ตอนที่ 1834 ที่แท้คือเธอนี่เอง
เหยียนหมิงซุ่นเดินย้อนกลับไปถามจางฉู่เซิง “ชื่ออาเมย์สะกดอย่างไร?”
จางฉู่เซิงตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ “M-A-Y MAY ที่หมายถึงเดือนห้าของภาษาอังกฤษไง”
เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งวูบและนึกโกรธอย่างมาก เขาเคยได้ยินโจวจื่อหัวเอ่ยถึงชื่อภาษาอังกฤษนี้มาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งแต่กลับไม่เคยสังเกตว่าชื่อนี้จะมีปริศนาบางอย่างซ่อนอยู่
อาเมย์…เดือนห้า…อู่เยวี่ย
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงอีกคนขึ้นมาแต่เขายังไม่กล้ามั่นใจ ทั้งที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายโดนเผาเป็นเถ้าถ่านเองกับตาแล้วทำไมถึงฟื้นขึ้นมาได้?
หรือว่าสามปีก่อนเขาพลาดอะไรไป?
“ได้ผลตรวจสอบสถานะของโอหยางซานซานหรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสี่ยวอวิ๋น
“ยังไม่พบเพราะขอบเขตกว้างเกินไป”
“เร่งความเร็วหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่พูดอะไรอีก ลำพังอาศัยเพียงสามจุดที่เขาไม่ค่อยแน่ใจนักออกจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อยกับการต้องการล็อกตัวเป้าหมาย
เหยียนหมิงซุ่นขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือ เขาต้องการความเงียบสงบอย่างถึงที่สุดเพื่อจัดลำดับความคิดอีกที
ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อรับศพของอู่เยวี่ยไปก่อนเขาหนึ่งก้าวและระหว่างนั้นก็เว้นช่วงเวลาไปหลายชั่วโมง หากเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะสับเปลี่ยนละก็เวลาหลายชั่วโมงก็เหลือเฟือ
อีกอย่างถึงตอนนั้นเขาจะเห็นศพของอู่เยวี่ยที่ลานเผาศพและเห็นว่าเธอถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเองกับตา แต่ใครจะรับประกันได้ว่าศพนั้นเป็นของอู่เยวี่ยจริง ๆล่ะ?
วิวัฒนาการที่ทันสมัยสามารถเปลี่ยนใบหน้าคน ๆหนึ่งได้ ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อเองก็มีคนฝีมือดีแบบนี้เช่นกัน หนำซ้ำจากความสามารถของเฮ่อเหลียนเช่อการหาศพอีกคนมาแทนไม่ใช่เรื่องยากเลย
อีกอย่างอู่เยวี่ยในตอนนั้นถูกเหมยเหมยกรีดหน้าจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ต่อให้ไม่แต่งหน้าก็จำได้ยากอยู่แล้ว
เหยียนหมิงซุ่นยิ่งคิดยิ่งหนักใจ และยิ่งเชื่อในสิ่งที่ตนวิเคราะห์–
หากโอหยางซานซานคืออู่เยวี่ย
สามปีที่แล้วเธอยังไม่ตายแต่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อช่วยชีวิตไว้แล้วแอบฝึกฝนเธอ จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นโอหยางซานซานเพื่อเป็นผู้ช่วยมือฉกาจของเฮ่อเหลียนเช่อ มิน่าสองปีนี้กิจการในฮ่องกงและอเมริกาของเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้ราบรื่นดีนัก คิดว่าอู่เยวี่ยคงออกแรงไปไม่น้อย
อู่เยวี่ยวนเวียนอยู่ท่ามกลางเหล่าคุณชายเศรษฐีจึงเป็นเรื่องสบายหากคิดจะขโมยความลับทางการค้า อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังเจ้าแผนการพอจะให้เธอกลายเป็นสายลับระดับแนวหน้าในเรื่องธุรกิจได้เลย
เฮ่อเหลียนเช่อวางแผนแยบยลดีนี่!
เหยียนหมิงซุ่นทุบโต๊ะทีหนึ่งอย่างหงุดหงิด สามปีก่อนเขาประมาทเกินไปถึงได้ปล่อยงูอสรพิษตัวใหญ่ไปได้ นับว่าโชคดีที่เขาจับได้ ไม่อย่างนั้น…
เหงื่อผุดขึ้นเต็มหลังเขา ไม่กล้าจินตนาการเลย
คนที่อู่เยวี่ยแค้นที่สุดคงไม่พ้นเหมยเหมย เธอที่ฟื้นจากความตายจะโหดเหี้ยมกว่าเดิมและวิปริตกว่าเดิม หากเหมยเหมยตกอยู่ในเงื้อมมือเธอจะมีจุดจบอย่างไร?
โจวซิงเอ๋อร์ไม่มีความแค้นส่วนตัวกับอู่เยวี่ยยังถูกอู่เยวี่ยทำร้ายได้โหดร้ายขนาดนี้ เหมยเหมยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เหยียนหมิงซุ่นนึกโชคดีอีกครั้ง
แต่ก่อนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ให้เหมยเหมยรับรู้ เขาต้องรีบกลับเมืองหลวงถึงจะพิสูจน์ได้
เฮ่อเหลียนเช่อคงเสกศพมาเปล่า ๆไม่ได้หรอก
เรื่องของโอหยางสยงจบลงแต่เพียงเท่านี้ เฉินกั๋วเปียวเสียชีวิตแล้วจึงเหลือเพียงขั้วอำนาจเดียวอย่างโจวจื่อหัว กลุ่มอิทธิพลอีกคนได้ถูกเฉินกั๋วเปียวยึดมาเป็นของตนแล้ว หลังจากเฉินกั๋วเปียวเสียชีวิตก็ถูกโจวจื่อหัวมารับช่วงต่อ
โจวจื่อหัวมีใจภักดี เหยียนหมิงซุ่นไว้วางใจมากจึงสามารถกลับไปรายงานนายใหญ่ได้แล้ว
เฮ่อเหลียนเช่อทุ่มเทวางแผนดิบดีก็ไม่ได้ดั่งใจอยู่ดี
เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย นายใหญ่ให้ความสำคัญกับฮ่องกงมากทำให้ฮ่องกงกลายเป็นสนามรบของเขากับเฮ่อเหลียนเช่อไปโดยปริยาย ความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีไม่อนุญาตให้เขาพ่ายแพ้
เขาจะต้องชนะเฮ่อเหลียนเช่อ!
เขาในตอนนี้อยากกลับเมืองหลวงเหลือเกิน อยากเห็นใบหน้าสลดของเฮ่อเหลียนเช่อที่คิดว่าน่าจะดูสบายตากว่าวันปกตินัก!
เหมยเหมยจัดกระเป๋าอยู่ในห้องนอน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเสื้อผ้าเครื่องประดับเครื่องสำอางที่ซื้อใหม่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อเตรียมนำกลับไปเป็นของฝาก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นที่ปลายสายคือโจวซิงเอ๋อร์
“พี่เหมย คุณปู่ฉันกระอักเลือด…”
…………………………………………………..
ตอนที่ 1835 ถูกวางยาพิษ
เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยรีบเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลโจวอย่างรวดเร็ว คฤหาสน์หลังโตเป็นระเบียบวินาทีนี้กลับเละเป็นโจ๊ก คุณนายเพิ่งเสียชีวิตไปนายท่านก็ป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีใครคอยสั่งการเลยอดใจหวิวไม่ได้
คุณแม่ของโจวซิงเอ๋อร์เอาแต่ร้องไห้ส่วนลูกชายสองคนพร้อมลูกสะใภ้ของโจวจื่อหัวไม่อยู่บ้านเนื่องจากไปดูแลกิจการที่แผ่นดินใหญ่ คฤหาสน์อันกว้างใหญ่มีเพียงเจ้าของบ้านที่ไร้ประโยชน์อย่างคุณแม่โจวซิงเอ๋อร์คนเดียว
โจวซิงเอ๋อร์ยังอายุน้อยไม่มีความน่าเกรงขาม นับว่าโชคดีที่พวกเหมยเหมยเดินมาถึงก่อนไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคฤหาสน์ตระกูลโจวบ้าง!
“วิตกเรื่องอะไรกัน นายท่านของพวกคุณแค่เสียใจเกินกว่าเหตุถึงได้ป่วย ไม่นานก็หายดีแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยเสียงไม่ดังนักแต่กลับช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบลงได้ เหล่าคนใช้ที่จิตใจกระวนกระวายก็ใจเย็นลงราวกับเกิดปาฏิหาริย์
เหยียนหมิงซุ่นกวาดตามองคนกลุ่มนี้จึงพบว่ามีหลายคนที่ดวงตาเป็นประกายวาวเลยแค่นเสียงหัวเราะทีหนึ่ง ส่งสายตาให้เสี่ยวอวิ๋นแวบหนึ่งก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกพาตัวไปสอบสวน
มีเขาอยู่ใครก็อย่าคิดจะเล่นตุกติก โจวจื่อหัวเองก็ตายไม่ได้!
ถ้าจะตายก็ต้องรอหลังปีเก้าเจ็ดไป!
โจวจื่อหัวนอนตัวซีดอยู่บนเตียงปากเขียวช้ำรวมถึงใบหน้าเช่นกัน ตรงมุมปากยังมีรอยสีดำคล้ำและลมหายใจโรยริน
“พี่เหมย…” โจวซิงเอ๋อร์ขานเรียก ดวงตาปูดโปนเหมือนลูกวอลนัท ดูท่าทางสภาพเธอก็ไม่สู้ดีนักดูอ่อนแรงราวกับพร้อมจะปลิวไปตามสายลม
“คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถาม
“บอกว่าคุณปู่ไม่ไหวแล้ว…ให้ฉันกับแม่ฉันเตรียมจัดงานไว้ได้เลย…ฮือ…คุณปู่จะตายไหมคะ…” โจวซิงเอ๋อร์โผเข้าซบอกเหมยเหมยแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเธอก็ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ ตอนนี้คุณปู่ที่คอยปกป้องเธอก็ล้มป่วยลง โจวซิงเอ๋อร์เปรียบดั่งต้นหญ้าอ่อนท่ามกลางลมพายุที่ดูน่าสงสารไร้ที่พึ่งพา
“ไม่เป็นไร คุณปู่เธอจะไม่เป็นไร อย่าร้องเลยนะ เธอต้องตั้งสติ คุณปู่เธอยังรอให้เธอดูแลอยู่นะ!”
เหมยเหมยตบหลังโจวซิงเอ๋อร์เบา ๆ ไม่รู้ควรพูดอะไรปลอบเธอดี
“ตาแก่นี่โดนวางยาพิษ สบายใจได้ ไม่ตายหรอก…” ฉิวฉิวมุดออกมาจากกระเป๋าแล้วสะบัดหางฟูไปมา อย่าให้ต้องพูดเลยว่าได้ใจมากขนาดไหน
ระยะนี้ฉิวฉิวเงียบเหมือนเป่าสากที่แม้แต่กินอะไรยังต้องคอยหลบ ๆซ่อน ๆ
เพราะเขารู้สึกผิด
สารพิษในร่างกายของเหมยเหมยเขารักษาไม่ได้ทำให้ฉิวฉิวรู้สึกเสียหน้า เป็นถึงสัตว์เทวะแท้ ๆแต่กลับทำอะไรพิษกระจอก ๆของโลกมนุษย์ไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรเหลืออีกล่ะ
ยาพิษในตัวโจวจื่อหัวตอนนี้เรียกให้คุณชายฉิวโล่งใจในที่สุด
โจวซิงเอ๋อร์สะดุ้งตกใจเพราะฉิวฉิวที่มุดออกมากะทันหัน พอลองดูให้ดีกลับเป็นกระรอกขนขาวน่ารักตัวหนึ่งก่อนเธอจะตกเป็นทาสโดยทันที
“พี่เหมย นี่สัตว์เลี้ยงของพี่เหรอ?”
“เพื่อนสนิทของฉันเอง ฉิวฉิว ทักทายซิงเอ๋อร์หน่อย” เหมยเหมยเลยกอดฉิวฉิวไว้ในอ้อมแขนก่อนจุ๊บศีรษะมันไปหลายที ช่วงนี้ฉิวฉิวเงียบผิดปกติไปซึ่งเธอรู้ดี
และรู้ดีว่าเจ้าตัวเล็กกำลังโทษตัวเอง
ช่างโง่เขลาเสียจริง!
ฉิวฉิวช่วยเธอมาตั้งมากแล้วเธอจะโทษมันได้อย่างไร?
ฉิวฉิวยื่นเท้าป้อม ๆโบกให้โจวซิงเอ๋อร์ไปมาแล้วซุกเข้าอกเหมยเหมยอย่างสงบ ช่างดูเชื่องเหลือเกิน ความคิดของนายผู้หญิงเมื่อครู่เขารู้สึกถึงมันได้เช่นกัน…อยู่ ๆก็อยากร้องไห้ชะมัด…
เจ้าตัวเล็กใช้เท้าอวบป้อมเช็ดตาทีสองทีแล้วหดตัวเข้าไปอย่างเขินอาย จะให้น้องฉาฉาเห็นเข้าไม่ได้เด็ดขาด ขายขี้หน้าแย่!
“พี่ฉิว…ร้องไห้ใช่ไหม?” ฉาฉาโพล่งถามขึ้นมา
“เหลวไหล…เจ้าตาบอดหรือไง…ข้าแค่เป็นหวัด…” ฉิวฉิวอายปนโกรธ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนนอกที่อยู่ด้วย เขาคงตวัดกรงเล็บใส่เจ้าบ้าที่ตาไม่มีแววตัวนี้แหง ๆ
ฉาฉาแอบแลบลิ้นสองแฉกอย่างน่ารัก เหอะ งูอย่างพวกเขาไม่ใช้ตาในการมองหรอกนะ พี่ฉิวโกหกเขาอีกแล้ว!
………………………………..