ขนาดเซียวไห่หลงเป็นคนหน้าด้าน ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าหน้าตนเองร้อนผ่าว
มึงจะพูดดังทำไมกันละเนี่ย?
เซียวเวยเวยก็เอือมระอาอย่างมาก ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเข้าไปห้ามหรือเปล่า
เข้าไปห้ามดีกว่า รู้สึกว่าสงสารพ่อ
ถ้าไม่เข้าไปห้าม ก็รู้สึกว่าสงสารแม่
มันช่างเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจของมนุษย์จริงๆ
เซียวฉางเฉียนก็จับหัวของเฉียนหงเย่นไว้ แล้วก็ตบเธอไป10กว่านาที จนเฉียนหงเย่นเป็นลมสลบไป ถึงจะปล่อยมือ
ตอนนี้เฉียนหงเย่นก็สลบไปแล้ว นายหญิงใหญ่เซียวก็เพิ่งฆ่าเชื้อในห้องตนเองเสร็จ พอเดินลงมาเห็นภาพดังนั้น ก็รีบพูดกับเฉียนหงเย่นว่า “แกจะตีมันให้ตายเลยรึไง? ”
เซียวฉางเฉียนก็พูดอย่างน่าสงสารว่า “แม่ครับ อีนี่มันเล่นเอาแย่ขนาดนี้ จะให้ผมไม่ตบมันได้ไง? ”
นายหญิงใหญ่เซียวก็บ่นว่า “สั่งสอนมันหน่อยก็พอแล้ว จะรุนแรงขนาดนี้ทำไม? ถ้าประธานอู๋เอาเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร? ถ้าประธานอู๋คิดว่าตระกูลเราไม่มีค่าให้ใช้งาน แล้วจะทำอย่างไร? แกจะล้อเล่นกับอนาคตตระกูลเราอย่างนั้นหรือไงกัน? ”
ตอนนี้เซียวไห่หลงก็เข้าใจขึ้นมาได้ แล้วพูดว่า “ใช่ครับพ่อ เดี๋ยวประธานอู๋รู้เรื่องขึ้นมา จะทำอย่างไรกัน? ถ้าเขาโกรธขึ้นมา ก็อาจจะยอกเลิกเงินทุนและคฤหาสน์ที่ให้กับบริษัทเซียวซื่อพวกเรากลับไป พอถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปเร่ร่อนตามท้องถนนอีกน่ะสิครับ!”
สีหน้าของเซียวฉางเฉียนก็เปลี่ยนไปมา แล้วก็พูดอย่างกลุ้มใจมากกว่า “เอาเถอะ ไปโทรเรียกรถพยาบาลก่อนไป เอานังนี่ไปส่งโรงพยาบาลก่อน มันจะต้องไปเอาลูกออกด้วยไม่ใช่หรือไง? ก็จะได้ไปทีเดียวเลย!”
เฉียนหงเย่นถูกหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก พอทำกับช่วยเหลือถึงได้ฟื้นขึ้นมา
พอหลังจากที่อู๋ตงไห่ได้ยินเลขาตนเองมารายงานเรื่องนี้ เขาก็โมโหมาก
เท่านี้เคยเห็นมา คนทั้งบ้านนี้ล้วนเป็นตระกูลที่จิตใจสกปรก ทุเรศ โง่เขลา และทำให้คนอยากจะอ้วกมากที่สุดในโลกนี้
ทั้ง5คนล้วนกำลังทำในสิ่งที่ต่ำตมที่สุดของตนเอง!
เขาถึงขนาดเห็นอย่างน่าอนาถว่า ตอนนี้เองจะรับมือกับเย่เฉิน พูดได้ว่าได้ทำไปทุกวิถีทางแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซียวที่สถุลถ่อย หรือว่าจะเป็นยอดคนอย่างราชาบู๊ทั้งแปด ก็เหมือนว่าจะไม่สามารถไปทำอะไรเย่เฉินได้เลย
แถมราชาบู๊ทั้งแปดยังไม่สู้คนตระกูลเซียว
อย่างน้อยคนตระกูลเซียวก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่พอราชาบู๊ทั้งแปดออกไป ก็เสือกตายกันหมด
ตอนนี้ตระกูลอู๋สูญเสียราชาบู๊ทั้งแปดไปแล้ว ก็แสดงว่าจะกำลังวุ่นวายทั้งนอกทั้งใน
บวกกับเรื่องชื่อเสียงก่อนหน้านี้ หุ้นของตระกูลอู๋ก็ร่วงลงมาเรื่อยๆ
ตอนนี้ยอดเงินในตลาดของพวกเขาจาก2ล้านล้าน ร่วงลงมาเหลือ1ล้านล้านแล้ว
ตระกูลอู๋ในตอนนี้ มีกำลังไม่เท่าตระกูลซ่งแล้ว
อีกอย่าง ที่มั่นใจได้ก็คือ ตอนนี้ตระกูลอู๋ไม่ใช่ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งในเจียงหนานแล้ว
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็จะร่วงหล่นไปถึงตระกูลระดับล่างๆ
พอถึงตอนนั้น ตระกูลอู๋ก็จะตกต่ำลงมาก จนฟื้นตัวขึ้นมาไมได้
อู๋ซินก็กลุ้มใจ
เดิมทีเขาก็ชอบซ่งหวั่นถิงอยู่แล้ว แถมยังคิดว่าซ่งหวั่นถิงมาแต่งกับตนเอง ก็จะเหมือนกับมาตกถังข้าวสาร
แต่ตอนนี้ ถ้าซ่งหวั่นถิงมาแต่งกับตนเอง ก็เท่ากับตนเองไปเกาะเขากิน……..
เขาอดถามอู๋ตงไห่ไม่ได้ว่า “พ่อครับ พ่อคิดว่าเรื่องของผมกับซ่งหวั่นถิง จะเป็นไปได้ไหมครับ? ”