บทที่ 1826 อวดความรักได้ทุกวัน + ตอนที่ 1827 หน้าไหว้หลังหลอกตีสองหน้า

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1826 อวดความรักได้ทุกวัน

 

เหยียนหมิงซุ่นพูดกับโจวจื่อหัวว่า “ผมคิดว่าพัสดุกล่องนี้ต้องเป็นโอหยางซานซานตัวปลอมเป็นคนส่งมา ผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ในฮ่องกงแน่นอน”

 

“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย? ซิงเอ๋อร์ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับเธอเลยนะ?” เหมยเหมยพูดด้วยความโมโห

 

“ความคิดของคนวิปริตยากที่จะคาดเดาได้ บางทีเธออาจจะแค่อยากเห็นคนอื่นเจ็บปวดละมั้ง” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ถ้าพูดออกไปจะเป็นเสนียดหูของภรรยาเขาเปล่า ๆ เขาจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้เหมยเหมยมีชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์

 

เหมยเหมยก่นด่าขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าโอหยางซานซานตัวจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วตัวปลอมนี่เป็นใครกันแน่?”

 

“โอหยางซานซานตัวจริงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความเป็นไปได้ที่จะยังมีชีวิตอยู่น้อยมาก” เหยียนหมิงซุ่นบอกข่าวที่เพิ่งได้รับจากฝั่งอเมริกามา โอหยางซานซานไม่ต่างไปจากโอหยางสยง ไม่พบศพแต่กลับไร้ร่องรอย

 

เหมยเหมยพลันถอนหายใจ แต่มันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้

 

โอหยางซานซานตัวปลอมกล้าปรากฏตัวในฮ่องกงอย่างเปิดเผย บ่งบอกได้ว่าเธอมั่นใจในตัวตนของตัวเองมาก เห็นได้ชัดเลยว่าโอหยางซานซานตัวจริงคงรอดยาก

 

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบโอหยางซานซาน แต่ก็ไม่เคยคิดอยากให้เธอตาย

 

เมื่อเทียบกับโอหยางซานซานตัวปลอมแล้ว โอหยางซานซานตัวจริงจิตใจดีกว่ามาก เปรียบได้กับนางฟ้าเลย!

 

“คุณโจว คุณสืบได้หรือยังว่าใครเป็นคนเปิดเผยเบาะแสในครั้งนี้?” เหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน

 

โจวจื่อหัวส่ายหน้า “พวกพ้องที่ตามไปโรงละครในครั้งนั้นก็ตายหมด ตอนนี้ยังสืบไม่ได้ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้”

 

เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ประสิทธิภาพการทำงานต่ำเกินไปแล้ว แต่นี่มันเป็นเรื่องภายในของโจวจื่อหัว เหยียนหมิงซุ่นไม่สะดวกที่จะเข้าไปแทรกแซง คงต้องปล่อยให้โจวจื่อหัวค่อย ๆสืบหาด้วยตัวเอง

 

เหมยเหมยพลันนึกขึ้นมาได้ จู่ ๆก็นึกถึงคำพูดที่โจวซิงเอ๋อร์พูดตอนกอดเธอร้องไห้ เหมือนว่าจะเอ่ยถึงเสี่ยวอวี้ ซ้ำยังพูดในทำนองที่ว่าเสี่ยวอวี้ไม่มีทางทำร้ายเธอหรอก

 

หรือว่า…

 

เป็นไปได้มากว่าโจวซิงเอ๋อร์จะเล่าเรื่องที่จะไปดูละครเวทีที่โรงละครให้เพื่อนสนิทฟัง แต่ก่วนเสี่ยวอวี้จะทำร้ายโจวซิงเอ๋อร์จริงเหรอ?

 

จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างแต่เธอไม่ได้บอกโจวจื่อหัว สำหรับคนนิสัยใจคออย่างโจวจื่อหัวแล้ว ต่อให้เสี่ยวอวี้จะทำหรือไม่ได้ทำก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเป้าหมายใช้ระบายอารมณ์ของโจวจื่อหัวเสียมากกว่า

 

พอออกมาจากคฤหาสน์โจว เหมยเหมยจึงพูดในสิ่งที่เธอเป็นกังวลออกมา

 

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยชมว่า “นับวันยิ่งฉลาดขึ้นนะเนี่ย ฉันยังคิดไม่ถึงเลย”

 

เหมยเหมยฮัมเสียงอย่างได้ใจแล้วมองค้อนใส่ “นั่นเพราะพี่นับวันยิ่งโง่ลงต่างหาก”

 

เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลงกระซิบเตือนข้างหูเธอว่า “อยากโดนตีก้นนักใช่ไหม?”

 

“ไอ้บ้า!”

 

เหมยเหมยหยิกตรงเอวเข้าทีหนึ่งอย่างนึกโมโห ขมขู่เธอด้วยวิธีนี้ตลอดเลย ก็แค่ร่างใหญ่กำยำแข็งแรงกว่า เหอะ คอยดูกรงเล็บกระดูกขาวเก้าพิฆาตของเธอแล้วกัน!

 

เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปคว้าฝ่ามือเล็กที่สร้างปัญหาให้กับเขา ออกคำสั่งกับเสี่ยวอวิ๋นที่อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะอยู่ข้างหลังเขาว่า “ลองไปตรวจสอบก่วนเสี่ยวอวี้นั่นดูว่าเธอได้ติดต่อกับใครในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาบ้าง!”

 

“รับทราบ!”

 

เสี่ยวอวิ๋นก้มหน้างุดเหลือบมองเหมยเหมยที่พยายามจะหยิกหยอกอยู่ด้านหน้า และคุณชายหมิงที่พวกเขานับถือราวกับพระเจ้า แต่ก็แค่จับไว้เบา ๆเท่านั้น ในแววตาไม่มีความรำคาญเลยสักนิด ทั้งหมดล้วนเป็นความรักใคร่ความเอ็นดู ในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

นึกอยากสละโสดขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย!

 

พลอดรักโชว์ให้คนโสดดูทุกวันแบบนี้ สาวพรหมจรรย์ก็ทนไม่ไหวนะ!

 

ผ่านไปสองวันสภาพจิตใจของโจวซิงเอ๋อร์ก็ดีขึ้นมาก จนกล้าพอที่จะเดินออกมาจากห้อง ไม่ขังตัวเองอีกต่อไป

 

“ซิงเอ๋อร์ ไปดูการแข่งขันของเฉินเจียไหม?” เหมยเหมยโทรถาม

 

โจวซิงเอ๋อร์ลังเลอยู่นาน ด้วยกำลังใจจากโจวจื่อหัวจึงทำให้เธอตอบรับคำชวนของเหมยเหมย นัยน์ตาฉายแววสดใสขึ้นมาก

 

หัวใจแห่งรักและศรัทธาที่มีต่อเฉินเจียได้จางลงไปแล้ว เธอแค่อยากมองเขาอยู่ใกล้ ๆได้รับรู้ว่าเขาสบายดีไหมก็เพียงพอแล้ว

 

……………………………………………………………..

 

ตอนที่ 1827 หน้าไหว้หลังหลอกตีสองหน้า

 

การแข่งขันครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นทางการ เป็นการแข่งขันกระชับมิตรของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เฉินเจียเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยฮ่องกง มหาวิทยาลัยฮ่องกงก็มีทีมฟันดาบอยู่ โดยมีเฉินเจียเป็นหัวหน้าทีม ครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยฮ่องกงกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยยึดมิตรภาพเป็นหลัก การแข่งขันเป็นรอง

 

เฉินเจียเป็นทั้งหัวหน้าทีมและนักกีฬาทางการ เขาจึงเป็นกำลังหลักของมหาวิทยาลัยฮ่องกงไปโดยปริยาย ท่านอธิการบดีก็มาดูการแข่งขันด้วยตัวเองแล้วยังได้กำชับเฉินเจียอย่างจริงจังไปหลายประโยค ความหมายก็คือหวังว่าเฉินเจียจะติดอันดับ อย่าอ่อนข้อให้เด็ดขาด

 

ปล่อยให้มิตรภาพไปพบยมบาลซะเถอะ!

 

ทุกครั้งที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงของพวกเขาถูกโจมตีจนยับเยิน ไอ้พวกลูกหลานของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั่นไม่เห็นมันจะพูดถึงมิตรภาพอะไรเลย?

 

เหมยเหมยไปรับโจวซิงเอ๋อร์ที่คฤหาสน์โจว เห็นว่าเธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เพียงแค่ผอมลงไปหน่อยดูไม่สดใสกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อน นกกระจอกน้อยจอมเจื้อยแจ้วก็หายไปแล้ว หลังจากขึ้นรถมาโจวซิงเอ๋อร์ก็ไม่พูดอะไรเลยสักประโยค ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกปวดใจเหลือเกิน

 

แม้ว่าการแข่งขันจะจัดในสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยฮ่องกง แต่ก็ต้องมีบัตรเข้าชม ถ้าไม่มีบัตรก็เข้าไม่ได้

 

ตอนนี้เฉินเจียเป็นผู้เข้าแข่งขันมากความสามารถของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไปและจะต้องได้รับรางวัลด้วย ความสำคัญก็คงจะพอนึกออกได้ มหาวิทยาลัยฮ่องกงจึงต้องเคร่งครัดเรื่องการจัดสนามการแข่งขันเป็นธรรมดา

 

หากว่าเกิดเรื่องกับเฉินเจียในสนามแข่งขันแม้แต่น้อย มหาวิทยาลัยฮ่องกงคงไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้

 

เหมยเหมยกับพวกสยงมู่มู่หาที่นั่งวีไอพีแถวหน้าได้ บัตรพวกนี้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮ่องกงสั่งให้คนส่งมาให้เป็นพิเศษ เพราะเธอได้ช่วยอธิการบดีกำจัดมะเร็งร้ายของมหาวิทยาลัยฮ่องกงอย่างเจียงโฉ่วเฉิงไปได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยเลยว่าท่านอธิการบดีจะรู้สึกขอบคุณมากแค่ไหน

 

“เฉินเจียล่ะ? พ้นเดือนหน้าไปเขาก็ต้องไปแข่งรอบตัดสินที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยถามสยงมู่มู่หลังจากที่นั่งลง ช่วงนี้เธอยุ่งจนหัวหมุนจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของเฉินเจียเท่าไรนัก

 

“ออกเดินทางวันที่ 16 เดือนหน้า ถ้าการแข่งขันครั้งนี้ได้อันดับที่ดี กีฬาโอลิมปิกก็คงวางใจได้” สยงมู่มู่พูดอย่างดีใจ เขายืนขึ้นมองหาเฉินเจียทั่วทุกมุม แล้วก็เจอเข้าในเวลาอันรวดเร็ว

 

“เฉินเจียอยู่ตรงนั้น เขากำลังคุยกับเด็กผู้หญิงอยู่ เจ้าตัวแสบมีแฟนแล้วกล้าที่จะปิดบังฉันเหรอ เก่งใช่ย่อยเลยนะเนี่ย!”

 

สยงมู่มู่ยิ้มพร้อมสบถด่า ขณะเตรียมที่จะโบกมือเรียกเขาแต่จู่ ๆกลับส่งเสียงฉงนขึ้นมา พลางถีบสะกิดอู่เชาเบา ๆ “เจ้าอ้วน นายดูสิว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยืนคุยกับเฉินเจียชื่ออะไรนะ…ที่เป็นเพื่อนของโจวซิงเอ๋อร์น่ะ”

 

ประโยคสุดท้ายเขาพูดเสียงเบา แล้วตวัดสายตามองโจวซิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่เงียบ ๆ

 

ความรู้สึกที่เธอมีต่อเฉินเจียคนทั้งโลกต่างรู้ดี ถ้าเห็นกับตาตัวเองว่าเพื่อนสนิทอยู่กับเฉินเจียด้วยท่าทีสนิทสนมละก็ สภาพจิตใจที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะทนไหวเหรอ?

 

อู่เชาหรี่ตามองอยู่นาน ประจวบกับที่เด็กสาวพูดอะไรไม่รู้ประโยคหนึ่ง เฉินเจียถึงได้ระเบิดหัวเราะออกมาจนร่างบิดหันข้างเผยให้เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น

 

เธอคือก่วนเสี่ยวอวี้ที่เคยดูการแข่งขันด้วยกันก่อนหน้านั้น

 

แต่รอยยิ้มของเธอในตอนนี้สดใสดั่งดอกไม้แย้มบาน ไหนกันล่ะความเหนียมอาย

 

เหมยเหมยเองก็เห็นก่วนเสี่ยวอวี้เช่นกัน คิ้วขมวดแน่น ก่วนเสี่ยวอวี้เอาบัตรมาจากไหน?

 

หรือเฉินเจียจะเป็นคนให้?

 

เฉินเจียคงไม่ได้ชอบแม่นั่นเข้าจริง ๆใช่ไหม?

 

เธอไม่ชอบก่วนเสี่ยวอวี้จริง ๆ ต่อให้จะไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญเรื่องที่เธอหักหลังโจวซิงเอ๋อร์ แต่นิสัยใจคอของยัยนั่นก็ไม่ค่อยมีใครชอบนักหรอก ตอนอยู่กับโจวซิงเอ๋อร์เธอเป็นเหมือนดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ แค่พูดยังไม่กล้า แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว กลับมีท่าทีเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีนิสัยขี้อายและบอบบางแต่อย่างใด

 

เมื่อก่อนล้วนเสแสร้งทั้งนั้น

 

ขนาดอยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทเธอยังไม่ยอมเผยธาตุแท้ออกมาเลย เพื่อนแบบนี้ไม่มียังดีเสียกว่า

 

ไหนจะมาดูการแข่งขันในครั้งนี้อีก รู้ทั้งรู้ว่าโจวซิงเอ๋อร์ชื่นชอบเฉินเจียแต่เธอกลับแอบมาคนเดียว ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนโจวซิงเอ๋อร์ตั้งใจซื้อบัตรเผื่อเพื่อนตั้งใบหนึ่งตลอด!

 

เหมเหมยบอกให้สยงมู่มู่ไปเรียกเฉินเจียมาอย่างเงียบ ๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น จะได้ไม่เป็นการทำร้ายโจวซิงเอ๋อร์ด้วย

 

………………………………………………………..