ฟ่านหลินยวนถูกศิษย์น้องสามถามมาแบบนี้ ก็พูดไม่ออก
เขาก็คิดจะหนีจริงๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะหนีออกมาเป็นแบบนี้
ไม่เพียงหนีไปไม่ได้ แถมยังได้รับบาดเจ็บหนักอีกด้วย!
เขามองศิษย์น้องสามด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก แล้วพูดว่า “พี่จะหนีที่ไหนเล่า พี่แค่วกกลับไปฆ่าไอ้คนแซ่แย่นั่น”
ศิษย์น้องสามก็ไม่ใช่คนโง่ เขามองฟ่านหลินยวนด้วยความโกรธ แล้วตะโกนออกไปว่า “มึงคิดว่ากูโง่รึไง? แขนมึงหายไปสองข้างแล้ว จะเอาอะไรไปโจมตีมันกลับ?!”
ฟ่านหลินยวนก็ด่ากลับไปอย่างถอยไม่ได้ว่า “มึงพูดอย่างนี้กับศิษบ์พี่มึงได้อย่างไร? มึงจะหักสัมพันธ์พี่น้องใช่ไหม? ”
ศิษย์น้องสามก็เข้ามากัดหูเขา แล้วด่าว่า “มึงเป็นศิษย์พี่ใหญ่ แต่มาให้พวกกูไปตายแทน แล้วมึงก็หนีไป ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปมึงกับกูตัดสัมพันธ์พี่น้องกัน!”
ฟ่านหลินยวนก็ถูกกัดหูจนต้องร้องโอดโอย
แต่ในตอนนี้ เขาก็ไม่ได้เป็นยอดฝีมืออะไรอีกแล้ว
แขนสองข้างพิการ ท่อนล่างไร้ความรู้สึก ตอนนี้เขาได้เป็นคนพิการเต็มตัวแล้ว
ดังนั้นที่ตอนนี้ถูกศิษย์น้องสามกัดหูนั้น ก็เจ็บปวดจนใจแทบขาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เขาได้แต่พูดในลำคอว่า “เจ้าสาม มึงบ้าไปแล้วรึไง อ้าปากปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลย มึงคิดว่ากูจะหนีรึไง? กูแค่คิดว่าจะให้พี่น้องเราทั้ง8คนเหลือรอดไปบ้างไง? ”
ศิษย์น้องสามก็ถามอย่างโมโหว่า “จะให้มีคนรอด แต่ก็ไม่ควรจะเป็นมึงที่แขนขาดสองข้างแบบนี้!ให้กูรอดไม่ได้รึไงวะ? ”
ฟ่านหลินยวนก็ถูกกัดจนร้องโอย แล้วด่าว่า “ไอ้เวร ตอนนี้ยังให้ใครรอดได้อีกล่ะ มึงคิดว่าให้มึงรอด แล้วมึงจะหนีไปรอดหรือ? ”
ศิษย์น้องสามก็พูดอย่างโมโหว่า “มึงรู้ได้ไงว่ากูจะหนีไม่รอด? ”
ในตอนนี้ เสียงขรึมๆ ของเย่เฉินก็ดังเข้ามา “มึงควรจะฟังคำพูดของพี่ใหญ่มึงนะ พี่ใหญ่มึงพูดถูก มึงหนีไม่พ้นหรอก พวกมึงใครก็อย่าหวังจะรอดไปได้”
ศิษย์น้องก็เลยได้สติ แล้วอ้าปากออก จากนั้นเงยหน้ามองเย่เฉิน
ตอนนี้เย่เฉินก็ได้เดินมาตรงหน้าเขาทั้งสองแล้ว
ส่วนราชาบู๊ทั้งแปดอีก6คน ก็ล้มลงพื้นร้องโอดโอยไปหมดแล้ว!
ที่แท้ตอนที่พวกเขาสองพี่น้องกำลังฉุดกระชากกันนั้น เย่เฉินก็ได้โจมพี่น้องคนอื่นๆ ไปคนละกระบวนท่า จนร่วงไปหมดแล้ว
ฟ่านหลินยวนก็ตกใจจนหน้าซีดขาว ร้องไห้พูดว่า “อาจารย์เย่ ผมก็ได้พิการแบบนี้แล้ว ขอร้องล่ะ สงสารผมเถอะ ไว้ชีวิตผมเถอะ”
เย่เฉินก็ยิ้มพูดว่า “เมื่อครู่นี้มึงลอบโจมตีกู คิดจะเอาชีวิตกู ตอนนี้ยังจะมาขอร้องให้กูไว้ชีวิต กูเป็นคนให้มึงจัดการได้ง่ายๆ อย่างนั้นเลยหรือไง? ”
ฟ่านหลินยวนก็ร่ำไห้ พูดว่า “อาจารย์เย่ครับ คุณเป็นปรมาจารย์ของจริง ปรมาจารย์คงจะไม่มาถือสาเศษสวะแบบผมหรอก คุณก็เห็นว่าผมมีสภาพแบบนี้แล้ว ก็รั้งมือหน่อยเถอะนะครับ ปล่อยผมไปเถอะ!”
เย่เฉินก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ฟ่านหลินยวน ตั้งแต่ที่พวกมึงพี่น้องขึ้นเครื่องบนมาที่ภูเขาฉางไบนั้น ชะตาชีวิตของพวกมึง ก็ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว”
พูดจบ เขาก็ชี้ไปทางเทือกเขาฉางไบที่มีหิมะปกคลุมขาวโพลน แล้วยิ้มพูดว่า “มึงไม่คิดบ้างหรือว่า ที่เขาฉางไบนี้ เป็นที่ที่มีฮวงจุ้ยดีมาก? ได้ตายอยู่ที่นี่ หลับอยู่ที่นี่นิรันดร์ มึงไม่คิดว่าเป็นวาสนาของมึงบ้างหรือ? ”
“ไม่!ไม่คิด!” ฟ่านหลินยวนน้ำหูน้ำตาไหล “อาจารย์เย่ครับ ผมยังมีชีวิตอยู่ไม่พอใจเลย ผมยังไม่อยากตาย!ฆ่าชีวิตเล็กๆ อย่างกับมดตัวหนึ่งแบบผมจะทำเอามือคุณสกปรกเปล่าๆ ขอร้องล่ะปล่อยผมไปเถอะ!”
เย่เฉินยิ้มพูดว่า “กูจะไม่ลงมือฆ่ามึงเองหรอก เพราะว่ามึงไม่คู่ควร”
พูดจบ เย่เฉินก็มองไปรอบๆ แล้วยิ้มร้ายๆ “พวกมึง8คน ล้วนไม่คู่ควรให้กูลงมือฆ่าเองหรอก!”
ราชาบู๊ทั้งแปดก็ทำหน้าตกใจกันหมด
ในใจของทุกคนก็มีคำถาม เย่เฉินมาคนเดียว แต่ว่าเย่เฉินไม่ได้จะฆ่าพวกเขาด้วยตัวเอง แล้วเย่เฉินคิดจะทำอะไรกับพวกเขา?
หรือง่ายๆ ก็คือ เย่เฉินคิดจะให้พวกเขาตายอย่างไร?
เย่เฉินยื่นท่ามกลางทั้ง8คน ยกมือขึ้นมา พร้อมพูดอย่างดังว่า “ภูเขาฉางไบเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีหิมะปกคลุมขาวโพลนทั้งเขาทั้งปี บริสุทธิ์ไม่มีมลทินมัวหมอง พวกมึง8คนเป็นตัวสกปรก ได้มาตายอยู่ที่นี่ ก็ถือว่าเป็นวาสนาของพวกมึงที่บำเพ็ญมาหลายชาติแล้ว!”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดอีกว่า “ส่วนกู วันนี้กูจะจัดงานศพอย่างบริสุทธิ์ที่สุดให้พวกมึง!ให้ร่างที่แสนสกปรกของพวกมึงหลับใหลอยู่ท่ามกลางผืนหิมะที่ขาวบริสุทธิ์นี้!”
ราชาบู๊ทั้งแปดก็ตัวสั่นไปตามๆ กัน พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี คิดไม่ตกอยู่ดี ว่าเย่เฉินจะฆ่าพวกเขาอย่างไร
ตอนนี้เย่เฉินก็มองทุกคนอย่างสงสาร แล้วยิ้มพูดว่า “อย่างน้อยพวกมึงก็เป็นพี่น้องกัน ต่อให้ทำชั่วก็ชั่วด้วยกัน ตอนตายก็ได้ตายด้วยกัน ไปอยู่ปรโลกก็ถือว่าพี่คนอยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ!”
———–