บทที่ 1802 แพ้อาหารทะเล + ตอนที่ 1803 หมดสติไปอีกแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1802 แพ้อาหารทะเล

เซียวเซ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หนึ่งชั่วโมงสามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย รวมถึงฆ่าคนด้วย”

เหมยเหมยแย้งขึ้นว่า “ไม่สิ ทางตำรวจถามคนที่อยู่ห้องชั้นล่างของห้องโอหยางสยงแล้ว คนในครอบครัวนั้นบอกว่าตอนเย็นหลังจากที่โอหยางซานซานจากไป ชั้นบนยังคงมีเสียงดังตึงตังอยู่ดังจนดึกดื่นถึงจะหยุดเลยนะ”

เธอปวดหัวอีกครั้ง สิ้นหวังเหลือเกิน เหมือนว่ามันจะวนกลับมาอีกครั้ง

เซียวเซ่อจ้องเธออย่างดูถูกแวบหนึ่ง “โชคดีที่เธอเขียนหนังสือที่อ้างอิงหลักการเหตุผล คนที่เคลื่อนไหวนอกจากโอหยางสยงแล้วอาจจะมีฆาตกรด้วยก็ได้นี่”

เธอชะงักพลางพูดต่อว่า “ถ้าหากฉันเป็นโอหยางซานซาน แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องสร้างหลักฐานว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เธอเพียงแค่สร้างสถานการณ์ลวงว่าโอหยางสยงยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่เธอจากไปแล้วเพื่อทำให้ตำรวจเข้าใจผิด ลบล้างข้อสงสัยให้กับตัวเอง แม้ว่าวิธีนี้จะล้าสมัยไปแล้วแต่มันกลับได้ผลมาก”

“กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าหลังจากที่โอหยางซานซานฆ่าโอหยางสยงแล้วก็แสร้งทำเป็นกลับไป จากนั้นก็แอบกลับมาใหม่ในตอนกลางคืนเพื่อจงใจสร้างสถานการณ์ลวงว่าโอหยางสยงยังมีชีวิตอยู่”

อู่เชาสรุปการคาดเดาของเซียวเซ่อ  เซียวเซ่อพยักหน้า “อีกประเด็นหนึ่งคือเจ้าของร้านลูกชิ้นปลาบอกว่า หลังจากที่โอหยางซานชานจากไปครั้งสุดท้ายโอหยางสยงก็ไม่เคยไปกินลูกชิ้นปลาอีกเลย แต่เมื่อก่อนจะไปซื้อลูกชิ้นปลากินกลางดึกทุกคืน”

“นี่ก็อธิบายได้ว่าโอหยางซานซานน่าจะไม่รู้ว่าโอหยางสยงมีความชอบนี้ ต่อให้เธอรู้เธอก็ไม่สามารถปลอมตัวเป็นโอหยางสยงไปซื้อลูกชิ้นปลาได้อยู่ดี” สยงมู่มู่พูด

พวกเขาพูดต่อกันคนละประโยค เงื่อนงำปริศนาที่ถูกปกปิดไว้ เหมือนเปลือกผิวของหัวหอมที่ค่อย ๆถูกลอกออกทีละชั้นเผยความจริงออกมาให้เห็น

ศีรษะของเหมยเหมยปวดหนักขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดเอาปลอกปากกาเคาะที่ขมับจนบุบลงไปแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังออกแรงเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวอวิ๋นเห็นแล้วก็เป็นห่วง เธอหยิบปลอกปากกาออกแล้วนวดให้เหมยเหมย

“หากยังปวดแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ฉันส่งคนไปตามหมอกู้ที่มาเก๊าแล้ว ถ้าทุกอย่างราบรื่นตอนเย็นนี้ก็น่าจะกลับมาฮ่องกงได้แล้ว” เสี่ยวอวิ๋นพูดพลางนวดขมับไป ฝีมือช่ำชองมากจนเหมยเหมยรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เธอไม่ได้พูดห้ามว่าไม่ให้ไปหาหมอกู้อีกเพราะเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากตอนแรกที่นึกว่าจะทนได้อีกสักสองวัน

“สมมติว่าสิ่งที่พวกเธอพูดเป็นความจริง อาจเป็นเพราะโอหยางสยงค้นพบสถานะตัวปลอมของโอหยางซานซานเธอถึงได้ลงมือฆ่า ถ้างั้นเพราะอะไรโอหยางสยงถึงมองออกล่ะ?” เหมยเหมยถาม

“ลูกชิ้นปลา!”

เซียวเซ่อพูดอย่างมั่นใจ

สยงมู่มู่พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ไม่ผิดแน่ ก่อนที่โอหยางสยงจะเสียชีวิตเขาต้องการเปิดเผยว่าใครคือฆาตกรอย่างแน่นอน สัญชาตญาณทำให้เขาเขียนสาเหตุการตายของเขา อาจจะพูดได้ว่าโอหยางสยงค้นพบว่าโอหยางซานซานชอบกินลูกชิ้นปลาจึงสงสัยในตัวตนของเธอ หลังจากนั้นโอหยางซานซานก็ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงกลับไปฆ่าโอหยางสยง…”

อู่เชาถูแขนตนเองอย่างอดไม่ได้เพราะรู้สึกถึงลมเย็นที่พัดผ่านมาจนตัวสั่น

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “หรือว่าเดิมทีโอหยางซานซานไม่กินลูกชิ้นปลา? หรือว่าบางทีโอหยางซานซานอาจจะแพ้ลูกชิ้นปลาเหมือนฉัน? ดังนั่นพอโอหยางสยงเห็นเธอกินลูกชิ้นปลาจึงเกิดข้อสงสัยขึ้น?”

“มีความเป็นไปได้ ลูกชิ้นปลาของทางฮ่องกงส่วนใหญ่จะทำจากปลาทะเล คนที่แพ้อาหารทะเลไม่สามารถกินได้” เซียวเซ่อพูด

สยงมู่มู่แสดงท่าทีตกใจดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก อยู่ดี ๆเขาก็ตบต้นขาตัวเองพลันตะโกนเสียงดังว่า “เฮ้ย…ฉันนึกออกแล้ว…”

เดิมทีเด็กชายอู่เชาผู้โชคร้ายก็สติหลุดอยู่แล้ว ตอนนี้ดีดตัวพุ่งสูงสามฟุต ดวงตาเบิกกว้าง

“ฉันนึกออกแล้ว พอพูดถึงอาหารทะเลฉันก็นึกขึ้นมาได้ โอหยางซานซานกินอาหารทะเลไม่ได้เพราะเธอแพ้อาหารทะเล…” สยงมู่มู่ตื่นเต้นดีใจ

…………………………………………..

ตอนที่ 1803 หมดสติไปอีกแล้ว

สยงมู่มู่อธิบายอย่างตื่นเต้น “ฉันก็เพิ่งนึกออก ตอนนั้นมีปลาจวดเหลืองสดใหม่กล่องหนึ่งส่งมาให้เป็นบรรณาการพิเศษอยู่ครั้งหนึ่ง หวงอวี่เหลียนบังเอิญพาโอหยางซานซานไปทานอาหารเย็นด้วยพอดี ตอนนั้นโอหยางซานซานน่าจะอายุประมาณหกหรือเจ็ดขวบ หล่อนกินปลาจวดสีเหลืองไปเยอะมาก ๆแต่ไม่นานก็หมดสติไป บนตัวมีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมด พอส่งตัวไปโรงพยาบาลถึงได้ทราบสาเหตุว่าโอหยางซานซานแพ้อาหารทะเลและยังแพ้ขั้นร้ายแรงจนถึงขั้นอาจจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตด้วย”

อู่เชาเบะปาก พูดอย่างรู้สึกเศร้าใจว่า “ถ้าฉันกินถั่วลิสงก็จะตายเหมือนกัน”

ทั้ง ๆที่ถั่วลิสงอร่อยขนาดนั้น ตอนเด็ก ๆเขาแอบขโมยกินขนมถั่วลิสงอัดแท่งชิ้นหนึ่ง ตอนนั้นเกือบจะเอาชีวิตน้อย ๆไม่รอด!

คำพูดของสยงมู่มู่ก็ทำให้หมอกทึบหนาแน่นพลันสดใสขึ้นมาในทันที

เหมยเหมยดีใจจนลืมปวดหัวพลันเอ่ยว่า “ตอนนี้ก็แน่ใจได้แล้วว่าโอหยางซานซานคนปัจจุบันคือตัวปลอม งั้นโอหยางซานซานตัวตริงล่ะอยู่ที่ไหน? แล้วคนที่ปลอมตัวเธอคือใคร?”

“ถ้าไม่โดนฆ่าตายก็โดนกักขังไว้อยู่ แต่ฉันรู้สึกว่าโอหยางซานซานตัวปลอมคนนี้จิตใจโหดเหี้ยม เพราะงั้นมีแนวโน้มที่จะถูกฆ่ามากกว่า”

เซียวเซ่อคิด ๆแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ต้องเป็นคนที่มีอุบายเล่ห์เหลี่ยมลึกซึ้ง ผู้หญิงใจอำมหิตมีไอคิวสูง และอาจจะมีความแค้นเก่ากับเหมยเหมยอีก เธอจะต้องระมัดระวังตัวหน่อยนะ”

เหมยเหมยใช้สมองคิดอย่างรวดเร็ว เมื่อไตร่ตรองถึงคนที่สอดคล้องตามเงื่อนไขดั่งที่เซียวเซ่อกล่าวมา บรรดาคนที่เธอรู้จักและคนที่สอดคล้องมีจำนวนอยู่ไม่มากนัก

นับไปนับมาก็เหลืออยู่แค่สองคน

คนหนึ่งคือโฮ่วเซิ่งหนาน

คนหนึ่งคืออู่เยวี่ย

แต่สองคนนี้ต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว!

แล้วยังจะมีใครอีก?

จู่ ๆศีรษะก็ปวดขึ้นมาราวกับโดนทิ่มแทงอย่างกะทันหันโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เหมยเหมยส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ มือทั้งสองข้างกุมหัวกลิ้งไปมาบนโซฟา ปวดยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก ภายในไม่กี่นาทีเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง

“ทำไมถึงได้ปวดมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันไปโทรศัพท์ก่อนจะลองส่งตัวไปให้คุณหมอแมคเฟอร์สันตรวจดู” เซียวเซ่อกล่าวด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว

โรงพยาบาลเอกชนในฮ่องกงได้รับการพัฒนาไปมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่าโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง คุณหมอแมคเฟอร์สันก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำเช่นกัน บรรดาเศรษฐีอันดับต้น ๆของฮ่องกงต่างก็กรูกันไปหาเขาเพื่อตรวจร่างกาย ผู้นำสูงสุดเองก็เช่นกัน

แต่ว่าจำเป็นต้องนัดก่อนล่วงหน้าไม่ค่อยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน แน่นอนว่าเซียวเซ่ออ้างชื่อของคุณย่าต้องได้รับเอกสิทธิ์อยู่แล้ว

คุณแมคเฟอร์สันมารับพวกเขาด้วยตัวเอง เขาเป็นชายชราชาวอังกฤษตัวอ้วนเตี้ยและมีอารมณ์ขัน เขาไว้หนวดจิ๋วเล็ก ๆสองข้าง เป็นคนช่างพูดช่างเจรจาแถมยังเคารพนบน้อมต่อเซียวเซ่อมาก

เขาตรวจเหมยเหมยทั่วทั้งร่างกายซึ่งละเอียดมากกว่าโรงพยาบาลของรัฐครั้งก่อนเยอะ ตรวจแม้กระทั่งดีเอ็นเอ

ทรมานไปเกือบสองชั่วโมง

“ไม่มีปัญหา ดัชนีตัวชี้วัดค่อนข้างปกติ มีแค่โรคโลหิตจางเพียงเล็กน้อย เหนื่อยล้าเกินขีดจำกัดและนอนหลับไม่เพียงพอ แล้วก็มดลูกเย็นเล็กน้อยอย่างที่ชาวฮวาเซี่ยชอบพูดกัน…ปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆเหล่านี้มองข้ามไปได้ สุขภาพดีมาก!”

คุณหมอแมคเฟอร์สันเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรวจร่างกายในห้องปฏิบัติการพลางยักไหล่

“ทำไมถึงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วล่ะ? ถ้าไม่มีปัญหาแล้วทำไมเหมยเหมยถึงปวดจนหมดสติไปครั้งแล้วครั้งเล่า? จะต้องมีปัญหาแน่นอนเพียงแต่หาสาเหตุไม่ได้” สยงมู่มู่ขมวดคิ้วแน่น พยายามอดกลั้นความอยากด่าเอาไว้

แต่คุณหมอแมคเฟอร์สันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เครื่องจักรที่ดีที่สุดในโลกตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ต่อให้เขาอยากรักษาก็จนปัญญาจะทำอะไรได้

ครั้งนี้เหมยเหมยหมดสติไปค่อนข้างนาน ทั้ง ๆที่ถูกทรมานไปตั้งหลายชั่วโมงก็ยังไม่ฟื้นแต่กลับนอนกระสับกระส่าย  พอมองออกว่าแม้เธอจะหมดสติไปแต่อาการปวดศีรษะก็ยังไม่หาย

“ฉันจะโทรหาคุณชายหมิง!”

เสี่ยวอวิ๋นไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงเหยียนหมิงซุ่นน่าจะยังไม่ออกเดินทาง เธอต้องรายงานเรื่องอาการเจ็บป่วยของคุณหนูให้เขารับรู้

…………………………………………..