บนยอดสวรรค์กลับนั้นมันมีผู้บรรลุสวรรค์กว่าสองพันคนมารวมตัวกัน
หากจะพูดถึงจำนวนที่แท้จริงของผู้บรรลุสวรรค์ในรอบสิบปีนั้นมันย่อมจะมากกว่านี้หลายเท่า
แต่ในหมู่ผู้บรรลุสวรรค์นั้นมันมีไม่กี่คนที่รอดอยู่ได้จนได้เจอกับผู้นำทางเข้า
เพราะฉะนั้นในดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงอันยิ่งใหญ่นั้นมันจึงเหลือผู้บรรลุสวรรค์รอดมาทดสอบเข้านิกายแค่สองพันคน
บนแท่นสูงระหว่างทางขึ้นเขานั้นมีชายแก่หลายคนกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่
“พี่ฉิน ครั้งก่อนเจ้าก็ได้แย่งเอาจิงซวนนางนั้นไปแล้ว! ครั้งนี้หากมันมีต้นกล้าดีๆ ก็ขออย่าได้แย่งข้าไปอีกเลยนะ!”
“หึ เฒ่าหวู่ การทดสอบเข้านิกายแต่ละครั้งนั้นแค่จะหาคนที่มีความเข้ากันได้ถึงระดับพื้นฐานมันก็ยากพอแล้ว เรื่องที่ว่าเจ้าจะเอาคนไปได้หรือไม่นั้นมันย่อมจะขึ้นอยู่กับฝีมือ ข้ายอมให้ไม่ได้หรอก!”
“เจ้า! ดี! เจ้าเฒ่านี้ เช่นนั้นก็มาแข่งกันจนกว่าจะมีใครตายไปข้างหนึ่ง!”
“หึๆ… เฒ่าหวู่ หากเทียบกันด้วยการหลอมโอสถแล้วมันเป็นเจ้าเองที่อ่อนแอ ใครไปบังคับไม่ให้เจ้ามีฝีมือเล่า!”
เฒ่าหวู่นั้นกัดฟันแน่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้
คนทั้งสองที่คุยกันอยู่นี้หนึ่งมีนามว่าฉินชุนส่วนอีกคนมีนามว่าหวู่เฉิงเฉา
คนทั้งสองนี้เป็นผู้พิทักษ์ปีกม่วงของนิกายสวรรค์ยุทธมั่น ซึ่งพวกเขานั้นมีสถานะสูงกว่าหลัวหยุนชิงไม่น้อย
เพราะว่าคนทั้งสองนี้คือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสาม!
ในดินแดนสวรรค์ห้าแสงนั้นนักหลอมโอสถสวรรค์ที่ขึ้นไปถึงระดับสามได้นั้นนับว่าเป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่า
มีแต่นิกายสวรรค์ยุทธมั่นที่ยิ่งใหญ่นี้เท่านั้นที่จะสามารถพบเห็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามได้บ้าง!
ตำแหน่งของพวกเขานั้นย่อมจะสูงล้ำเหนือใครเป็นธรรมดา
แต่แม้นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามจะมีน้อย แต่คนที่มีพรสวรรค์ด้านการโอสถมันยิ่งมีน้อยกว่า
เพราะจะอย่างไรเสียพรสวรรค์ที่ติดตัวมาของเหล่าผู้บรรลุสวรรค์มันก็สุดแสนจะน้อยนิด คนที่จะมีความเข้ากันได้ถึงสามสิบนั้นมันแทบจะหาไม่ได้
และความเข้ากันได้สามสิบนั้นมันเป็นแค่ความต้องการต่ำที่สุดในการหลอมโอสถ!
หากคิดจะขึ้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสามแล้ว หากไม่มีความเข้ากันได้ห้าสิบขึ้นไปมันก็คงไร้หนทาง
การทดสอบของนิกายเมื่อสิบปีก่อนนั้นมันได้ปรากฏศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งที่มีค่าความเข้ากันได้สูงล้ำมากถึงห้าสิบเก้าแต้ม มีนามว่าเหวินจิงซวน
การปรากฏตัวขึ้นของนางนั้นมันได้ทำให้คนทั้งสองนี้ต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือด
แน่นอนว่าด้วยเรื่องนั้นคนทั้งสองจึงลงมือประลองกัน
แต่สุดท้ายแล้วเหวินจิงซวนก็เลือกที่จะติดตามนักยุทธถิ่นอย่างฉินชุนไป
ใช่แล้ว ฉินชุนนั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ท้องถิ่น
นิกายสวรรค์ยุทธมั่นนั้นลงแรงไปมากกว่าที่จะดึงตัวเขามาอยู่ด้วยได้
เวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีเสียงของผู้พิทักษ์อีกคนกล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าทั้งหลายจะก้าวผ่านค่ายกลตรงหน้านี้ไปทีละคนแล้วค่ายกลนั้นมันจะตรวจสอบพรสวรรค์ของเจ้าเอง! ระดับของพรสวรรค์นั้นมันมีทั้งหมดเก้าระดับ ต่ำที่สุดนั้นเรียกว่าด้อยต่ำ สูงที่สุดเรียกว่าล้ำสูง! หากใครมีพรสวรรค์ถึงระดับล้ำได้ก็ดีใจด้วย นิกายจะขอรับพวกเจ้าเข้าเป็นศิษย์ในทันที! แน่นอนว่าเรื่องนั้นมันคงแทบไม่มีทางเป็นไปได้! คนที่มีพรสวรรค์ถึงระดับล้ำกลางขึ้นไปนั้นจะสามารถไปทดสอบกันในรอบต่อไปได้! หรือหากว่าเจ้านั้นมีค่าความเข้ากันได้ถึงสามสิบแต้มเจ้าก็สามารถเข้าเป็นศิษย์ของหอโอสถได้ทันทีเช่นกัน ส่วนคนที่เหลือนั้นก็จงเดินทางกลับลงไปเองเถอะ! เริ่มการทดสอบได้!”
สำหรับผู้บรรลุสวรรค์แล้วนั้นคนที่จะมีค่าความเข้ากันได้เกินสามสิบนั้นมันแทบจะไม่มีอยู่
แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีเลย
ในภพเบื้องล่างนั้นมันมีบางคนที่เกิดมาพร้อมร่างกายพิเศษที่สามารถทำให้พวกเขาเข้าใกล้กายก่อนกำเนิดได้ แน่นอนว่าจะมีความเข้ากันได้เกินสามสิบมันก็ไม่แปลก
และคนทั้งหลายนั้นก็จะมากพรสวรรค์ในการศึกษาเต๋าด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นผู้บรรลุสวรรค์ที่เป็นนักหลอมโอสถนั้นจึงมักจะเป็นทั้งนักหลอมโอสถและยอดยุทธในตัวคนเดียว
ที่สำคัญไปกว่านั้นมันก็จะมีบางครั้งบางทีที่ปรากฏยอดคนมากพรสวรรค์ผู้นี้ค่าความเข้ากันได้เหนือฟ้าดินปรากฏตัวขึ้นมา
เหมือนดั่งเหวินจิงซวนที่เคยกล่าวถึงไปนั้น ตัวนางกลับมีค่าความเข้ากันได้สูงล้ำถึงห้าสิบเก้า!
แม้แต่นักหลอมโอสถสวรรค์ท้องถิ่นเองก็ยังไม่มีความเข้ากันได้สูงล้ำเช่นนาง
คนเช่นนี้ย่อมจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ถูกสวรรค์เลือกอย่างแท้จริง
และคนประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในภพเบื้องล่างไม่นานนักก็สามารถบรรลุขึ้นมาถึงสามสิบสามสวรรค์ได้
แน่นอนว่ายอดอัจฉริยะระดับเหวินจิงซวนนั้นมันเป็นตัวตนที่หาได้ยากยิ่ง!
แต่ก็เพราะเช่นนั้นที่ทำให้ฉินชุนปฏิบัติกับนางราวว่านางเป็นสมบัติล้ำค่า
เพราะจะอย่างไรเสียฉินชุนนั้นก็ยังมีค่าความเข้ากันได้แค่ห้าสิบหกแต้ม!
“ข้าขอก่อน!”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก้าวเดินออกมา
ชายคนนี้ถือขวานไว้ทั้งสองมือ แม้เขานั้นจะไม่ได้จงใจปล่อยพลังออกมาแต่กำลังของเขานั้นมันก็สุดแสนที่จะแข็งแกร่ง
แค่มองดูครั้งเดียวมันก็เห็นชัดเจนเลยว่าไม่ควรไปยุ่งด้วย
เขาเดินมาหยุดลงตรงหน้าค่ายกลก่อนจะหัวเราะขึ้น “ขวานทั้งสองของพ่อเจ้านี้ทำลายฟ้าดินของพิภพเทพโมฆะจนแตกสลาย! มาถึงสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้ข้าก็ได้สังหารไปมากมายเท่าใดใครขวางทางข้าล้วนสังหารมันลงสิ้น! พรสวรรค์ของคนระดับข้ามันย่อมจะต้องสูงล้ำใช่ไหมเล่า?”
เหล่าผู้บรรลุสวรรค์คนอื่นๆ ต่างพยักหน้ารับออกมา ชายร่างใหญ่คนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา
หากพรสวรรค์ของเขาไม่สูงแล้ว มันคงไม่เป็นธรรม
แต่ผู้พิทักษ์คนนั้นกลับแค่ยิ้มตอบมา
ชายร่างใหญ่คนนั้นเองก็ไม่คิดจะรอช้าเดินเข้าไปในค่ายกลทันที
ค่ายกลส่องสว่างขึ้นมาปล่อยแสงรอบกาย
การทดสอบพรสวรรค์นั้นมันรวดเร็วอย่างมาก เพียงแค่ไม่ถึงสิบอึดใจชายคนนั้นก็เดินกลับออกมา
หลังจากออกมาได้แล้วมันก็ค่อยๆ ปรากฏจอแสงขึ้นมาทำให้คนทั้งหลายต่างมองดูมันด้วยความตื่นเต้น
ไม่นานมันก็ค่อยๆ ปรากฏตัวอักษรขึ้นมาบนจอแสง
กายเต๋า – กายเต๋าหลังกำเนิด
พรสวรรค์ – ด้อยสูง
ความเข้ากันได้ – สิบเจ็ด
คนทั้งหลายต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา!
“นี่มัน… เป็นไปไม่ได้น่า! มีหรือที่พ่อเจ้าจะมีพรสวรรค์ต่ำตมเช่นนี้? มันต้องมีอะไรผิดพลาดในค่ายกลแน่!” ชายร่างใหญ่นั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่คิดยอมเชื่อ
ผู้พิทักษ์คนนั้นจึงได้ตอบกลับมา “ไม่ว่าเจ้าจะมาจากพิภพหรือมหาพิภพแต่มันก็ล้วนแตกต่างจากสามสิบสามสวรรค์สิ้น! ที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะเก่งกาจแค่ไหนมาก่อนมันก็ไร้ค่า! เจ้านั้นอาจจะถูกนับว่าเก่งกาจมากมายในหมู่คนของเจ้าเองแต่เมื่อมาถึงนิกายสวรรค์แล้วช่องว่างมันก็จะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัด! ต่อให้เจ้าจะไม่อยากยอมรับมัน แต่มันก็คือความจริง! เอาล่ะ ลงเขาไปเถอะ!”
ชายร่างใหญ่นั้นกัดฟันกล่าวขึ้นมา “พ่อเจ้าไม่ขอยอมรับ! ค่ายกลมันต้องทำงานผิดพลาดแน่!”
ผู้พิทักษ์นั้นไม่คิดแสดงท่าทีโกรธเคืองใดๆ ดูท่าแล้วเขาคงพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มานักต่อนัก
เขายิ้มตอบกลับไป “หยุนชิง เจ้าไป”
ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีชายหนุ่มในชุดนิกายนอกเดินลงมาหยุดตรงหน้าชายร่างใหญ่
ผู้พิทักษ์นั้นกล่าวขึ้น “เขานั้นได้เข้านิกายสวรรค์เราเมื่อสิบปีก่อนและมีพรสวรรค์แค่ระดับเหนือสูง เวลานี้พลังบ่มเพาะของเขาเองก็ยังอยู่แค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นกลาง! เจ้านั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเขาไประดับหนึ่ง จงลองเอาชนะเขาเถอะ หากเจ้าชนะได้ข้าก็จะรับเจ้าเข้านิกายเอง”
ชายร่างใหญ่นั้นจึงหัวเราะกล่าวขึ้นมา “นี่ท่านพูดเองนะ!”
ผู้พิทักษ์นั้นพยักหน้ารับ “ข้านี่แหละพูด!”
ชายร่างใหญ่หันไปมองหยุนชิงราวกับเสือที่กำลังมองลูกแกะ
เขาหัวเราะขึ้นมา “ศิษย์พี่ หากข้าทำให้ท่านบาดเจ็บท่านอย่าได้มาโทษข้าเล่า!”
หยุนชิงยิ้มตอบกลับไป “ลงมือตามสะดวกเลย!”
ฟุบ!
เสียงยังไม่ทันจางหายขวานนั้นมันก็ถูกจามออก
คลื่นพลังที่รุนแรงนั้นมันแทบจะผ่าโลกออกเป็นสองส่วน
ผู้บรรลุสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างได้แต่ยิ้มเยาะคิดว่าผู้พิทักษ์คนนี้มันน่าตลกมากแล้ว
พวกเขาทั้งหลายนั้นมีใครบ้างเล่าที่ไม่เคยผ่านร้อยศึกพันสงคราม มีหรือที่จะปล่อยให้คนอื่นมาก้าวข้ามด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่ำกว่า?
กึก!
หยุนชิงนั้นชักดาบออกมารับกับขวานนั้นไว้ตรงๆ
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นคือเขากลับรับมันไว้ได้จริงๆ
คนทั้งหลายต่างต้องผงะไปตามๆ กัน!
แข็งแกร่ง!
การต่อสู้จากนั้นมันทำให้คนทั้งหลายแทบลืมหายใจไป
ชายร่างใหญ่นั้นกลับไม่อาจจะชิงความได้เปรียบจากหยุนชิงผู้นั้นมาได้เลย
สิบกระบวนท่าต่อมาเขาก็เริ่มปรากฏวี่แววแห่งความพ่ายแพ้ขึ้น
จนสุดท้ายด้วยกระบวนท่าที่สิบสามนั้นขวานในมือของเขาก็หลุดลอยไป!
ชายร่างใหญ่นั้นพ่ายลง!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือว่าหยุนชิงนั้นกลับแข็งแกร่งล้ำ!”
“ข้านั้นเคยประลองกับชายร่างใหญ่คนนั้นมาก่อนและมั่นใจว่าเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก! เขากลับต้านทานเด็กหนุ่มคนนี้ได้เพียงสิบสามกระบวนท่า!”
“หรือว่านี่คือความแตกต่างของพรสวรรค์?”
คนทั้งหลายที่ได้เห็นนั้นแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาของตน
……………………..