ในคืนเดียวกันนั้นหลินหลานก็ได้กลายเป็นคนที่ยุ่งที่สุดในเมืองกระทิงเขียวไป
แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นที่เคารพของทุกผู้คนเช่นกัน
นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นกลับลงมือรักษาผู้คนทั้งหลายอย่างไม่ถือตัว
ตอนแรกๆ คนทั้งหลายก็ย่อมจะยังกังวลอยู่ไม่น้อยแต่ไม่นานความกังวลนั้นมันก็ได้เปลี่ยนเป็นความเคารพ
“อาจารย์หลิน ท่านนั้นช่างเป็นหมอเทวดาโดยแท้! แค่ขยับมือไม่กี่ครั้งอาการบาดเจ็บภายในของข้ามันก็แทบจะหายลงสิ้น”
“อาจารย์หลิน หากไม่มีท่านแล้วไม่รู้ว่าพวกเราจะต้องตายกันไปอีกกี่คน!”
“อาจารย์หลิน ท่านรีบๆ ดูให้ข้าหน่อยเถอะ ข้ารอนานแล้วนะ!”
…
คนทั้งหลายนั้นรู้สึกนับถือชื่นชมตัวเขาอย่างมากทำให้หลินหลานเองก็รู้สึกพึงพอใจ
เขานั้นเคยเป็นคนมากอำนาจเหนือล้ำกว่าใครๆ มาก่อน
แต่มันมากล้ำจนเขานั้นหลงใหลไปกับมัน จนถึงตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะได้รู้ว่าอำนาจที่เขามีก่อนหน้านั้นมันเกิดจากความกลัว มิใช่ความเคารพ
แต่เวลานี้เหล่าผู้บรรลุสวรรค์ทั้งหลายนั้นได้คารวะเคารพเขาอย่างสุดหัวใจ ไร้ความกลัวใดๆ
ความรู้สึกเป็นที่ต้องการนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีอย่างมาก!
ที่สำคัญยิ่งติดตามเย่หยวนมานานวันเข้าเขาก็ยิ่งได้เข้าใจความลึกล้ำของเย่หยวน
หลังจากที่ได้รับคำชี้แนะโดยตรงจากเย่หยวนไปนั้นวิชาการโอสถและวิชาการรักษาของเขามันก็พัฒนาขึ้นไปอย่างเหลือเกินกว่าจะเชื่อ
เป็นตอนนี้เองที่เขาได้รู้ว่าวิชาการโอสถที่เขาเคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจนั้นมันเป็นแค่การละเล่นของเด็กน้อย!
ก่อนๆ มานั้นเขาเคยคิดว่าเส้นทางการโอสถเบื้องหน้าของเขามันคับแคบลงทุกที
แต่เวลานี้เขากลับได้พบว่าเส้นทางนี้มันยิ่งใหญ่ทอดยาวเกินกว่าที่เขาจะเดินไปได้ด้วยซ้ำ!
“จะเบียดทำไม! จะเบียดทำไม! เจ้าเด็กโอหังคนนี้มันมาจากไหนกัน ไม่รู้จักมารยาทบ้างหรือ? ขืนยังเบียดต่อไปเจ้าเชื่อหรือไม่ว่าพ่อเจ้านี้จะกระทืบเจ้าลงเสียตรงนี้?” เกิดเสียงคนพูดว่าขึ้นมาที่ด้านหลัง
“พี่ชายท่านนี้ ถอยไปหน่อยจะได้หรือไม่?”
นอกที่พักของหลินหลานนั้นมันมีคนล้อมไว้จนไม่มีที่จะแทรกเบียดเข้าไปได้ เย่หยวนที่ไม่มีทางจะเดินจึงได้แต่ต้องหันไปบอกคนที่ยืนบังอยู่ด้านหน้า
ต้วนเถานั้นหันหน้ามามองและเห็นเย่หยวนจึงได้ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “จะมาก่อเรื่องอะไร ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ท่านอาจารย์หลินกำลังรักษาคนอื่นอยู่? หากคิดจะรับการรักษาก็ไปต่อแถว!”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องชะงักงันและถอยไปข้างหลังเล็กน้อยไม่รู้ต้องตอบอย่างไรไปสองนาน แต่สุดท้ายก็เลือกจะพูดไปตรงๆ “ข้าไม่ได้มารับการรักษา ข้ามาหาหลินหลาน”
เมื่อต้วนเถาได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ “โอหัง! คนอย่างเจ้านี้ก็มาเรียกนามอาจารย์หลินห้วนๆ ได้หรือ? ไสหัวไปเสีย! หากยังมาก่อกวนการรักษาของอาจารย์หลินแล้วพ่อเจ้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
ต้วนเถานั้นคือผู้นำของกลุ่มคนทั้งหลายในวันนี้เขานั้นมีพลังฝีมือแข็งแกร่งถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นสุด
การจัดระเบียบการรักษาในวันนี้มันก็มีเขาเป็นคนดูแล
ได้เห็นว่าเย่หยวนคิดจะมาแทรกแถวเช่นนั้นเขาย่อมจะไม่ยอมอยู่เฉย
เย่หยวนเองก็ไม่รู้ต้องบอกยังไงที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเขาไม่อยากจะกวนสมาธิการรักษาของหลินหลานจึงเดินออกไปยืนรออยู่นอกแถวคน
ได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดขัดขืนอะไร เช่นนั้นต้วนเถาก็ยิ้มกว้างขึ้นมา “ไอ้ขี้ขลาด! คิดมาลัดคิวต่อหน้าพี่ต้วนคนนี้มันยังเร็วไปร้อยปี!”
เมื่อคนทั้งหลายเห็นว่าเย่หยวนนั้นไม่ตอบโต้อะไรพวกเขาก็ย่อมจะแอบหัวเราะกันขึ้นมา
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจสายตาของผู้คนและเดินไปหามุมพักของตัวเอง
และมุมที่เขาเลือกนี้มันก็พอดีที่จะเห็นถึงการรักษาของหลินหลานด้วย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแต่ในที่สุดหลินหลานก็รักษาคนทั้งหลายจนเสร็จสิ้นและคิดจะกลับไปรายงานเรื่องราวแก่เย่หยวนจึงได้เดินออกมาภายนอก
“อาจารย์หลินออกมาแล้ว! เปิดทางเร็ว!” ต้วนเถารีบกล่าวขึ้นมา
“หึๆ อาจารย์หลินท่านช่างมีฝีมือที่สมบูรณ์แบบนัก เป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง! ข้านั้นขอเป็นตัวแทนคนเมืองกระทิงเขียวกล่าวขอบคุณท่านอาจารย์หลิน” ต้วนเถากล่าวขึ้นมาด้วยความชื่นชม
คำพูดของเขานี้มันกลั่นมาจากหัวใจ
คนทั้งหลายนั้นบาดเจ็บกันไม่น้อยและบ้างก็ถึงขั้นอาจตายลงได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที
หลินหลานยิ้มตอบกลับไป “ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วย!”
ต้วนเถาจึงกล่าวขึ้นต่อ “อาจารย์หลิน ท่านเหยานั้นบอกว่าเขาได้เดินทางไปจัดการเรื่องราวให้ท่านแล้วและจะมาหาท่านในอีกสักครู่!”
หลินหลานพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป
แต่เมื่อเขาออกมาเขาก็พบว่าเย่หยวนกำลังยืนรออยู่ไม่ไกล
ต้วนเถาที่เห็นว่าเย่หยวนยังยืนอยู่ตรงนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าจะยังทำอะไรอยู่อีก? ในเมื่อเจ้าไม่ได้บาดเจ็บอะไรก็ไปหาเรื่องช่วยงานท่านเหยาไป ทางนั้นเขาต้องการคนเยอะ! รีบๆ ไปเสีย!”
พูดจบเขาก็รีบหันหน้าไปอธิบายแก่หลินหลาน “อาจารย์หลิน เด็กหนุ่มคนนี้มันคิดจะลัดแถวเข้าไปทำให้ข้าต้องออกมาไล่มัน…”
ต้วนเถาพูดต่อไปไม่หยุดแต่หลินหลานกลับเดินมุ่งหน้าไปหาเย่หยวนอย่างไม่คิดเอ่ยอะไรออก
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้มหัวคารวะเย่หยวนก็กล่าวขึ้นมาขัดก่อน “วิชาจุดไท่หยวนแรงไปร้อยละสามสิบ ปราณเทวะถ้วยกงนั้นไม่มีความเสถียรพอ ปริมาณหญ้าหยุดกลิ่นมันมากเกินไปห้ากรัม…”
จากนั้นเย่หยวนก็ร่ายยาวถึงความผิดพลาดต่างๆ ออกมาทำให้คนทั้งหลายต้องหันมามองอย่างมึนงง
แต่ไม่นานเขาก็ได้พบว่าเย่หยวนนั้นกำลังพูดถึงวิธีการรักษาของหลินหลาน
หลังจากที่ต้วนเถาได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกลับมาคิดสั่งสอนอาจารย์หลินกัน?”
“แค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยกลับกล้ามาสั่งสอนนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง! เจ้าบ้าหรือ?”
“อาจารย์หลิน ท่านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้พวกเราจัดการต่อให้เอง”
…
ไม่นานมันก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาจากรอบทิศ
นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งกลับมาสั่งสอนนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสอง นี่มันคือเรื่องตลกอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและยังคงกล่าวถึงความผิดพลาดต่างๆ ออกมาไม่หยุด
ต้วนเถานั้นเริ่มจะหมดความอดทนและกล่าวว่าขึ้น “เด็กน้อย อาจารย์หลินท่านไม่คิดยุ่งด้วยแต่เจ้ากลับไม่หยุดแล้วมาอวดดีหรือ? เมื่อไหร่จะหุบปาก? เจ้าคิดว่าพ่อเจ้านี้ไม่กล้าสังหารเจ้าลงหรืออย่างไร?”
ต้วนเถานั้นถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมเดินเข้าหาเย่หยวน
แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนก็ได้พูดกล่าวออกมาจนหมดพอดี
หลินหลานที่ได้ฟังจนจบจึงก้มหัวลงรับ “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอน!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ความมุ่งมั่นมันจะช่วยกลบจุดอ่อนของเจ้าได้ แต่จะอย่างไรเจ้าก็ไร้พรสวรรค์ โชคยังดีที่เจ้ารู้ตัวได้ทันเวลา จากนี้ไปก็จงฝึกฝนให้มากและทำความเข้าใจมันเสีย”
“ขอรับอาจารย์!” หลินหลานก้มหัวรับ
คนทั้งหลายต่างอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนเถาที่ได้แต่ยืนถกแขนเสื้อด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
“อ-อาจารย์”
“อาจารย์หลินเรียกเขาว่าอะไรนะ? ข-ข้าหูฝาดไปหรือ?”
“ตลกแล้ว! อาจารย์หลินกลับไปกราบนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่งเป็นอาจารย์!”
“ใช่แล้ว มันต้องเป็นเรื่องตลกแน่! หึๆ อาจารย์หลินนี่ช่างมีอารมณ์ขันนัก”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างแตกตื่นไปตามๆ กัน
เพราะว่าตอนแรกพวกเขาต่างมองดูว่าเย่หยวนจะเจอจุดจบเช่นใด แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นฝ่ายหลินหลานที่ก้มหัวให้!
หลินหลานนั้นแสดงท่าทีสุภาพและเคารพแก่เย่หยวนอย่างมาก
เหลือเชื่อ!
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็ได้ปรากฏเงาร่างของผู้คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ดวงตาของต้วนเถาที่ได้เห็นหน้าคนทั้งหลายนั้นต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ม-หม่าเหลียง! ตู้เฉียน! พ-พวกเจ้าตายกันไปแล้วมิใช่หรือ? มัน… กลับมามีชีวิตได้อย่างไรกัน?” ต้วนเถากล่าวขึ้นด้วยใบหน้าราวกับได้เห็นผี
เหยาชิงนั้นพาคนทั้งหลายนี้เดินเข้ามา
จนทำให้กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ต้องแตกตื่นอีกครั้ง!
เพราะว่าคนที่เดินตามเหยาชิงมานั้นมันคือคนที่ถูกยืนยันว่าตายไปแล้ว!
ที่สำคัญไปกว่านั้นศพของพวกเขายังถูกโยนลงไปในหลุมรวมศพแล้วด้วย
เวลานี้คนทั้งหลายนั้นกลับลุกขึ้นมามีสภาพสมบูรณ์พร้อม มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตกตะลึง?
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเจ้ากลับยังไม่ตายหรือ!”
“เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าพวกเจ้านั้นถูกใครเอาไปทำเป็นหุ่นเชิดศพ? ใช่ มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
…
เมื่อหม่าเหลียงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตะโกนด่ากลับไป “ไอ้บ้าเจียงหยาง! เจ้าสิที่ถูกคนเอาไปทำเป็นหุ่นเชิด! ให้ตาย! ข้านั้นถูกอาจารย์เย่ท่านช่วยชีวิตไว้แต่เจ้ากลับมาแช่งข้าให้ตายอีกแล้ว!”
คนทั้งหลายนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้าเย่หยวนก่อนจะคุกเข่าก้มกราบลง “เราขอบพระคุณอาจารย์เย่ที่ช่วยชีวิตเราไว้ บุญคุณนี้เราจะจำไปชั่วชีวิต”
เย่หยวนนั้นสั่งให้หลินหลานออกมารักษาคนป่วยแน่นอนว่าตัวเขาก็ย่อมจะไม่อยู่เฉย
เขานั้นไปดูคนที่อาการหนักหรือถูกบอกว่าตายไปแล้วและช่วยชีวิตคนเหล่านั้นกลับมาได้ถึงสี่คน!
คนทั้งสี่นั้นก็คือพวกหม่าเหลียงตรงหน้านี้!
เหยาชิงได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตกตะลึง ตอนแรกที่เขาได้เห็นคนทั้งสี่นี้ตัวเขาเองก็นึกว่าโดนผีหลอกแล้วเช่นกัน
คนตายกลับลุกขึ้นมาได้อย่างไร?
แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวจากปากของพวกหม่าเหลียงทั้งสี่เขาจึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วคนทั้งหลายนี้ถูกเย่หยวนชุบชีวิตกลับขึ้นมา!