บทที่ 1836 ความลำบากสามารถขัดเกลาคนได้มากที่สุด + ตอนที่ 1837 เสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1836 ความลำบากสามารถขัดเกลาคนได้มากที่สุด

พอมีคำยืนยันของฉิวฉิวเหมยเหมยเลยสบายใจขึ้นมาหน่อย ตอนนี้โจวจื่อหัวยังตายไม่ได้ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นทำไปก็สูญเปล่าหมด

เธอส่งสายตาให้เหยียนหมิงซุ่นซึ่งทั้งคู่รู้ใจกันดี ไม่พูดอะไรก็เข้าใจความคิดอีกฝ่าย

“ซิงเอ๋อร์ อย่าร้องเลย คุณปู่เธอจะต้องไม่เป็นไร เชื่อฉัน” ท่าทางมั่นใจของเหมยเหมยช่วยให้โจวซิงเอ๋อร์เบาใจลงไม่น้อย

เหยียนหมิงซุ่นรินน้ำหนึ่งแก้วและล้วงยาวิเศษจากกระเป๋าตรงอกหนึ่งเม็ดละลายน้ำ เหมยเหมยอธิบายว่า “นี่เป็นยาย้อนวัย ใช้โสมป่าอายุร้อยปี บัวหิมะบนภูเขาสูงแล้วก็สมุนไพรหายากอื่น ๆเป็นส่วนประกอบ ต่อให้เป็นคนที่ใกล้ตายก็ชุบชีวิตกลับมาได้”

ความจริงเป็นเพียงก้อนน้ำตาลกรวดที่เธอใช้น้ำยาวิเศษผสมแป้งและน้ำผึ้งเท่านั้น เธอพูดโกหกยาวเหยียดแต่โจวซิงเอ๋อร์กลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง แม้เธอจะไม่รู้เรื่องแพทย์แผนจีนแต่กลับอ่านนิยายกำลังภายในของจินยงกับกู่หลงมาไม่น้อย

โสมป่าร้อยปี บัวหิมะบนเขาสูง…

ล้วนเป็นของมีค่าที่หาได้ยาก เป็นของดีที่มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ คุณปู่รอดแล้ว

“ขอบคุณพี่เหมย…ฉัน…” โจวซิงเอ๋อร์แอบสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้พี่เหมยคือพี่สาวที่ดีที่สุดของเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่หักหลังทรยศพี่เหมยตลอดชีวิต

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เธอต้องรีบตั้งสติ คุณปู่ของเธอยังต้องการให้เธอดูแลนะ!”

เหมยเหมยตบไหล่เธอแล้วยิ้ม

“อืม!” โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้าแรง ๆ

ถึงคุณปู่จะทานยาลงไปก็คงจะไม่ดีขึ้นในเร็ววัน ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายขนาดนี้หม่ามี๊ก็เป็นคนไร้ประโยชน์ เธอหมดสิทธิ์ที่จะทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว เธอต้องตั้งสติช่วยดูแลตระกูลแทนคุณปู่

โจวซิงเอ๋อร์ผ่านประสบการณ์ครั้งใหญ่มาเลยทำให้นิสัยไม่ได้ใสซื่อเหมือนเคย เธอเองก็ดูออกว่ามีคนรับใช้คิดจะก่อกบฏ ซึ่งต้องมีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังแน่นอน

“พี่เหมย ฉันดูแลบ้านได้ แต่แก๊งของคุณปู่ฉันจะทำอย่างไรดี? ไม่มีคุณปู่คอยดูแลลูกน้องจะต้องวุ่นวายแน่ ๆ”

โจวซิงเอ๋อร์กล่าว

เหมยเหมยมองเธออย่างปลื้มใจ ความลำบากสามารถขัดเกลาคนได้มากที่สุดจริง ๆ โจวซิงเอ๋อร์คิดถึงจุดนี้ได้ก็บ่งบอกได้ว่าเธอโตแล้วจริง ๆ!

“สบายใจได้ สามีฉันจะช่วยดูให้ ไม่เป็นไรหรอก”

โจวซิงเอ๋อร์มองมาทางเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง แม้ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางน่ากลัวมากแต่พี่เหมยบอกว่าเขาทำได้ก็ต้องทำได้ เธอเชื่อพี่เหมย

โจวจื่อหัวดื่มเม็ดยาวิเศษที่ถูกละลายเป็นน้ำเข้าไปสีหน้าก็เริ่มดูดีขึ้นมา แต่ก็เริ่มไอเป็นเลือดสีดำอยู่หลายทีก่อนที่เจ้าตัวจะฟื้นขึ้น

“สวี่ก่วงเซิง…” โจวซื่อหัวเห็นเหยียนหมิงซุ่นก็เผยยิ้มอย่างสบายใจแล้วบอกชื่อคน ๆหนึ่งออกมา

“วางใจได้…เขาไม่มีทางได้เห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อีก” เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความหมายของเขา สวี่ก่วงเซิงคือพี่น้องร่วมสาบานของโจวจื่อหัวซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแก๊ง ดูท่าว่ามีความละโมบมากเกินไปคิดจะแทนตำแหน่งพี่ใหญ่แล้ว

น้ำยาวิเศษเพียงช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้โจวจื่อหัวแต่กลับถอนพิษไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นจึงตามหมอกู้มา

หมอกู้ตรวจอาการไปรอบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “รักษาได้แต่คราวหลังต้องอยู่ให้ห่างผู้หญิง ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นเจ้าแม่กวมอิมก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว”

ตาแก่นี่อายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่สงบเสงี่ยมอีก ดูสิว่าไตแทบแห้งกรอบเป็นแคร์รอตตากแห้งแล้ว!

โจวจื่อหัวมองหลานสาวอย่างอับอายแวบหนึ่งแล้วรับปาก “ขอแค่ครั้งนี้รอดชีวิตไปได้ วันหน้าฉันจะถือศีลกินเจ ถ้าทำผิดก็ขอให้ฉันตายอย่างอนาถไปเลย”

หมอกู้แค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งพลางล้วงหยิบกระเป๋าเก็บเข็มขึ้นมาแล้วชูสามนิ้ว “ค่ารักษาสามแสนไม่มีผ่อนไม่ค้างและชำระในครั้งเดียว”

แค่ดูก็รู้ว่าตาแก่เฒ่าหัวงูคนนี้คือคนมีเงิน เขาต้องถือโอกาสนี้ปอกลอกมามากหน่อยก็มีเงินเก็บพอใช้ในบั้นปลายชีวิตแล้ว!

ส่วนเงินที่หลานเซี่ยทิงเทาให้มาเขาจะไม่รับไว้แม้แต่แดงเดียว เขามีมือมีเท้ามีฝีมือการรักษาคนไม่จำเป็นต้องอาศัยหลานชายมาเลี้ยงดูตอนแก่ อีกอย่างเขาไม่อยากใช้เงินของหลานชายมากเท่าไร

ใครให้เขามีที่หนุนหลังเป็นเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่เล่า!

……………………..…………..…………..

ตอนที่ 1837 เสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า

หมอกู้ใช้วิชาการแพทย์ขั้นสูงฝังเข็มให้โจวจื่อหัวจนกลายเป็นเม่นแล้วปล่อยเลือดสีดำออกมากว่าครึ่งกะละมัง ถึงโจวจื่อหัวจะมึนหัวอย่างรุนแรงแต่กลับรู้สึกตัวเบาขึ้นมากเลยอดดีใจไม่ได้

“ขอบคุณคุณหมอกู้ ฉันจะให้ค่ารักษาตอนนี้เลยห้าแสน” ขอเพียงช่วยชีวิตได้ต่อให้ต้องเสียห้าล้านก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ไม่จำเป็น สามแสนก็พอ มากไปผมไม่รับ น้อยไปผมก็ไม่รักษา ช่วงนี้อย่าทานอาหารแสลง ดื่มน้ำต้มไข่ใส่น้ำตาลแดงบำรุงเลือดมาก ๆ สามวันหลังจากนี้ผมจะมาขับเลือดให้อีก”

คุณหมอกู้ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เงินสามแสนเป็นราคาที่เขาเสนอไว้สูงพอแล้ว หากเกินกว่านี้จะผิดจรรยาบรรณเกินไป ไม่ควรทำ!

โจวจื่อหัวยิ่งชื่นชมในตัวคุณหมอกู้จนเริ่มอยากผูกมิตร การเป็นมิตรกับคนที่มีวิชาแพทย์ขั้นสูงเท่ากับซื้อประกันตลอดชีพให้กับชีวิตตัวเองเลยนะ!

“หมอกู้รู้หรือเปล่าว่าฉันโดนพิษตัวไหน?” โจวจื่อหัวไม่เข้าใจอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคอยระวังเรื่องอาหารเสมอแล้วพลาดได้อย่างไร?

“เป็นยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้า บอกไปคุณก็ไม่เข้าใจแต่ผมบอกคุณได้ว่ายาพิษชนิดนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายกับหญิง คนที่วางยาพิษให้คุณต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน และต้องเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคุณด้วย”

โจวจื่อหัวสีหน้าเปลี่ยนไปพลางกัดฟันกรอด “นางแพศยา…”

พลาดท่าเสียเปรียบให้ ‘โอหยางซานซาน’ ติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า โจวจื่อหัวนึกแค้นใจจนอยากฉีกทึ้งร่างผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้น ๆ บดขยี้ให้เป็นผุยผงถึงจะช่วยชะล้างความแค้นในใจเขาได้

โจวจื่อหัวสลบเหมือดไปอีกครั้งเมื่อเลือดในกายพลุ่งพล่านจนสติพร่าเลือน

เหยียนหมิงซุ่นไม่ไว้ใจกับความปลอดภัยของโจวจื่อหัวจึงอยู่ต่อ เช่นเดียวกับเหมยเหมย สามีทำอะไรภรรยาก็ต้องทำตามสิ!

โจวซิงเอ๋อร์จัดห้องนอนรับแขกให้เหมยเหมยด้วยตัวเองแล้วสั่งให้คนรับใช้ดูแลให้ดี เหมยเหมยสังเกตเห็นว่าเธอทำหน้าเคร่งเครียดเลยถามว่า “ไม่นานคุณปู่เธอก็จะดีขึ้น ยังมีอะไรให้เครียดอีกเหรอ?”

“ฉันดีใจต่างหาก ไม่ได้เครียดนี่นา” โจวซิงเอ๋อร์ไม่ยอมรับแต่สายตาของเธอกลับโกหกไม่เป็น เจ้าหนูนี่ต้องมีเรื่องในใจแน่นอน

“มีใครมาพูดอะไรพล่อย ๆต่อหน้าเธออีกแล้วใช่ไหม?”

“เปล่า…” โจวซิงเอ๋อร์ปากบอกไม่มีแต่น้ำตากลับไหลรินลงมา เพราะรู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกินเลยเปิดปากเล่า

“เฉินเจียบอกว่าฉันเป็นคนเลว ถึงขนาดลงมือกับก่วนเสี่ยวอวี้โหดร้ายขนาดนั้น แต่เขาไม่รู้เลยว่าก่วนเสี่ยวอวี้ทำอะไรกับฉันไว้บ้าง…ฉันรู้สึกแย่จริง ๆ…”

เหมยเหมยลอบด่าเฉินเจียว่าโง่ ไม่มีสมองในใจ

“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไว้ฉันจะช่วยด่าเขาให้เธอเอง!”

“จะรบกวนการฝึกของเขาหรือเปล่า? หรือว่าไม่ต้องพูดแล้วดี ให้เขาคิดว่าฉันเป็นคนเลวไปเถอะ ถึงอย่างไรต่อจากนี้ไปฉันก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีก”

โจวซิงเอ๋อร์ปาดน้ำตาแสร้งทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ

เหมยเหมยคร้านจะเปิดโปงตัวเอง เพราะความจริงเธอเองก็ไม่ได้ทำเพื่อโจวซิงเอ๋อร์ทั้งหมด แต่เธอกังวลว่าเฉินเจียจะถูกก่วนเสี่ยวอวี้หลอกใช้มากกว่า ผู้ชายคนนี้ซื่อบื้อขนาดที่ว่าต่อให้ถูกหลอกใช้ก็ยังจะซึ้งใจขอบคุณเขาอีก!

ตกดึกเหมยเหมยให้สยงมู่มู่นัดเฉินเจียมาที่บ้าน นอกบ้านคนปากสว่างเยอะ นัดมาที่บ้านจะปลอดภัยกว่า

“มีธุระอะไรกับฉันเหรอ? หรือว่าอยากให้ฉันเลี้ยงมื้อดึก?” เฉินเจียยิ้มถามเสียงคิกคัก

“กินบ้าอะไร ฉันขอถามนายนะว่านายกับก่วนเสี่ยวอวี้เคยเจอกันเมื่อไร? เธอบอกอะไรนายบ้าง?” เหมยเหมยถามยาวเหยียด

เฉินเจียหน้าแดงระเรื่อน้อย ๆลามไปถึงหู เขาไม่กล้ามองเหมยเหมยและไม่กล้ามองพวกเพื่อนๆ ของเขาอย่างสยงมู่มู่ “ก็บังเอิญเจอบนถนนเมื่อหลายวันก่อน ไม่ได้พูดอะไร…”

“เฉินเจียเวลานายจะโกหกช่วยอย่าแหงนหน้ามองฟ้าได้ไหม? แบบนี้แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อนายด้วยซ้ำ สารภาพมาซะดี ๆ” สยงมู่มู่แค่นหัวเราะที

“ก็ได้ ๆ…ฉันจะสารภาพให้หมดเลย…โจวซิงเอ๋อร์พูดอะไรกับพวกเธอมาใช่ไหม ฉันจะบอกพวกเธอนะว่าโจวซิงเอ๋อร์ร้ายกาจมากจริง ๆ เสี่ยวอวี้เป็นเพื่อนสนิทของเธอนะ ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นกับเสี่ยวอวี้…”

เฉินเจียหน้าแดงอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ทั้งโกรธปนเขินอาย

……………………..………..………..