ตอนที่ 1447 เปลี่ยนแปลงกะทันหัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สายลมหนาวพัดผ่าน ในลานเงียบสงัด

ทุกสายตาต่างมองไปที่เงาร่างปานเทพมารที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้นั่น

หลินสวินชนะแปดสนามติด สังหารผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าแปดคน ต่อสู้กี่สนามก็ล้วนชนะ สะเทือนทั้งลาน!

“น่าชังนัก! น่าชังนัก…”

ฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่า นอกจากอริยะหนิวเจิ้นอวี่ก็เหลือเพียงหนิวทุนเทียนคนเดียว ยามนี้เขาตาแดงไปหมด กำหมัดแน่น ข้อนิ้วบีบจนขาวซีด

ก่อนศึกถกมรรคเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ พวกพ้องแต่ละคนนองเลือด ร่วงหล่นลงตรงหน้า ความรู้สึกเดือดดาลอัดอั้นเช่นนั้นทำให้หนิวทุนเทียนแทบคลั่งแล้ว

แม้ฝั่งจักรวรรดิยังงุนงง ตะลึงจนพูดไม่ออก

สังหารแปดครั้งติด!

นอกจากเสวียนหลัวจื่อที่ถูกซ่งอู๋เชวียฆ่า ฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่าก็เหลือเพียงหนิวทุนเทียนคนเดียวที่ยังมีสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้!

จิตใจทุกคนต่างพลุ่งพล่าน ในศึกถกมรรคหลายปีที่ผ่านมา ค่ายทัพจักรวรรดิถูกกดดันมาโดยตลอด ถูกเงามืดและความอับอายปกคลุม

แต่วันนี้หลินสวินพลิกสถานการณ์อย่างแข็งกร้าว คนเดียวฆ่าจนอีกฝั่งร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง มืดมนอับแสง!

แม้เป็นจ้าวซิงเย่ก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะนำพา ‘ความประหลาดใจ’ ขนาดนี้มาให้ตน

นี่ทำให้นางนึกถึงยามก่อนออกเดินทาง ‘คำพูดโอ้อวด’ ที่หลินสวินเคยพูดว่า เขาเพียงกังวลว่าฝีมือของอีกฝ่ายไม่เก่งกาจพอ…

ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่คำพูดโอ้อวดอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความจริง!

หนิวเจิ้นอวี่ไม่ปริเสียง สีหน้ามืดมนราวกับน้ำ เพลิงโกรธที่สั่งสมในดวงตาน่ากลัวถึงขีดสุดแล้ว ความเสียหายเช่นนี้เขาเองก็คิดไม่ถึง!

น่าอนาถเกินไปแล้ว!

หากข่าวศึกถกมรรคครั้งนี้เผยแพร่ออกไป ความฮึกเหิมของพวกเขาพันธมิตรหมื่นเผ่าจะต้องได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วงแน่ ต่อไป… จะสามารถเชิดหน้าชูตาในสมรภูมิกระหายเลือดได้อย่างไร

“เจ้ายังจะสู้หรือไม่”

ท่ามกลางความเงียบ หลินสวินพูดขึ้น

ประโยคเดียวมีแววดูถูกเหยียดหยามที่บอกไม่ถูก ทำให้หนิวทุนเทียนรู้สึกเสียดหูเป็นพิเศษ ความอัดอั้นที่ไม่พูดไม่ออกถาโถมในใจ

เมื่อก่อนล้วนเป็นพันธมิตรหมื่นเผ่าที่ดูถูกค่ายทัพจักรวรรดิ ตอนนี้ดันกลับกันเสียแล้ว!

นี่จะให้หนิวทุนเทียนรับได้อย่างไร

“ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นห่วงว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสแล้วข้าจะได้เปรียบ ตอนนี้ข้าสู้มาแปดสนามแล้ว ต่างจากเจ้าในตอนนั้นไม่มากนัก อยู่ที่เจ้าว่ากล้ามาต่อสู้หรือไม่”

หลินสวินพูดอย่างเฉยชา

แต่ละคำเหมือนดาบเล่มหนึ่งแทงหัวใจหนิวทุนเทียนอย่างแรง ทำให้เขาตาแทบถลน ควบคุมตัวเองไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง ตะคอกว่า “ทำไมจะไม่กล้า”

“ช้าก่อน!”

แต่ตอนนี้เองหนิวเจิ้นอวี่ตะโกนห้าม “เจ้าเคยร่วมศึกถกมรรคแล้ว ชนะจนได้เกียรติยศของตัวเองมาแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปเข่นฆ่าอีก”

แม้จะพูดอย่างสง่าผ่าเผย ความจริงใครก็ดูออกว่าหนิวเจิ้นอวี่เป็นกังวลในฝีมือของหนิวทุนเทียน ห่วงว่าเขาจะถูกหลินสวินฆ่า!

“ผู้อาวุโส ความอับอายและความแค้นระดับนี้จะทนได้อย่างไร”

หนิวทุนเทียนกล่าวเสียงดัง แฝงความไม่จำยอมอย่างที่สุด

“เหอะๆ”

หลินสวินเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย

ฝั่งค่ายจักรวรรดิแต่ละคนก็ต่างดูถูก รู้สึกยินดีปรีดา

แม้ไม่พูดอะไรแต่กลับทำให้หนิวทุนเทียนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ไม่ฟังคำห้ามปราม พุ่งเข้าสนามประลองไป

“เจ้า…”

หนิวเจิ้นอวี่เดือดดาลยกใหญ่ หมายจะลงมือห้าม

บนตัวจ้าวซิงเย่ที่อยู่ห่างออกไปแผ่อานุภาพน่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา จับจ้องหนิวเจิ้นอวี่จากไกลๆ พูดเสียงเย็น “อยากแหกกฎ ก็ต้องถามก่อนว่าข้ายินยอมหรือไม่!”

หนิวเจิ้นอวี่ถลึงตาอย่างเดือดดาล กลิ่นอายทั่วร่างรุนแรง ทำให้ฟ้าดินผืนนี้สั่นไหวกึกก้อง

แต่สุดท้ายหลังจากเขาจ้องจ้าวซิงเย่อยู่ครู่หนึ่งก็สูดหายใจลึกๆ กล่าวว่า “ดีมาก ดีมาก! ต่อไปหากมีโอกาส ข้าจะขอคำชี้แนะวิชาชั้นสูงของเจ้าจ้าวซิงเย่!”

จ้าวซิงเย่พูดเรียบๆ “เช่นนั้นเจ้าล้างคอให้สะอาดค่อยมาจะดีที่สุด”

หนิวเจิ้นอวี่แค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ สีหน้ามืดทะมึนจนน่ากลัว

ในเวลาเดียวกันหนิวทุนเทียนลงมือไปนานแล้ว เรียกทวนสามง่ามสีทองอร่ามด้ามหนึ่งออกมา ร่างกายที่สูงใหญ่ราวกับภูเขาพุ่งออกทะยาน หน้าตาท่าทางน่ากลัว ไอดุดันท่วมฟ้า

“ตาย!”

เขาตะโกน ทวนสามง่ามพาดขวางกลางฟ้า หอบม้วนแสงมรรคสีทองไร้สิ้นสุดขึ้นมา แหลมคมไร้เทียมทาน เผด็จการไร้ที่เปรียบ ฉีกทึ้งห้วงอากาศราวกับฉีกผืนผ้าวาดรูป

เคร้ง!

หลินสวินสะบัดหมัด กระแทกการโจมตีนี้จนสลาย แสงทองทั่วฟ้าปลิวพลิ้ว สะเทือนจนทวนสามง่ามนั่นงอไปทันที

“ดูท่าเจ้าก็ใช้ไม่ได้” หลินสวินพูดเรียบๆ

“ฆ่า!”

หนิวทุนเทียนดวงตาแดงก่ำ แม้จะเดือดดาลแต่ไม่ได้ถูกเพลิงโทสะครอบงำ เผ่าของพวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องพลัง และวิชาลับที่ฝึกก็มีเอกลักษณ์อย่างที่สุด ความโกรธยิ่งมาก พลังต่อสู้ที่สำแดงออกมายิ่งน่ากลัว

แม้จะแตกต่างแต่ได้ผลลัพธ์เดียวกันกับวิชาลับ ‘โทสะหยาจื้อ’ ที่หลินสวินครอบครอง

ตูม!

ทวนสามง่ามโฉบผ่านอากาศ จากสีทองอร่ามเปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ยิ่งใหญ่ลึกล้ำ แผ่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์มากมายออกจากตัวทวน

นี่คือสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!

ทุกคนจากค่ายจักรวรรดิที่อยู่ห่างไปในใจบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลานุภาพของหนิวทุนเทียนดุดันเกินไป ราวกับเทพมารวัวที่ระเบิดความโกรธ

แม้มองจากไกลๆ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกจิตใจกดดัน

ปัง!

ทวนวงเดือนสะบัดลง พื้นดินแตกละเอียด อากาศถูกฉีกเป็นรอยแตกยาว ประกายศักด์สิทธิ์สีม่วงนั่นพุ่งตรงไปที่หลินสวิน

แม้แต่หลินสวินยังต้องยอมรับว่า หนิวทุนเทียนช่างสมกับที่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งอันดับสองในกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า ไม่เพียงมีพลังหลอมกายระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า อภินิหารพรสวรรค์และสมบัติอริยะที่ครอบครองก็สุดยอดอย่างที่สุด

แต่ที่น่าเสียดายคือ หนิวทุนเทียนไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎ

พูดอีกนัยหนึ่ง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ตายในมือหลินสวินก่อนหน้านี้ไม่มีใครก้าวสู่มกุฎมรรคาเลยแม้แต่คนเดียว!

ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว อยู่บนมรรคาอมตะเช่นเดียวกัน แต่เนื้อในพลังปราณของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับหลินสวินได้นานแล้ว

ต่อให้ได้เปรียบเรื่องระดับพลังก็เปล่าประโยชน์!

ตูม!

หลินสวินยังคงปล่อยหมัดมือเปล่าโดยไม่ลังเล ปะทะกับหนิวทุนเทียนอย่างรุนแรง พลังหมัดหยาบกระด้าง เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่อานุภาพที่ปะทุออกจากทุกหมัดกลับน่ากลัวถึงขีดสุด

นั่นเป็นพลังยุทธ์ระดับกระจ่างจิต ถูกหลินสวินใช้มกุฎมรรคาสำแดงออกมา ความรุนแรงของอานุภาพเรียกได้ว่าตะลึงโลกนานแล้ว

หากไม่ใช่ว่าหนิวทุนเทียนได้เปรียบในเรื่องระดับพลัง และถือสมบัติอริยะในการต่อสู้ ชดเชยข้อบกพร่องในมรรคาของเขา แม้แต่หมัดเดียวของหลินสวินก็คงต้านไม่ไหว

ตูม โครมๆ!

การต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นทั้งสองก็ประชันกันหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว สังหารจนฟ้าดินมืดสลัว สุริยันจันทราอับแสง

เสียงปะทะที่น่าสยดสยองและแสงมรรคพร่างพราวแสบตาม้วนตลบในสนาม ทำให้ทุกคนสีหน้าแปรเปลี่ยน ตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง

“ข้าอ่อนแอกว่าหลินสวินมาก”

หลี่ตู๋สิงที่เงียบขรึมพูดน้อยมาโดยตลอดอ้าปากในตอนนี้ ใบหน้ามีอาการสั่นสะเทือนอย่างไม่สามารถควบคุมได้

เพียงแค่พลังหลอมกายก็สู้ข้ามสองระดับ ต่อสู้ด้วยฝีมือที่พอๆ กับหนิวทุนเทียนซึ่งครอบครองสมบัติอริยะ!

นี่ทำให้หลี่ตู๋สิงยากจะเชื่ออยู่บ้าง

ไม่เพียงแค่เขา พวกสืออวี่ก็ตะลึงจนชาวาบเล็กน้อยแล้ว

เริ่มจากการสังหารแปดครั้งรวด จากนั้นดวลกับหนิวทุนเทียนอย่างดุเดือดจนถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งของศักยภาพที่หลินสวินสำแดงออกมา ความรุนแรงของอานุภาพ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหลือเชื่อ

“นี่ก็คือมกุฎมรรคาสินะ…” จ้าวซิงเย่พึมพำ

นางรู้ดีว่าสิบกว่าปีในสมรภูมิกระหายเลือด บางทีพลังปราณของลูกหลานรุ่นเยาว์โลกชั้นล่างเหล่านี้อาจจะพัฒนาขึ้นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างไรก็พลาดโอกาสอันหายากที่จะกลายเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎ!

เหตุใดบนมรรคาผู้ฝึกปราณจึงยึดติดกับการแสวงหาวาสนาขนาดนี้

เหตุผลก็เพราะเช่นนี้แหละ

วาสนาเดียวก็เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงความสำเร็จที่มีบนมรรคา!

ทันใดนั้นเสียงอุทานด้วยความตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้นในลาน

ก็เห็นว่าในสนามประลองหนิวทุนเทียนกระอักเลือด ถูกพลังหมัดที่ทำลายล้างสรรพสิ่งอย่างง่ายดายและทรงพลังไร้เทียมทานของหลินสวินซัดจนเซถอย

“ก่อนหน้านี้แม้เหลียงเซ่าจะตาย แต่ก็ทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัส เจ้าอาจจะคิดว่าการฆ่าเขาเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เพราะที่อาการบาดเจ็บคราวนี้ ทำให้เจ้าที่เดิมทีสะบักสะบอมยิ่งเผยความอ่อนแอกว่าเดิม”

สีหน้าของหลินสวินเย็นเยียบ นึกถึงผู้แข็งแกร่งแต่ละคนที่ตายในมือหนิวทุนเทียน ในสายตาเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบ

“เป็นไปไม่ได้… เจ้าต่อสู้มาแปดรอบแล้ว เหตุใดพลังต่อสู้จึงยังแข็งแกร่งขนาดนี้”

หนิวทุนเทียนตะคอก เต็มไปด้วยความเดือดดาล

ที่เขาอยากจะต่อสู้กับหลินสวินโดยไม่ฟังเสียงห้ามปราบ เหตุผลหลักเพราะเขาคิดว่าหลินสวินต่อสู้มาถึงตอนนี้ ใช้พลังไปมากแล้ว พละกำลังที่เข้มแข็งเกรียงไกรนั้นเสื่อมทรุดจนแทบไม่เหลือแล้ว

ไม่เคยคิดว่าความจริงกลับไม่ใช่เช่นนี้!

“เรื่องที่เจ้าไม่รู้ยังมีอีกมาก”

หลินสวินกล่าวเสียงเรียบ มือกลับไม่ได้ชักช้าแต่อย่างใด อานุภาพราวกับเทพมาร ผงาดกร้าวเผด็จการ แข็งแกร่งถึงขีดสุด

เพียงพริบตาเดียวหนิวทุนเทียนก็ถูกกดดันจนเงยหน้าไม่ขึ้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงที่สุด เลือดไหลออกจากจมูกปากไม่หยุด

เขาหายใจหอบ เผ้าผมยุ่งเหยิง สีหน้าคล้ำเขียวเหี้ยมโหด

ไม่ว่าใครก็ดูออกว่า เขาไร้เรี่ยวแรงจะพลิกสถานการณ์แล้ว!

ซึ่งก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ครั้งนี้หลินสวินจะสามารถสังหารศัตรูทุกคนให้หมดโดยลำพัง สร้างปาฏิหาริย์ในศึกถกมรรคที่สามารถทำให้ทุกคนอึ้งค้าง!

“เจ้าไม่ไหว”

ทันใดนั้นหลินสวินพุ่งไป พลังหมัดพร่างพราวดุจดั่งสุริยันสีเขียวดวงโต โจมตีไปทางหนิวทุนเทียน

“ไม่…!”

หนิวทุนเทียนตะโกน หนีอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่ทันแล้ว

ทว่าช่วงเวลาอันตรายอย่างที่สุดนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกะทันหัน…

“เด็กเมื่อวานซืน อย่าคิดจะแผลงฤทธิ์!”

ในเสียงเดือดดาลที่เยียบเย็น อริยะหนิวเจิ้นอวี่ถึงกับลงมือแล้ว!

ชั่วพริบตาเขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ปรากฏตัวในสนามประลอง ฟาดมือตบใส่หลินสวิน ดูเหมือนเป็นการโจมตีธรรมดา แต่พลังอริยะมรรคที่ซ่อนแฝงกลับน่ากลัวจนทำเอาทุกคนสิ้นหวัง

ต่ำกว่าระดับอริยะ ล้วนประหนึ่งมดปลวก

นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง และหนิวเจิ้นอวี่ยิ่งเป็นอริยะแท้คนหนึ่ง!

เร็วเกินไปแล้ว!

เร็วจนทุกคนจากค่ายจักรวรรดิที่อยู่ห่างออกไปตอบสนองไม่ทัน

สถานการณ์ตอนนี้อันตรายถึงขีดสุด ใครจะคิดว่าอริยะอย่างหนิวเจิ้นอวี่จะไม่ห่วงหน้า ไม่กลัวที่จะแหกกฎ ลงมือกับคนรุ่นหลังอย่างหลินสวินได้

ยามนี้มีเพียงหลินสวินที่สงบนิ่งถึงที่สุด ตั้งแต่ศึกถกมรรคเริ่มขึ้นเขาก็ออมมือมาโดยตลอด สิ่งที่กังวลก็คือจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันในศึกถกมรรคเพราะพลังต่อสู้ที่สำแดงออกมาแข็งแกร่งเกินไป

ตอนนี้เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ!

ฟึ่บ!

ชั่วขณะที่หนิวเจิ้นอวี่ปรากฎตัว เงาร่างที่เดิมพุ่งเข้ามาของหลินสวินพลันพริบไหวแปลกประหลาดกลางอากาศ ถอยร่นห่างออกไปด้วยความเร็วที่ไวกว่าเดิม

แม้แต่หนิวเจิ้นอวี่ก็เหมือนคิดไม่ถึง ถึงขนาดนี้แล้วหลินสวินกลับเหมือนสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายล่วงหน้า ดำเนินการหลบหนี อีกทั้งความเร็วยังว่องไวปานนี้!

เห็นได้ชัดว่า เจ้าหมอนี่ออมมือมาโดยตลอด!

ตูม!

ในสนามประลองแผ่นดินสะเทือนภูเขาเขย่า แม้แต่ห้วงอากาศยังทลาย ปรากฏภาพสรรพสิ่งยุบสลาย นี่ก็คือความน่ากลัวในการโจมตีเดียวของอริยะ

แต่สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ หลินสวินหลบไปได้อย่างหวุดหวิด

ทุกอย่างพูดแล้วเหมือนช้า ความจริงเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ความระทึกของกระบวนการนี้เหมือนเดินอยู่หน้าประตูผีรอบหนึ่ง คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้แน่

…………..