“ห-หักแล้ว?”
“หัก!”
“หักจริง?”
“หักจริง!”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างมาเพื่อจะดูฝีมือของลู่จ้านหยวนว่าเขานั้นเก่งกาจสักแค่ไหน
แต่ใครจะไปคิดคาดว่ายังเขายังไม่ทันได้ลงมืออะไรลู่จ้านหยวนก็ถูกหักขา
และโยนกลับออกมาแล้ว?
จนถึงตอนนี้คนทั้งหลายก็ยังไม่อาจจะกลับมาตั้งสติได้ดีนัก
หลี่โจวนั้นเองก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาเมื่อได้เห็น
เขานั้นคิดว่าลู่จ้านหยวนจะมาล้างแค้นให้แก่เขาได้ ไม่นึกว่าแม้แต่เจ้านายของเขาก็ยังไม่อาจจะทำอะไรได้
แม้ว่าเขานั้นจะขาหักลงแต่ลู่จ้านหยวนก็ยังคงชักกระตุกไม่มีทีท่าจะกลับมาเป็นปกติ
ศิษย์นิกายในที่มีความรู้หน่อยได้กล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง “โค่นสายลม! นี่มันต้องเป็นโค่นสายลมแน่! ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยนี้กลับจะมีวิชากลั่นพิษที่เก่งกาจปานนี้! ที่สำคัญไปกว่านั้นการใช้พิษของเขายังเหนือล้ำแยบยล! ศิษย์พี่ลู่นั้นเจอของแข็งเข้าเสียแล้วงานนี้!”
คนอีกผู้หนึ่งจึงกล่าวขึ้นถาม “ศิษย์พี่ฉู โค่นสายลมนี้มันรุนแรงมากหรือ?”
ศิษย์พี่ฉูคนนั้นจึงได้หัวเราะขึ้นตอบ “รุนแรง? ฮ่าๆ! ใต้ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำลงมานั้นมันไม่มีใครจะต้านทานได้ทั้งสิ้น! ต่อให้จะเป็นนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำเองหากถูกมันเข้าพวกเขาก็จะเสียการควบคุมตัวเองไปไม่น้อย! พิษยาชาระดับนี้ใช้แค่คำว่ารุนแรงมาอธิบายได้หรือ? แต่ว่าอย่างไรเสียมันก็เป็นพิษยาชาที่กลั่นได้ยากยิ่ง แม้แต่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองทั่วๆ ไปก็ยังไม่อาจจะหลอมมันได้ มันเป็นสิ่งที่ยากล้ำ! ไม่นึกเลยว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยนี้กลับจะมีมัน! เราไม่อาจจะไปลบหลู่คนผู้นี้ได้!”
พูดจบเขาก็หันหน้าเดินกลับไปทันที
ยอดพันปักษาน้อยๆ นั้นมันได้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนขึ้นทันที!
เรื่องราวนี้มันได้ทำให้ทั้งนิกายในและนิกายนอกต่างแตกตื่นกันสิ้น!
คนผู้หนึ่งที่ยังไม่ทันได้เข้านิกายสวรรค์นั้นกลับทำตัวลึกลับซับซ้อนและสามารถหักขาศิษย์อันดับสามแห่งนิกายในอย่างลู่จ้านหยวนลงได้!
แน่นอนว่าลู่จ้านหยวนนั้นก็ได้กลายเป็นตัวตลกของคนทั้งนิกายใน
ศิษย์จากนิกายในหลายต่อหลายคนนั้นได้เดินทางออกมาดูถึงสวนเมฆน้อยนี้แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปใกล้
โค่นสายลมนั้นมันเป็นสิ่งที่รุนแรงล้ำ พวกเขายังไม่อยากจะลงไปนอนชักบนพื้น
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้มันก็ยิ่งทำให้สวนเมฆน้อยกลายเป็นสถานที่สุดลึกลับขึ้นมา
เจ้าของสวนเมฆน้อยนั้นไม่เคยจะออกไปพบหน้าผู้คนใดๆ
หากมันมีเรื่องอะไรแล้วเขาก็จะใช้ศิษย์ออกมาทำแทน
เมื่อเหยาชิงได้ยินเรื่องนี้เข้าเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาทันที
ลู่จ้านหยวนนั้นเก่งกาจแค่ไหน เขารู้ดีแก่ใจ
ด้วยกำลังฝีมือของเขานั้น หากต้องสู้กับลู่จ้านหยวนแล้วมันคงไม่รอดสามกระบวนท่าไปได้
แต่ลู่จ้านหยวนนั้นกลับพ่ายลงต่อหน้าเย่หยวน!
คนทั้งหลายนั้นต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา ว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยนั้นอาจจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองหรืออาจจะถึงขั้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม!
แต่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเย่หยวนมีพลังเพียงแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย!
หลังจากเรื่องราวในวันนั้นมันก็ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องกับสวนเมฆน้อยอีกและคนที่มาจากเมืองกระทิงเขียวต่างก็ได้รับความเคารพจากคนอื่นๆ ไม่น้อยด้วย
ในเวลากว่าปีมานี้มันมีผู้บรรลุสวรรค์ชุดอื่นๆ ได้เดินทางมายังยอดพันปักษาอีกมากมาย
แน่นอนว่าบนยอดพันปักษาในเวลานี้มันจึงคึกคักเปี่ยมไปด้วยผู้คน
หลังจากครบกำหนดหนึ่งปีแล้วมันก็ถึงเวลาของการทดสอบเข้านิกายสวรรค์
ในวันนี้มันมีคนมากมายต่างมามุงดูอยู่ไม่ห่างจากสวนเมฆน้อย
เพราะคนทั้งหลายนั้นอยากจะรู้ว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยคนนี้มันเป็นใครกันแน่
แน่นอนว่าหนึ่งในคนที่มานั้นมันย่อมจะมีลู่จ้านหยวนด้วย!
ลู่จ้านหยวนนั้นต้องนอนติดเตียงอยู่ถึงสามเดือนกว่าที่จะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้
ในดินแดนสวรรค์ห้าแสงนี้โอสถสวรรค์มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งล้ำค่าอย่างมาก
หากแค่แขนขาหักลงแล้ว พวกเขาทั้งหลายย่อมจะพึ่งการรักษาตามธรรมชาติมากกว่าใช้ยา
เพราะต่อให้ลู่จ้านหยวนจะเป็นศิษย์นิกายในแต่เขาก็ยังไม่ได้ร่ำรวยจนถึงขั้นจะเอาโอสถสวรรค์มากินได้ทุกเมื่อ
“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้วจริงๆ!”
จู่ๆ มันก็เกิดเสียงคนร้องขึ้นมาที่ด้านหน้า
ประตูของสวนเมฆน้อยมันได้เปิดออกมาเป็นครั้งแรก!
คนทั้งหลายนั้นต่างกลั้นหายใจคิดอยากจะเห็นว่าคนผู้นี้มันคือใครกันแน่!
จากนั้นมันก็มีร่างของชายหนุ่มในชุดขาวเดินออกมาจากสวนเมฆน้อย
ตามหลังมาด้วยหลินหลาน
“ช-ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย?”
“เจ้าของสวนเมฆน้อยนั้นกลับเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อย? ที่สำคัญไปกว่านั้นยังเป็นแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นปลายด้วย?”
“หนึ่งปีมานี้คนที่ทำให้ทั้งนิกายต่างต้องแตกตื่นมันกลับกลายเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยหรือ?”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กันทันที
ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยนั้นกลับจะกลายเป็นแค่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง
ที่สำคัญไปกว่านั้นดูจากคลื่นพลังของเย่หยวนแล้วเขาคงเพิ่งบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นปลายมาได้ไม่นาน
ลู่จ้านหยวนนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างก่อนจะรีบกัดฟันแน่น “ข้ากลับพ่ายลงด้วยน้ำมือของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง? อับอายนัก! มันช่างน่าอับอาย!”
เขานั้นเคยคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ มากมายและสงสัยจนแทบขาดใจว่าเจ้าของสวนเมฆน้อยคนนี้มันจะเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำหรือไม่!
แต่พวกเขานั้นไม่มีใครคาดฝันว่ามันกลับจะเป็นแค่เด็กหนุ่มชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนหนึ่ง!
ฟุบ!
ลู่จ้านหยวนพุ่งตัวเข้าไปหาเย่หยวนในทันที
“เจ้ามด กล้ามาหยามข้า ข้าจะสังหารเจ้าเสีย!” เสียงร้องลั่นนั้นดังขึ้นมาลั่นยอดพันปักษา
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้เหลือบสายตามามอง
สายตานั้นมันทำให้ร่างของลู่จ้านหยวนต้องหยุดลงกับที่
ความกลัวได้เข้าครอบงำเขาทันที!
ภาพความเจ็บปวดและอับอายนั้นมันย้อนกลับขึ้นมาฉายซ้ำในหัวของเขา
ภายในใจเขานั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความแค้น สมองของเขานั้นมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
เย่หยวนหันมามองและกล่าวขึ้นถามหลินหลาน “ใครกัน?”
คำพูดนี้ทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
คำพูด ‘หักขาแล้วโยนทิ้ง’ นั้นมันยังเป็นตำนานที่ลือลั่นมาจนถึงวันนี้
แต่คนผู้นี้กลับไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองหักขาใครไป!
จะน่าคับแค้นใจเกินไปแล้ว!
ลู่จ้านหยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นแทบอยากจะกระอักเลือดออกมา
หลินหลานตอบ “ปีก่อนนั้นมันมีคนบุกเข้ามาในสวนเมฆน้อยและถูกโค่นสายลมของท่านอาจารย์เข้า ศิษย์ได้หักขามันและโยนมันออกไป”
เย่หยวนจำได้ขึ้นมาทันที “อ่า ที่แท้เป็นมันนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงทำสีหน้าเช่นนั้น นี่ หากเจ้าไม่พอใจจะมาแก้แค้นเมื่อไหร่ก็เชิญได้ตามสะดวก”
โอหัง!
เย่อหยิ่ง!
เขานั้นกลับไม่คิดสนใจศิษย์อันดับสามแห่งนิกายในแม้แต่น้อย!
ยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยคนนี้มันช่างเก่งกาจนัก!
คนทั้งหลายได้แต่หันมามองลู่จ้านหยวนด้วยสายตาสงสารกึ่งสมเพช อยากจะดูว่าเขาจะเลือกอะไร
เขาจะเสี่ยงถูกหักขาอีกรอบเพื่อสั่งสอนเย่หยวนหรือว่าจะถอยกลับ?
ลู่จ้านหยวนได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่กล้าจะถอยหรือเดินหน้า คิดอยากจะมุดดินหนีให้มันจบสิ้นกันไป
เขานั้นอยากจะลงมือจริงๆ!
แต่สมองของเขามันกลับห้ามตัวเขาไว้!
หากขาของเขาหักลงอีกครั้งแล้วเขาก็ต้องไปนอนติดเตียงอีกสามเดือน!
เช่นนั้นแล้วเขาจะไม่ยิ่งกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้หรือ?
แต่หากไม่ทำอะไรตอนนี้ มันก็คงได้กลายเป็นตัวตลกไม่ต่างกัน!
อึดอัด!
“ไม่คิดแก้แค้นแล้ว? เช่นนั้นข้าไปล่ะ!” เย่หยวนยิ้มกล่าว
พูดจบเขาก็เดินหาหลินหลานจากไปทั้งๆ อย่างนั้น
“จะมองหาอะไรกัน? ไสหัวไปได้แล้ว!” ลู่จ้านหยวนร้องไล่คนที่ยังมุงดูอยู่
เดินไปได้ไม่ไกลเย่หยวนก็ไปเจอเข้ากับเหยาชิง
“หึๆ น้องเย่นั้นช่างเก่งกาจนัก! หนึ่งปีมานี้เจ้าเก็บตัวอยู่ในสวนเมฆน้อยตลอดไม่คิดสนใจโลกภายนอกแต่ในนิกายสวรรค์ยุทธมั่นนี้กลับมีตำนานเรื่องของเจ้าอยู่ทุกหนแห่ง! หักขาศิษย์อันดับสามแห่งนิกายในอย่างศิษย์พี่ลู่ลงได้ เจ้าได้ทำเรื่องใหญ่โตขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้านิกายเสียแล้ว! ท่านหลัวนั้นช่างมีสายตาที่เฉียบคมเสียจริง!” เหยาชิงกล่าวขึ้นมาพร้อมหัวเราะลั่น
แต่พูดจบแล้วเขากลับได้เห็นว่าบรรยากาศรอบกายของเขามันดูแปลกๆ ไป
และเย่หยวนนั้นเองก็กำลังมองดูเขาด้วยสายตาเวทนา
เหยาชิงนั้นผงะไปทันทีที่ได้เห็นก่อนจะหันไปเห็นว่าไม่ไกลออกไปนั้นลู่จ้านหยวนกำลังกัดฟันแน่นจ้องมองมาทางเขา
เขานั้นได้แต่คิดในใจว่าฉิบหายแล้ว เท่านี้เขาก็คงเป็นศัตรูกับศิษย์พี่ลู่แล้วแน่!
“หึๆ เหยาชิง เจ้าดีมาก! เจ้ามันดีจริงๆ!” ลู่จ้านหยวนกัดฟันกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินหายไป
เหยาชิงนั้นได้แต่ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้าเหยเก “น้องเย่ เจ้าทำชีวิตข้าลำบากแล้ว!”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย!”