คนที่ห้าที่ออกมาดวลกับหลินสวิน คือ อันฮว่าเทียน

เขาผมสีเทาทั้งหัว ส่วนลึกของดวงตามีประกายสายฟ้าแสงสายไฟประหลาดสีขาวเงินกับและดำสนิทสองอย่างพลุ่งพล่าน น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

เขามาจากเผ่าเหยี่ยวมังกร เผ่าที่เก่าแก่อย่างที่สุดเผ่าหนึ่ง บรรพบุรุษเคยมีถือกำเนิดราชันอริยะที่แท้จริง

ทันทีที่การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มขึ้น ก็เข้าสู่สถานการณ์ที่ดุเดือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ฟ้าดินล้วนกึกก้องคำราม แสงศักดิ์สิทธิ์ม้วนตัว

พลันเห็นร่างกายครึ่งหนึ่งของอันฮว่าเทียนปกคลุมด้วยสายฟ้าสีเงิน ส่วนอีกครึ่งปกคลุมด้วยสายฟ้าสีดำ ปรากฏภาพหยินหยางร่วมประสาน หลอมรวมในท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ทั้งกาย

และส่วนสายฟ้าคือตัวจู่โจมสังหารหลัก หลังจากตอบสนองกับพลังแห่งหยินหยาง กลิ่นอายทำลายล้างที่แพร่กระจายแผ่ออกมา ทำให้หลินสวินเองยังประหลาดใจอย่างมาก

ศักยภาพของคู่ต่อสู้อาจจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดเกรง แต่อภินิหารพรสวรรค์ที่แปลกประหลาดและน่ากลัวนี้ กลับทำให้หลินสวินเองก็มีความรู้สึกได้เปิดหูเปิดตา

ทุกเผ่าพันธุ์ที่สามารถอยู่รอดจนถึงวันนี้ได้ จะต้องมีรากฐานและที่พึ่งอย่างแน่นอน

แต่หลินสวินก็ไม่ปรานี

เพียงครู่เดียวก็กดขี่กดดันจนอันฮว่าเทียนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

เห็นได้ชัดว่าอันฮว่าเทียนเองก็รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี สำแดงแสดงไพ่ตายสู้สุดชีวิต

“กระแสสายฟ้าไฟฟ้าแห่งนิลดำ ล้างความชั่วร้าย!”

“สายฟ้าอสนีแห่งนิลดำ ทลายสังหารหมื่นวิญญาณ!”

เขาตะโกน ในปากท่องคาถาลับอันคลุมเครือออกมา

ก็พลันเห็นสายฟ้าสีดำสนิทสายหนึ่ง หลอมเข้าไปในสายฟ้าสีเงิน แล้วครู่เดียวก็ปรากฏแสงประกายสีเทาที่เป็นดั่งฮุ่นตุ้น[1] แรกกำเนิดจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายทำลายล้างที่น่ากลัวสายหนึ่งม้วนตัวออกมา พลุ่งพล่านปั่นป่วน สั่นสะเทือนในวงกว้าง เก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบแผ่นดินทศภูมิล้วนครั่นครืนคำราม!

วิชาลับระดับนี้น่ากลัวมาก แม้แต่หลินสวินยังตกใจ แต่ยังคงคุกคามเขาได้ไม่มากนัก

ตูมโครม!

ท่ามกลางฟ้าดินที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝ่ามือของหลินสวินปรากฏหุบเหวขนาดใหญ่ ชั่วพริบตาก็กลืนกินสายฟ้าหยินหยางที่แปลกประหลาดนั่นจนหมด จากนั้นบดขยี้จนเป็นฝุ่นผง!

ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือนี้กดลงบนร่างอันฮว่าเทียนอย่างแรง พลันเห็นร่างทั้งร่างของเขาเหมือนจมสู่ตกลงไปในวังน้ำวน ร่างกายถูกทำลายทุกตารางนิ้วกระเบียด เลือดไหลนองลงสู่พื้นดิน

วิธีตายเช่นนี้ ทำให้หลายคนต่างหนังหัวชาวาบ

จนถึงสุดท้าย แม้แต่พลังจิตของอันฮว่าเทียนยังไม่รอด ถูกทำลายจนหมดสิ้น!

ถึงตอนนี้ อันฮว่าเทียนร่วงหล่น

หลินสวินได้รับชัยชนะห้าครั้งติด!

ความดีใจอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งค่ายจักรวรรดินอกจากตื่นเต้นดีใจแล้ว ยังอดเกิดความตะลึงและงุนงงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า หลินสวินแข็งแกร่งกว่า น่ากลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการ!

พอคิดถึงตอนเริ่มแรก ที่หลินสวินถูกหลายคนในค่ายมองว่าเป็นมอด ในใจพวกเขาก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกที่พูดไม่ออก

ตอนนี้หากพวกคนที่รออยู่ในค่ายรู้ผลงานการต่อสู้ของหลินสวิน ก็ไม่รู้ว่าจะตะลึงแค่ไหน

แต่ฝั่งสหพันธ์หมื่นเผ่าพันธมิตรหมื่นเผ่า แต่ละคนสีหน้าย่ำแย่มาก เขียวคล้ำซีดเซียวอย่างที่สุด

แม้แต่อริยะอย่างหนิวเจิ้นอวี่ยังสีหน้าเย็นเยียบ ราวกับกำลังพยายามระงับอารมณ์เดือดดาลหงุดหงิดและเจตนาสังหารไอสังหารในใจ

“ต่อไป!”

หลินสวินพูดเรียบๆ

“เจ้ายังจะสู้ต่อหรือ”

คนถามคือข่งซิ่ว เขาเหมือนไม่สามารถยอมรับได้ ขึ้งโกรธอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างที่สุด

“ผู้ชนะสามารถเลือกที่จะต่อสู้ต่อได้ นอกเสียจากพวกเจ้ามีใครสามารถเอาชนะข้าได้ แต่นี่ไม่มีทางแน่อยู่แล้ว”

หลินสวินพูดถึงตรงนี้ ราวกับตระหนักอะไรได้ สายตามองไปที่ข่งซิ่วแล้วพูดว่า “ทำไม เจ้ากลัวแล้วหรือ”

ข่งซิ่วพวงแก้มแดงระเรื่อ พูดอย่างเดือดดาล “ข้าจะกลัวเจ้าได้อย่างไร”

“ต่อไปตาเจ้าแล้วใช่หรือไม่” หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ

ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของข่งซิ่วชะงักงัน

“ในเมื่อตาเจ้าแล้ว และเจ้าก็ไม่ได้กลัวข้า เหตุใดต้องเสียเวลา” มุมปากหลินสวินได้ปรากฏรอยโค้งองศาเยาะเย้ยแล้ว

ฝั่งค่ายจักรวรรดิ ต่างส่งเสียงหัวเราะเกรียวกราว

ก่อนหน้านี้ก็ข่งซิ่วนี่แหละที่คุยโวอย่างอวดดีที่สุด เย่อหยิ่งไร้มารยาท เชิดหน้าชูคอ มองเหล่าผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิอย่างพวกเขาเป็นเหยื่อ

แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าเข้าสู่สนามเสียที!

เหตุผลแค่คิดก็รู้ ว่าต้องถูกวิธีเข่นฆ่านองคาวเลือดของหลินสวินทำเอาหวาดหวั่นสยบอย่างแน่นอน

“ข่งซิ่ว! ไม่มีอะไรมากไปกว่าตาย เหตุใดต้องทำท่าทางเช่นนี้ จะถูกคนหัวเราะเยาะโดยใช่เหตุ”

หนิวทุนเทียนตวาดตะเบ็งเสียง เดือดดาลอย่างที่สุด

“นี่ก็คือสงครามพิพาทศึกถกมรรค ตาเจ้าแล้ว”

หนิวเจิ้นอวี่เองก็ส่งเสียงอย่างเย็นเยียบ ถ้ากลัวการต่อสู้ไม่เข้าไปเผชิญหน้า หากเผยแพร่ออกไป สหพันธ์หมื่นเผ่าพันธมิตรหมื่นเผ่าของพวกเขาจะมีที่ยืนในสมรภูมิกระหายเลือดได้อย่างไร

“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”

ข่งซิ่วสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่นิ่งสับสน สุดท้ายก็กัดฟัน ก้าวขึ้นสนามรบสนามประลองทันทีอย่างกะทันหัน แผ่กระจายไอสังหารที่น่ากลัวทั่วร่างกาย

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกบีบจนร้อนรนลนแล้ว

กระต่ายที่จนตรอกยังกัดคนได้ หมาจนตรอกยังกระโดดข้ามกำแพงได้ แล้วนับประสาอะไรกับข่งซิ่ว

ตูมโครม!

ทันใดนั้นเขาเรียกงัดสมบัติออกมา นั่นเป็นทวนวงเดือนสีทองเล่มหนึ่ง ส่งเสียงคำราม พุ่งโจมตีเข้าใส่สังหารมาทางหลินสวินราวกับบ้าคลั่ง

แต่การเคลื่อนไหวกระทำของหลินสวินไวกว่าเขา เงาร่างพลันส่ายวูบไหวและหายไปจากจุดเดิมกับที่ ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวตรงหน้าข่งซิ่ว

“คุกเข่าลง!”

พร้อมกับเสียงคำราม หลินสวินยื่นมือชิงตัวคว้าทวนดวงเดือนสีทองของอีกฝ่ายมา จากนั้นฝ่ามือตบออกไป กดลงมาราวกับม่านฉากที่บดบังฟ้า กดลงมา

ปัง!

ข่งซิ่วยังไม่ทันตอบสนอง ไหล่ก็ยุบลง เอ็นกระดูกระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายถูกตบจนคุกเข่าลงกับพื้นทั้งอย่างนั้น

การโจมตีเดียว!

ชั่วพริบตาเท่านั้น ก็ปราบปรามกำราบราชันอมตะเคราะห์ด่านแปดอย่างข่งซิ่วจนคุกเข่าลงบนสนามรบสนามประลองด้วยท่าทางน่าอายเช่นนี้แล้ว

เร็วไวเกินไปแล้ว

หลายคนยังไม่ทันตอบสนอง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว

ชั่วขระเดียวทันใดนั้นในลานถึงกับสนามกลับปรากฏสภาพเงียบเชียบความเงียบที่แปลกประหลาด ทุกคนในที่นั้นสนามต่างท่าทางอึ้งงัน

ก่อนหน้านี้ก็เป็นข่งซิ่วนี่แหละที่คุยโวอย่างอวดดีที่สุด

และตอนนี้ก็เป็นเขานี่แหละที่พ่ายแพ้ไวที่สุด!

หากพูดถึงพลังต่อสู้ที่แท้จริง ข่งซิ่วด้อยกว่าเมิ่งเหลียนชิงเพียงนิดเดียวเท่านั้น แข็งแกร่งกว่าพวกอันฮว่าเทียนอันฮวาเทียนและปี้อวิ๋นเซิงที่ตายในมือหลินสวินเสียอีก

แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่พ่ายแพ้ไวที่สุด เหนือความคาดหมายของทุกคน และทำให้ในใจทุกคนสั่นไหว อดตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่งไม่ได้

ในการประลองก่อนหน้านี้ หลินสวินยังไม่เคยใช้พลังอย่างเต็มที่งั้นหรือ

ไม่เช่นนั้นจะปรากฏภาพฉากเช่นนี้ได้อย่างไร

“ลุกขึ้นมา!” ห่างออกไป เสียงตะโกนด้วยความเดือดดาลของหนิวเจิ้นอวี่ดังขึ้น น่าอายเกินไปแล้ว แค่การโจมตีเดียวก็ถูกตบจนคุกเข่าลงกับพื้น ทำให้เขายังทนดูต่อไปไม่ได้

“ข่งซิ่ว ตายได้ แต่จะตายอย่างน่าอับอายเช่นนี้ไม่ได้!”

หนิวทุนเทียนเองก็โมโหขึ้งโกรธ ตะโกนออกมาเช่นกัน

เพียงแต่ไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนอย่างไร ข่งซิ่วที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด ราวกับรูปปั้นรูปหนึ่งก็ไม่ปาน

“เขาตายแล้ว เรียกไปก็ไม่มีประโยชน์”

หลินสวินพูด

ประโยคเดียวตะลึงกันถ้วนทั่วหน้า!

ตอนที่ทุกคนมองไปอีกครั้ง ก็ค้นพบว่ากลิ่นอายของข่งซิ่วขาดหายได้หยุดไปแล้ว ไม่มีคลื่นพลังชีวิตอีกต่อไป

“นี่…”

ทุกคนเหม่อลอยสติหลุด

ที่แท้การโจมตีนี้ ไม่เพียงปราบปรามกำราบจนข่งซิ่วคุกเข่าลงกับพื้น แต่ยังฆ่าเขาด้วย จบชีวิตในท่าคุกเข่า!

การตายเช่นนี้ น่าอายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้าหมอนี่ สมควรฆ่าจริงๆ!”

หนิวเจิ้นอวี่ระงับเพลิงโทสะโกรธในใจไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกตะเบ็งเสียงออกมา

เสียงตวาดตะโกนราวกับกลองสวรรค์สั่นสะเทือน พุ่งตรงเข้าไปหมายแทบจะระเบิดจิตวิญญาณของหลินสวิน กลิ่นอายมรรคอริยะศักดิ์สิทธิ์น่ากลัว

ในช่วงเวลาสำคัญนี้ จ้าวซิงเย่สะบัดแขนเสื้อ สลายคลื่นเสียงที่ปรากฏในอากาศ รวมถึงผลลัพธ์คลี่คลายจุดจบที่น่ากลัวนี้ด้วย

“หนิวเจิ้นอวี่ เจ้าจะแหกกฎหรือ” จ้าวซิงเย่พูดเสียงเย็น

“หึ!”

หนิวเจิ้นอวี่สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ดูไม่ออกหรือว่าข้าเพียงแค่ระบายเพลิงโทสะโกรธเท่านั้น”

“หากเจ้ากล้าก่อกวนตุกติกอีกครั้งก็ลองดู!” จ้าวซิงเย่ไอสังหารพวยพุ่งพลุ่งพล่าน

หนิวเจิ้นอวี่สีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ต้องห่วง กฎของสงครามพิพาทศึกถกมรรคไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำลายได้จะไม่มีใครแหกทั้งนั้น พวกเรา… ยอมรับความพ่ายแพ้ได้!”

ในสนามรบสนามประลองพลังจิตของหลินสวินมั่นคงไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับทำให้ในใจเขาเกิดความระแวง พิสูจน์การคาดเดาของตนไปอีกก้าวหนึ่ง

อริยะเหล่านี้หากโกรธขึ้นมา ย่อมกล้าทำสิ่งที่อยากทำอย่างแน่นอน!

และโชคดีที่ตั้งแต่เริ่มลงมือ เขาก็ออมมือมาโดยตลอด ไม่ได้เผยพลังต่อสู้ที่สะดุดตาเกินไป ไม่เช่นนั้น ไม่แน่ว่าอริยะอย่างหนิวเจิ้นอวี่จะทำเล่นอะไรสกปรกออกมาอีกอะไร!

ข่งซิ่วตายแล้ว นี่เป็นคู่ต่อสู้คนที่หกที่ตายในมือหลินสวินแล้ว ในฝั่งสหพันธ์หมื่นเผ่าพันธมิตรหมื่นเผ่า เหลือเพียงแค่พวกหนิวทุนเทียนสามคน

สามารถพูดได้ว่า สถานการณ์เอียงมาทางค่ายจักรวรรดิโดยสมบูรณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าได้เปรียบ

แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้

ฝั่งค่ายจักรวรรดิต่างกำลังคาดเดาว่าหลินสวินจะสามารถเข่นฆ่าต่อไป สังหารศัตรูทุกคนในสนามจนหมดสิ้น สร้างสถิติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนได้หรือไม่

“ต่อไป”

สองคำพูดที่คุ้นเคยออกมาถูกถ่ายทอดจากปากหลินสวินอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันและอึมครึมและอันตรายขึ้นมา

คนที่เจ็ดที่ก้าวขึ้นมาดวลกลับหลินสวินบนสนามรบสนามประลอง คือบุคคลที่สู้ปี้้อวิ๋นเซิงไม่ได้ด้วยซ้ำ บางทีในรุ่นเดียวกันอาจเรียกได้ว่าสุดยอดและสะดุดตา

แต่ในสายตาของหลินสวินก็ยังไม่เอาไหนพอ

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งฝั่งค่ายจักรวรรดิยังรู้สึกว่า คนผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับมารนหาที่ตาย

ตามคาด เพียงไม่กี่พริบตาทายาท ลูกหลานที่มาจากเผ่าสิงห์โลหิตคนนี้ก็ถูกโจมตีสังหาร ก่อนตายยังตะโกนอย่างเจ็บปวด “ทำไมไม่ยอมอนุญาตให้ยอมแพ้ ทำไม”

เสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถนั่น ทำให้สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่ย่ำดูแย่ขึ้นมา

ฝั่งค่ายจักรวรรดิต่างหัวเราะเยาะ ยอมแพ้งั้นหรือ ในสงครามพิพาทศึกถกมรรคที่ผ่านมา พวกเขาเคยปรานีหรือไม่

ไม่!

นี่เรียกว่าชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็ควรจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสความสิ้นหวังและอัดอั้นเช่นนี้บ้างแล้ว!

คนที่แปดที่เข้าสู่สนามคือผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าวาฬมังกร นามว่าหลันซิวไห่ ดูไม่สะดุดตานัก แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย

นี่ทำให้ฝั่งค่ายจักรวรรดิต่างประหลาดใจ เพราะพวกเขาจำได้แม่นว่า หลันซิวไห่คนนี้ไม่ใช่หนึ่งในสิบของกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า

แต่พลังที่เขาสำแดงแสดงออกมาตอนต่อสู้ ไม่ด้อยไปกว่าเมิ่งเหลียนชิงเลย!

นี่เป็นม้ามืดของฝั่งสหพันธ์หมื่นเผ่าพันธมิตรหมื่นเผ่าอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นตัวตนที่เป็นเหมือนดำรงอยู่อย่างไพ่ไม้ตาย ครั้งนี้หากไม่ใช่มีหลินสวินอยู่ จุดจบนั้นแทบไม่กล้าคิด

ฝั่งค่ายจักรวรรดิ บางทีอย่างน้อยก็คงมีแค่หลี่ตู๋สิงที่สามารถเทียบกับหลันซิวไห่ได้

แต่โชคดีที่มีหลินสวินอยู่!

การต่อสู้ครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มก็ดุเดือดอย่างที่สุด หลันซิวไห่สู้สุดชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ห่วงอะไรและไม่กลัวตาย ราวกับบ้าคลั่งอย่างไรอย่างนั้น

ท่าทีที่เหี้ยมโหดและเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น ทำให้หลายคนหนาวเหน็บในใจหมดหวัง

แต่สุดท้ายหลันซิวไห่ก็แพ้ แม้ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงอย่างลึกล้ำ แต่เผชิญหน้ากับหลินสวินที่ปราบปรามและออมมือมาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่พอ

ตูมโครม!

ท่ามกลางเสียงอึงอลคำรามที่น่ากลัว หลันซิวไห่ถูกโจมตีจนศีรษะแตกเป็นเสี่ยงๆ ศพไร้หัวตัวขาดปลิวออกไปสูงมาก ยามนี้ถึงเพิ่งจะร่วงลงพื้นดังพลั่กพรวด

ค่ายจักรพรรดิต่างโล่งอกโดยมิได้นัดหมาย จากนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา

นี่เป็นการชนะแปดครั้งต่อเนื่องของหลินสวินแล้ว!

นอกจากเสวียนหลัวจื่อที่ถูกซ่งอู๋เชวียฆ่า นอกจากหนิวทุนเทียนที่เลือกที่จะถอยออกจากสนาม ราชันเผ่าต่างๆ อีกแปดคน ล้วนถูกหลินสวินฆ่า!

ยามนี้ในที่สุดจ้าวซิงเย่ก็หัวเราะออกมา ราวกับยกภูเขาออกจากอก

ยามนี้สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่มึนทะมึนมนราวกับน้ำ กราดเกรี้ยวระเบิดความโกรธจนยากจะควบคุม!

——