บทที่ 1794 สีหน้าอันคุ้นเคย + ตอนที่ 1795 no problem

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1794 สีหน้าอันคุ้นเคย

โอหยางซานซานหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแล้วเลื่อนจานหนีอย่างรวดเร็วพลางกล่าวเสียงนิ่ง “ฉันไม่ชอบทานขนม ขอบคุณน้ำใจของคุณจ้าว”

“อาเมย์เมื่อวานเธอยังชมว่าขนมอัลมอนด์อร่อยอยู่เลย สบายใจได้เธอไม่อ้วนเลยสักนิดเดียว ทานขนมหนึ่งชิ้นไม่เป็นไรหรอก” โจวจื่อหัวพูดเชิงล้อเล่น เขาคิดว่าโอหยางซานซานกลัวอ้วนถึงไม่กล้าทานขนมหวาน

“พ่อคะ…หนูอยากลดความอ้วนจริง ๆนะ…”

โอหยางซานซานหยิกต้นขาตัวเองแรง ๆหนึ่งทีพยายามหักห้ามความต้องการเอาไว้แล้วพูดอ้อนเสียงกระเง้ากระงอด ทำเอาเหมยเหมยที่ฟังอยู่ขนลุกซู่

โจวจื่อหัวพึงพอใจกับการอ้อนของคนสวยอย่างมากเลยไม่ได้เอ่ยถึงขนมอีก โอหยางซานซานถอนหายใจโล่งอกทีหนึ่งพลางคีบเกี๊ยวกุ้งสีใสจากอีกจานมาทานช้า ๆ แต่ตาเหลือบมองขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงเป็นระยะ ๆ ดูท่าทางน่าอร่อยดีจัง

เหมยเหมยใจกระตุก สีหน้าท่าทางแบบนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอเคยเห็นมันจากไหนนะ?

อาการปวดศีรษะเริ่มกลับมาอีกครั้งทำให้เหมยเหมยไม่กล้าคิดเยอะไปมากกว่านี้ พอทานขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงไปสองชิ้นก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับโจวจื่อหัวยังให้เธอห่อขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงกลับไปด้วยหนึ่งกล่อง “ชอบทานก็ทานเยอะ ๆนะ”

“ขอบคุณค่ะลุงหัว”

เหมยเหมยไม่ปฏิเสธน้ำใจเพราะขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงรสชาติดีจริง ๆ เธอจะเอากลับไปค่อย ๆทานเพราะฝีมือการทำอาหารของเชฟภัตตาคารป้าหวังไม่ได้จะหาทานได้ง่าย ๆ

พวกอู่เชาต่างก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน เซียวเซ่อตาเป็นประกายหรือบางทีอาจจะเพราะประสาทรับรู้เรื่องของกินว่องไวมาก เธอยักไหล่แล้วถาม “มือเธอติดของอร่อย ๆอะไรมา? หอมจัง!”

“ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงของภัตตาคารป้าหวัง อร่อยมาก”

เหมยเหมยวางกล่องขนมไว้บนโต๊ะแล้วเปิดกล่องเผยให้เห็นขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงเหลืองอร่ามหอมกรุ่นเรียงเป็นแถว กลิ่นหอมเข้มข้นนั้นเรียกให้เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่คว้าหนึ่งชิ้นขึ้นทานทันที

“อร่อย อร่อยมาก ทำไมเธอไม่เอากลับมาเยอะหน่อยล่ะ?”

เซียวเซ่อมักเป็นคนที่ความอยากมีมากกว่าท้องอยู่แล้ว เห็นว่ามีขนมเพียงยี่สิบชิ้นก็กลัวจะไม่พอทาน

“ทานหมดก็ค่อยไปซื้ออีกสิ เธอรีบร้อนอะไร?” เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอทีหนึ่งกลับเห็นว่าอู่เชาในตอนนี้ยืนนิ่งไปแล้ว

อู่เชามองขนมบนโต๊ะเตี้ยด้วยสีหน้าสับสน อยากทานแต่ก็ไม่กล้าทาน เขาโอดครวญเสียงดัง “จ้าวเหมยเธอมันจงใจชัด ๆ รู้ทั้งรู้ว่าฉันทานไม่ได้ดันเอากลับมายั่วฉัน!”

“พวกเธออย่ามาทานต่อหน้าฉันนะ…อ๊าก…ทนไม่ไหวแล้ว…”

อู่เชาเอามือปิดตาและจมูกอย่างหงุดหงิด มองไม่เห็นไม่ได้กลิ่นคงอดใจไหวสินะ!

ในที่สุดเหมยเหมยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของโอหยางซานซานที่ภัตตาคารป้าหวังดูคุ้นตามาก มันเป็นสีหน้าเดียวกับอู่เชาในตอนนี้ไม่มีผิด เป็นความสับสนที่อยากทานแต่ก็ไม่กล้าทานเช่นกัน

คำถามคือโอหยางซานซานเองก็แพ้ถั่วลิสงหรือ?

“นายรู้ไหมว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้หรือเปล่า?” เหมยเหมยถามสยงมู่มู่

บรรดาพวกเขามีเพียงสยงมู่มู่ที่ใช้ชีวิตร่วมกับโอหยางซานซานมานานที่สุด สยงมู่มู่ชะงักไปโดยไม่เข้าใจความหมายของเธอ “จู่ ๆเธอถามเรื่องนี้ทำไม?”

“นายอย่าสนใจเลย นายแค่ตอบคำถามฉันมาว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้ไหมก็พอ?” เหมยเหมยปวดศีรษะก็น่าหงุดหงิดพอแล้วเลยเร่งเร้าให้เขารีบตอบ

สยงมู่มู่ขบคิดชั่วครู่แต่ก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย “ฉันกับหล่อนไม่ได้สนิทกันสักหน่อยแต่ไม่เคยได้ยินว่าทานถั่วลิสงไม่ได้นะ เมื่อก่อนตอนมาบ้านฉันบ่อย ๆไม่เห็นเธอแพ้อะไรเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

เหมยเหมยได้ยินว่าเป็นคำตอบที่ไม่มั่นใจเลยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “ทานขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงของนายไปเถอะ ฉันไปนอนแล้ว!”

ฟังดูแล้วเหมือนว่าโอหยางซานซานน่าจะทานถั่วลิสงได้ไม่อย่างนั้นจากนิสัยเอาแต่ใจอย่างสองแม่ลูกคู่นั้น หากทานถั่วลิสงไม่ได้จริง ๆหวงอวี้เหลียนต้องเอะอะโวยวายสั่งทางครัวอย่าเตรียมอาหารที่มีถั่วลิสงอีก แต่เธอจำได้ว่าตอนนั้นแม้หวงอวี้เหลียนจะรำคาญแต่ไม่เคยสั่งห้ามอะไรมาก่อน

…………………….

ตอนที่ 1795 no problem

เหมยเหมยคิดไม่ตกในเมื่อโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงทำสีหน้าคล้าย ๆอู่เชาล่ะ?

ทั้ง ๆที่เธอทำหน้าดูเหมือนอยากทานแต่ก็ไม่กล้าทานแบบนั้น?

ไม่ได้ วันไหนเธอต้องลองทดสอบดูสักหน่อยว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้หรือเปล่า เธอต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้

ขมับเริ่มปวดตุบ ๆขึ้นอีกครั้ง เหมยเหมยที่เตรียมจะขึ้นไปชั้นบนร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้เพราะอาการปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นกะทันหัน เธอจึงพิงกำแพงเอาสองมือกุมศีรษะไว้

“ทำไมถึงปวดมากขนาดนี้? ฉันจะรีบไปเอายาหม่องมา” เสี่ยวอวิ๋นถลาเข้าไปพยุงเธอไปตรงโซฟา ซึ่งทางอู่เชารีบยาหม่องมาให้อย่างลนลาน

แต่อาการปวดศีรษะครั้งนี้รุนแรงเป็นทวีคูณ ก่อนหน้านี้อาการจะทุเลาลงหลังทายาหม่องแต่ครั้งนี้กลับไม่มีผลใด ๆ ปวดเหมือนศีรษะใกล้ระเบิด เหมยเหมยเจ็บจนแทบทรงตัวไม่อยู่จนเธอขดงอตัวเป็นกุ้ง

“อย่าโทรหาพี่หมิงซุ่นนะ เดี๋ยวฉันก็หาย”

เหมยเหมยกลั้นความเจ็บไว้พร้อมเอ่ยสั่งเสี่ยวอวิ๋น ผู้หญิงคนนี้มักรายงานเหยียนหมิงซุ่นทุกเรื่องอย่างละเอียด ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นวางแผนจะมาวันพรุ่งนี้นั่นจึงบ่งบอกว่าวันนี้เขายังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ เธอจะเป็นตัวถ่วงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้

เสี่ยวอวิ๋นทำท่าลังเลแต่เหมยเหมยปั้นหน้าขึงขังใส่ กำลังจะพูดเน้นย้ำอีกทีแต่อาการปวดศีรษะก็กำเริบหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัวจนรู้สึกหน้ามืดเป็นพัก ๆ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

“โอเค ๆ ฉันไม่โทรหาคุณชายหมิงแล้ว คุณหนูอย่าพูดอะไรอีกเลย ฉันจะนวดให้”

เสี่ยวอวิ๋นจำต้องรับปากก่อนจะนวดบริเวณศีรษะให้เหมยเหมยที่ดูท่าทางจะบรรเทาลงทีละน้อย แต่อาการปวดยังคงดำเนินต่อไปซึ่งอาการที่ทุเลาลงไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย

“…โอ๊ย…ไปเชิญคุณหมอกู้มา….ให้เขามาฝังเข็มให้ฉันที…” เหมยเหมยพูดเสียงขาด ๆหาย ๆ เดิมทีอยากหาเวลาว่างไปตรวจดูอาการกับคุณหมอกู้สักหน่อยแต่ตอนนี้รู้สึกปวดแทบไม่ไหวแล้ว เธอทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ

เสียวหลี่ที่ทำตัวไม่ถูกได้ยินดังนั้นเลยรีบพุ่งตัวออกไปเตรียมตามหาคุณหมอกู้ด้วยความเร็วแสง

“คุณหมอกู้ไม่อยู่ฮ่องกง ไปมาเก๊าแล้ว” ไม่นานเสียวหลี่ก็กลับมาแต่มาพร้อมกับข่าวร้าย

เหมยเหมยในเวลานี้ปวดจนสะลืมสะลือสติเริ่มพร่าเบลอ เสี่ยวอวิ๋นกับเสียวหลี่ต่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เซียวเซ่อเลยพูดเสียงเด็ดขาด “ส่งโรงพยาบาล!”

ปวดจนหมดสติไปแบบนี้ต้องไม่ใช่อาการปวดทั่วไปแน่ อย่างไรเสียก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยถึงจะสบายใจกว่า

แต่ทว่า–

“ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น แค่นอนไม่พอกับเหนื่อยเกินไป พักผ่อนเยอะ ๆก็หาย”

เสียเวลาอยู่โรงพยาบาลไปครู่ใหญ่จับตรวจทุกซอกทุกมุมยันเส้นผมทุกเส้น แต่คุณหมอกลับบอกเพียงว่า ‘No problem’

ได้ฟังแล้วอยากตบคนเหลือเกิน!

“ปวดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญหาอะไรอีก? นี่คุณตรวจอาการเป็นหรือเปล่าเนี่ย?” เซียวเซ่อชี้ไปยังเหมยเหมยที่หน้าขาวซีดและสลบเหมือดไปแล้วและถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรอย่างมาก

คุณหมอกลับค่อนข้างใจเย็นอยู่เหมือนเดิม เขาหยิบผลสแกน CT แล้วก็ใบตรวจเลือดขึ้นมาอธิบายอย่างตั้งใจ ศัพท์แพทย์ที่ถูกเอ่ยติดต่อกันรัว ๆทำให้เซียวเซ่อไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นว่าใกล้จะระเบิดลงแล้วสยงมู่มู่เลยรีบห้ามเธอไว้

“ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรแต่ทำไมถึงอาการหนักขนาดนี้? เมื่อก่อนเธอไม่เคยปวดหัวขนาดนี้มาก่อนเลย”

คุณหมอคิด ๆแล้วก็ยิ้มตอบ “บางทีอาจเป็นเพราะเส้นประสาทรับรู้ความเจ็บปวดของเธอค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ถึงอย่างไรเราก็ต้องเชื่อผลตรวจ เพื่อนของพวกคุณสุขภาพแข็งแรงมาก วัยรุ่นก็อย่านอนดึก นอนเร็วตื่นเช้าดีต่อสุขภาพนะ!”

แต่ละคนจำต้องพาเหมยเหมยกลับบ้านอีกครั้งด้วยความระอา ความจริงก็โทษคุณหมอไม่ได้เพราะผลตรวจมากมายออกมาว่าไม่มีปัญหาและสุขภาพแข็งแรงดี…

แต่มันก็ปวดอยู่ดี!

ขณะใกล้พลบค่ำเหมยเหมยค่อย ๆฟื้นตัวขึ้นมา อาการปวดศีรษะทุเลาลงมาก เธอดูผลตรวจที่ดูไม่เข้าใจนั้นแล้วยิ้มกล่าว “ฉันก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก น่าจะเพราะช่วงนี้มีเรื่องกวนใจเยอะเกินไป รอพี่หมิงซุ่นมาฉันคงไม่ปวดแล้ว”

มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลย!

………………………