานานนับสิบปีและได้รู้เรื่องราวของน้องเย่มามาก ข้ารู้ดีว่าตราปีกเขียวนี้มันอาจจะต่ำเกินฝีมือของเจ้าไปมากแต่ด้วยพลังบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้มันจึงเป็นการยากหากจะให้ตำแหน่งที่สูงกว่านี้ไป หลัวผู้นี้จะรอดูวันที่น้องเย่แสดงฝีมือให้คนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเราต้องตกตะลึง! เอาล่ะ เวลามันก็ล่วงเลยมานานแล้ว รีบมุ่งหน้าไปยังชายแดนกันก่อนเถอะ ไปถึงแล้วมันจะมีคนออกมารับเรากลับไปที่นิกายสวรรค์เอง”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งตัวตามหลัวหยุนชิงออกไป

แต่ก่อนจะเดินทางจากอาณาจักรตะวันออกนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้กลับเข้าไปพาตัวหลินหลานมาด้วย

เมืองกระทิงเขียว เมืองน้อยๆ ที่ขอบชายแดนระหว่างดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงและดินแดนสวรรค์ห้าแสง

พวกเย่หยวนทั้งสามคนนั้นเดินทางกันมานับหมื่นๆ กิโลเมตรและต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีจึงจะมาถึงได้

นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นได้ตั้งจุดส่งนำทางไว้ทั่วชายแดน เมืองกระทิงเขียวนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่เมื่อเข้ามาถึงเมืองกระทิงเขียวสีหน้าของหลัวหยุนชิงก็ต้องเปลี่ยนสีไป

เพราะเวลานี้เมืองกระทิงเขียวมันถูกพังจนราบ

ภายในซากของเมืองนั้นมันมีซากศพและคนบาดเจ็บนอนเรียงรายมากมาย

“ท-ท่านหลัว! ท่าน… กลับมาแล้ว!” ในเวลานั้นเองมันก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวขึ้นมารับหน้าหลัวหยุนชิงด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจเหมือนได้เห็นความหวัง

ชายวัยกลางคนผู้นี้เองก็มีบาดแผลทั่วร่างเช่นกัน อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แต่ก็ยังไม่เป็นอันตรายถึงตาย

หลัวหยุนชิงนั้นขมวดคิ้วแน่นถามขึ้นมา “เหยาชิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เหยาชิงรีบตอบกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า “ข้านั้นเองก็ไม่รู้เรื่องราวมากมายนัก จุดนำทางของเราหลายต่อหลายจุดนั้นถูกตรวจพบทำให้เล้งตงหยูนำกำลังมากมายเข้ามาโจมตีและทำลายจุดนำทางของเราสิ้น เรานั้นบาดเจ็บล้มตายกันอย่างมาก! และเมื่อวานนี้มันก็มียอดฝีมือจากทางนิกายสวรรค์หยกแท้เข้ามาโจมตีเมืองกระทิงเขียวเรา ท่านติงเชานั้นตายลงในศึกครั้งนี้และยังมีคนที่โดนสังหารไปอีกมากมาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมันมากกว่าเจ็ดในสิบด้วยซ้ำ! เรา… เราจะยอมทนรับมันไม่ได้!”

หลัวหยุนชิงนั้นหรี่ตาลงด้วยความเย็นเยือก

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากร่างของเขา!

“เล้งตงหยู หึๆ ดี!”

หลัวหยุนชิงนั้นยิ้มออกมาด้วยความเย็นเยือกที่เฉือนกระดูก

เขาหันไปบอกเหยาชิง “เจ้าไปรวบรวมคนที่พ่ายแพ้และถอนกำลังกลับไปที่นิกายก่อน! ข้าจะจัดการเรื่องที่เหลือจากนี้เอง!”

เหยาชิงพยักหน้ารับ “ขอรับ!”

หลัวหยุนชิงหันมาหาเย่หยวนพร้อมกล่าว “น้องเย่ เดิมทีข้านั้นก็คิดจะไปส่งเจ้าให้ถึงนิกายด้วยตัวเองแต่ดูท่าตอนนี้มันคงไม่เหมาะแล้ว! ระหว่างทางนั้นข้าคงต้องฝากเจ้าไว้กับเหยาชิงแทน”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสหลัวไปเถอะ เย่ผู้นี้ไม่ได้โง่เง่านักข้ายังพอจะมีไม้เด็ดอยู่บ้าง แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยให้ท่านจัดการเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำได้เด็ดขาดแต่มันก็อาจจะยังพอใช้ได้บ้าง! การเดินทางนี้ของผู้อาวุโสหลัวมันอันตราย ท่านรับมันไว้เถอะ”

หลัวหยุนชิงนั้นย่อมไม่คิดว่ามันจะช่วยอะไรได้มากแต่เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธเย่หยวน “จะปฏิเสธมันคงเป็นการเสียมารยาทแล้ว! หลังจากที่หลัวผู้นี้กลับไปถึงนิกายข้าขอดื่มกับเจ้าเสียหน่อยแล้วกัน!”

เสียงของเขายังไม่ทันจางหายแต่ตัวหลัวหยุนชิงก็หายไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งหลายแล้ว

ได้ยินคำพูดของคนทั้งสองนั้นเหยาชิงก็แทบจะลืมหายใจไป

ท่านหลัวนั้นกลับไปเรียกนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งว่าน้อง!

เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน?

เหยาชิงนั้นไม่กล้าจะเสียมารยาทจึงได้กล่าวขึ้นมาต่อเย่หยวน “น้องชายท่านนี้ เหยาผู้นี้จะพาเจ้ากลับไปยังที่พักก่อน แล้วเราค่อยจะออกเดินทางกันวันพรุ่ง”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าคงต้องลำบากพี่เหยาแล้ว! หลินหลาน เจ้าตามพี่เหยาไปดูหน่อยว่ามันมีอะไรที่เจ้าพอจะช่วยได้หรือไม่”

หลินหลานก้มหัวรับ “ขอรับอาจารย์!”

เหยาชิงที่ได้ยินก็ต้องผงะไปอีกครั้งก่อนจะมองดูหลินหลานด้วยสายตาสงสัย “เจ้ามิใช่ผู้บรรลุสวรรค์!”

หลินหลานพยักหน้าตอบ “หลินผู้นี้เป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง หวังว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง”

เมื่อเหยาชิงได้ยินเขาก็ยิ่งตกตะลึงไปกันใหญ่

นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองผู้ยิ่งใหญ่นั้นกลับมาก้มหัวคารวะผู้บรรลุสวรรค์เป็นอาจารย์?

สายตาที่เขามองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งมากความสงสัยขึ้นทุกที

คนผู้นี้เป็นใครมาจากที่ไหนกันแน่?

………..