ตอนที่ 3020

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,020 : โค้งสุดท้าย

 

 

“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ?”

 

ได้ยินวาจาคาดเดาด้วยความแตกตื่นระคนประหลาดใจของทุกคน ใบหน้าเย็นชาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เผยความรังเกียจเหยียดหยามออกมาทันที

 

เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งนำออกมาใช้ให้เห็น หาใช่อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไม่ แต่เป็นอุปกรณ์เทพที่อยู่เหนืออุปกรณ์เทพทั้งมวล

 

อุปกรณ์เทพระดับสูง!

 

“น่าเสียดายที่ความทรงจำภายในวังจอมราชันอมตะของพวกเราจักต้องถูกลบหายไป…เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไว้ในครอบครอง พวกเราก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจนำออกไปแพร่งพรายได้”

 

“ใช่ หากเรื่องที่มันครอบครองอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิแพร่งพรายออกไป คงสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นแน่ เผลอๆจะวุ่นวายกันทั้งทั่วแดนสวรรค์ใต้ด้วยซ้ำ!”

 

“เหอะๆ พวกเจ้าไม่คิดบ้างเหรอ…ว่าหากหลังออกไปพวกเรายังจดจำเรื่องราวในวังจอมราชันอมตะได้ ต้วนหลิงเทียนยังจะเอากระบี่จักรพรรดินั่นออกมาใช้? แม้ไม่รู้ว่ามันมีความเป็นมาอย่างไร แต่ถ้าเรื่องที่มันครอบครองกระบี่จักรพรรดิแพร่งพรายออกไป มันต้องกลายเป็นเป้าหมายร่วมของยอดฝีมือทั้งแดนสวรรค์ใต้! เสี่ยงถูกฆ่าปล้นกระบี่นั่นตลอดเวลา!!”

 

“ข้าว่าก็ไม่แน่นักหรอก…เพราะเจอตงฟางจิ่นหลุนเข่นฆ่าเข้าไปแบบนั้น นอกจากใช้กระบี่จักรพรรดิแล้ว มันยังจะมีหนทางอื่นรับมือตงฟางจิ่นหลุนได้หรือ?”

 

 

เป็นธรรมดาว่าคนที่กล่าวแบบนี้ ย่อมเป็น 1 ใน 6 คนที่เหลือรวมถึงโอวหยา

 

“เหอะ! ไม่มีหนทางรึ?”

 

และคำพูดดังกล่าวของมันก็โดนพวกเชวียจิงอวี่ที่ลอยอยู่ด้านต้วนหลิงเทียนแขวะทันที “ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช้กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ แต่มันก็มิกลัวตงฟางจิ่นหลุนนั่นแน่นอน!”

 

“มิผิด! ต่อให้ตงฟางจิ่นหลุนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งอัสนี 2 ประการแล้วอย่างไร ให้มันทรงพลังร้ายกาจมากแล้วอย่างไร…แต่วันนี้ให้ตายมันก็ไม่มีทางทำร้ายต้วนหลิงเทียนได้หรอก!!”

 

“เฮอะ พวกโง่เขลา ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้ว แถมหนึ่งในนั้นยังเอกอุเรื่องป้องกันด้วยซ้ำ!!”

 

“มิผิด เมื่อครู่ต่อให้การลงมือของตงฟางจิ่นหลุนจะทรงพลังเพียงใด แต่จากการประเมินของข้า น่ากลัวว่าคงมิอาจฝ่าปราการป้องกันต้วนหลิงเทียนได้ด้วยซ้ำ! จริงอยู่ว่าต้วนหลิงเทียนคงมิอาจไล่ตามความเร็วของตงฟางจิ่นหลุนได้ทัน อย่างไรเสียประเด็นมันอยู่ที่ เมื่อครู่ถึงต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่กระบี่จักรพรรดิ แต่คิดรับมือตงฟางจิ่นหลุนก็ง่ายดายนัก!!”

 

“ในความเห็นของข้า ที่ต้วนหลิงเทียนนำกระบี่อมตะจักรพรรดิออกมา ก็เพื่อเข่นฆ่าตงฟางจิ่นหลุนโดยเฉพาะ…หากไม่ใช่เพราะต้องการฆ่ามันให้ตาย ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่จักรพรรดิอันใดก็สามารถรับมือตงฟางจิ่นหลุนได้ง่ายๆแล้ว!”

 

 

ไม่มีใครรู้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนดีไปกว่าพวกเชวียจิงอวี่แล้ว

 

และทางด้านโอวหยากับคนอื่นๆ พอได้ยินวาจาเย้ยเยาะของพวกเชวียจิงอวี่ ก็พากันแตกตื่นเป็นการใหญ่

 

“ต้วนหลิงเทียน…เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้วหรือ!?”

 

“ตอนนี้ พวกมันหลอกเราไปก็มิได้อะไร สมควรเป็นความจริง!”

 

“ใช่ ดูจากท่าทีของพวกมันแล้วมิคล้ายกล่าวไปเรื่อย…แต่ต้วนหลิงเทียนนั่น มิใช่ว่ายังอายุไม่ถึงร้อยปีหรือไร?”

 

“อายุไม่ถึงร้อยปี แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการได้แล้ว? ความสามารถในการตีความของมันช่างร้ายกาจยิ่งนัก!!”

 

“ให้ตายเถอะ! มันเป็นตัวประหลาดจากนรกขุมใดกัน!?”

 

 

ด้าน 6 คนทางฝั่งโอวหยาตื่นตกใจกันไม่น้อย แต่ละคนอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งโอวหยาเอง ตอนนี้แววตาที่นางใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

“อายุไม่ถึงร้อยปี?”

 

เชวียจิงอวี่เห็นอาการผวาทั้ง 6 ก็แลดูสนุกสนานไม่น้อย มันจึงแสยะยิ้มกล่าวออกมาอีกรอบ “เมื่อครู่พวกเจ้าคงเห็นแล้วสินะ ว่าทางฝั่งพวกเรามีคนผู้หนึ่งใช้ ร่างแฝดแห่งความตาย ซึ่งเป็นความลึกซึ้งของ 1 ใน 4 กฏสูงสุด กฏแห่งความตาย”

 

“แต่ไม่ทราบพวกเจ้าทันได้สังเกตกันหรือไม่…ว่ามันก็อายุไม่ถึงร้อยปีเช่นกัน!”

 

วาจาของเชวียจิงอวี่ ทำให้โอวหยาและคนอื่นๆ หันไปให้ความสนใจหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที

 

“ร่างแฝดแห่งความตาย!?”

 

ทันใดนั้นพวกมันก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจทันที เพราะมาตอนนี้พวกมันก็นึกขึ้นได้ ว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะลงมือ ชายคนนั้นก็เป็นคนที่พึ่งลงไปเก็บกล่องมาแล้วเปิดได้ดาบอมตะระดับราชา!

 

เพราะต้วนหลิงเทียนลงมือต่อทันที และด้วยวิธีการน่าเหลือเชื่อ จึงทำให้พวกมันลืมชายคนนั้นไปเสียสนิท!

 

พอนึกดูอีกที…สิ่งที่อีกฝ่ายใช้ มิใช่ร่างแฝดแห่งความตายหรอกหรือไร!?

 

“ที่แท้ร่างแยกที่เจ้านั่นใช้ เป็นร่างแฝดแห่งความตาย! ให้ตายเถอะ…มันถึงกับเข้าใจกฏแห่งความตาย 1 ใน 4 กฏสูงสุดงั้นเหรอ!?”

 

“กฏแห่งความตาย ในฐานะ 1 ใน 4 สูงสุด ย่อมมิอาจเข้าใจผ่านวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังใดๆ มีเพียงต้องพบเจอโชควาสนาหรือสืบทอดมรดกจากยอดคน!”

 

“สวรรค์! มันอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!!”

 

“หากคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งร่างแฝดแห่งความตาย อย่างน้อยๆก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้ง ความหมายแห่งความตายเสียก่อน…กล่าวได้ว่าตอนนนี้มันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งความตายไปแล้ว 2 ประการ!!”

 

“ไฉนสัตว์ประหลาดเช่นพวกมัน 2 คนถึงได้ปรากฏตัวในเขตคฤหาสน์เฉวีนโยวของพวกเราพร้อมกันได้เล่า!?”

 

 

หลังโอวหยาและคนอื่นๆย้อนนึกถึงเรื่องราวการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก่อนหน้า ทั้งหมดก็หันไปมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นใหม่อีกรอบ ตอนนี้ในแววตาของทั้ง 6 ฉายถึงความหวาดกลัวให้เห็นชัดเจน

 

“กล่องเปล่างั้นหรือ…”

 

และในขณะที่ทุกคนหันไปสนใจหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาสนใจกล่องที่เขาพึ่งลงไปเก็บมา พอเปิดออกดูก็พบว่าด้านในว่างเปล่าไร้สิ่งใด…

 

“หึหึ ดูเหมือนว่าโชคเจ้าจะสู้ข้าไม่ได้นะ…”

 

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคลี่ยิ้มออกมาอย่างถือดี

 

ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยรอยยิ้มย่ามใจของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก่อนที่จะพุ่งร่างลงไปยังเวิ้งน้ำพิฆาตวิญญาณเบื้องล่างอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งไปหากล่องใกล้ๆและเปิดมันออกมาตรงนั้นเลย…และในขณะที่เขาไล่เปิดกล่อง ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วงชิงอะไร

 

กระทั่งโอวหยาเองก็ไม่กล้าลงไปช่วงชิงกล่องกับต้วนหลิงเทียน

 

เพราะเกิดต้วนหลิงเทียนไม่สบอารมณ์ที่นางลงไปแย่งกล่องขึ้นมา แล้วชักกระบี่เข่นฆ่าเข้าใส่ นางไม่พ้นต้องลงเอยเหมือนตฟางจิ่นหลุนแน่…จบเห่!

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนไม่กลัวต้วนหลิงเทียนอยู่

 

นั่นก็คือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลงไปไล่เปิดกล่องหาสมบัติ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งร่างแฝดแห่งความตายออกไปแย่งกล่องกับต้วนหลิงเทียนอย่างสนุกสนาน

 

ฉากดังกล่าวนับว่าทำให้ผู้อื่นอิจฉาแทบตาย แต่ทั้งหมดก็ได้แค่อิจฉาไม่กล้าสอดมือทำอะไรทั้งสิ้น

 

เพราะในที่นี้นอกจากโอวหยาที่พอจะมีความสามารถลงไปช่วงชิงกล่องแล้ว คนอื่นนั้นท่าทางจะลงไปคว้ากล่องมาเปิดได้ยาก

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้โอวหยาจะมีความสามารถลงไปคว้ากล่องมาเปิด แต่นางก็ไม่กล้าลงไปแย่งอะไรกับพวกต้วนหลิงเทียน ด้วยยังหวาดกลัววฉากกระบี่ที่พุ่งไปดั่งประกายแสงนั่นไม่หาย กระบี่อมตะจักรพรรดิที่สามารถรวมเข้าไปในร่างผู้ใช้ได้เล่มนั้น!

 

ราวๆ 1 เค่อต่อมา ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ไล่เปิดกล่องไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เปิดกล่องครบทุกใบ เรียกว่าแบ่งของกันแค่สองคนผู้อื่นไม่เกี่ยว

 

เป็นธรรมดาว่ากล่องส่วนใหญ่นั้นด้านในจะว่างเปล่า

 

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนได้มาก็มีอุปกรณ์อมตะระดับราชา 5 ชิ้น ขวดบรรจุโอสถอมตะ 3 ขวด และยันต์อมตะ 6 แผ่น

 

ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้อุปกรณ์อมตะระดับราชา 6 ชิ้น ขวดโอสถอมตะ 2 ขวด แล้วก็ยันต์อมตะ 3 แผ่น

 

ครืนนน!!

 

ส่า!!

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเปิดกล่องจนหมดแล้ว น้ำพิฆาตวิญญาณก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกกครั้ง พวกมันเริ่มลดระดับลงด้วยความเร็วสูง มาทางไหนกลับไปทางนั้น

 

ครู่ต่อมาน้ำพิฆาตวิญญาณก็หายไปจากสายตาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง ราวกับพวกมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

 

หากไม่ใช่เพราะว่าบริเวณแท่นศิลาที่ทุกคนยืนอยู่ตอนแรก ปรากกฏศพนอนตายอยู่ 2 ศพ ทุกคนอาจคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นมายาฝันตื่นหนึ่ง

 

“หืม?”

 

หลังจากที่น้ำพิฆาตวิญญาณหายไปหมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังลี้ลับขุมหนึ่งที่เริ่มผุดขึ้นในความว่างเปล่าโดยรอบ

 

และครู่ต่อมาพลังลี้ลับที่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่าโดยรอบก็แผ่มาปกคลุมเขากับคนอื่นๆ ในขณะเดียวกันเขายังสัมผัสได้อีกว่า พลังลี้ลับดังกล่าวเป็นพลังอันอ่อนโยน ไม่ได้มุ่งร้ายอะไร

 

“นี่มัน…”

 

“จะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นอีกแล้วรึ”

 

แม้อยู่ๆก็ปรากกฏพลังลี้ลับขึ้นมาปกคลุมทุกคนอย่างกะทันหัน แต่ทุกคนก็ไม่มีใครแตกตื่นตกใจ เพราะสัมผัสได้ว่ามันเป็นพลังอ่อนโยน และคล้ายกับพลังลี้ลับก่อนหน้าที่จะปรากฏขึ้นตอนพาพวกมันเปลี่ยนสถานที่

 

อันที่จริงมันก็เหมือนกันทุกประการเลย

 

เมื่อพลังลี้ลับแผ่ออกไปปกคลุมพวกต้วนหลิงเทียนทั่วๆแล้ว มันก็ทำหน้าที่คล้ายเรือขนส่ง หอบหิ้วทุกคนหายวูบเข้าห้วงมิติ เบื้องหน้าทุกคนกลับกลายเป็นความมืดมิดอีกครั้ง

 

“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าด้วยที่ผ่านบททดสอบที่ 2 ของวังจอมราชันอมตะ…สถานที่ต่อไป จะเป็นสถานที่สุดท้ายสำหรับพวกเจ้าในวังจอมราชันอมตะแล้ว”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆถูกพลังลี้ลับเคลื่อนย้าย จนแลเห็นเพียงความมืดมิด เสียงที่สงสัยว่าจะเหลือทิ้งไว้โดยจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ก็ดังก้องขึ้นมาในหูทุกคนอีกครั้ง

 

“สถานที่สุดท้าย?”

 

“จบเร็วยิ่ง?”

 

“แล้วสถานที่สุดท้ายจักมีอันใดกันนะ?”

 

“จักมีอันใดก็ช่าง แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว…พวกเราคงไม่ได้อะไรหรอก”

 

“ทำอย่างไรได้เล่า ภายใต้จมูกต้วนหลิงเทียนกับหลิวเจวี๋ยอวิ๋น ยังจักเหลืออันใดตกถึงมือพวกเราได้อีก…เจ้าพวกนั้นได้กินเนื้อแล้วแท้ๆแต่ยังไม่ปันน้ำแกงสักถ้วยให้พวกเราดื่ม!”

 

 

ถึงแม้จะรู้ว่ากำลังถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่สุดท้ายในวังจอมราชันอมตะ แต่โอวหยาและคนอื่นๆก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร กลับกันยังได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา

 

ด้านนอกทางเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ น่านฟ้าเหนือบริเวณใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียน

 

“จิ่นหลุน!!”

 

เสียงร่ำร้องด้วยความโศกเศร้าหนึ่งดังออกมาอย่างโหยหวน เป็นชายวัยกลางคนในชุดเขียวผู้หนึ่งที่บัดนี้หน้าตาแลดูอัปลักษณ์ปั้นยากถึงขีดสุด เปี่ยมล้นไปด้วยความเจ็บปวดทั้งความเหลือเชื่อ

 

เพราะตอนนี้ อยู่ดีๆรายชื่อที่เคยได้อันดับ 1 ในตารางจัดอันดับก็ได้หายวับไป!

 

“เป็นนายท่านลำดับ 2 ของตระกูลตงฟาง!”

 

“พวกเจ้าดูตารางเร็ว ชื่อตงฟางจิ่นหลุนหายไปแล้ว!”

 

“ตงฟางจิ่นหลุน เป็นบุตรชายที่โดดเด่นที่สุดของนายท่านลำดับ 2 ของตระกูลตงฟาง…กระทั่งยังเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปีของตระกูลตงฟาง แต่มันกลับตกตายด้านในจริงๆ?”

 

“ว่ากันว่าตงฟางจิ่นหลุนผู้นั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งสายฟ้า 2 ประการ นอกเหนือจากความหมายแห่งสายฟ้าแล้ว ความลึกซึ้งอีกประการที่มันเข้าใจก็คือ ‘อัสนีฟาด’ ใช่ไหม?”

 

“ความลึกซึ้ง อัสนีฟาด ของกฏแห่งสายฟ้า…นั่นเป็น 1 ในความลึกซึ้งที่เอาเรื่องในกฏสายฟ้ามิใช่รึ? จะใช้เสริมการโจมตีหรือเคลื่อนไหว ก็นับว่าไม่ใช่เล่นๆเลยนี่นา?”

 

“ให้ตายเถอะ พลังฝีมือระดับตงฟางจิ่นหลุนยังตกตายอีกหรือ…แล้วผู้ที่ลงมือสังหารมันได้จะร้ายกาจถึงขนาดไหนกัน?”

 

 

หลังได้รับทราบว่าตงฟางจิ่นหลุนถูกฆ่าตายไปแล้ว ผู้คนที่รวมตัวกันเหนือทะเลสาบอวิ๋นเยียนก็บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที!

 

“มันเป็นคนที่ 2 แล้วที่ตกตายทั้งๆที่เข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏสองประการ…คนแรกก็คือสุมาฉุนแห่งตระกูลสุมา ตอนนี้ก็มามีตงฟางจิ่นหลุนของตระกูลตงฟางอีก”

 

“ให้ตายเถอะ หรือยอดเซียนอมตะที่เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ ยังมีคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการด้วย?”

 

“อาจเป็นได้! หาไม่แล้วตงฟางจิ่นหลุนกับสุมาฉุนคนนั้นจะตกตายได้อย่างไร”

 

ด้วยความตายของสุมาฉุนกับตงฟางจิ่นหลุน ทำให้บรรยากาศเหนือทะเลสาบอวิ๋นเยียนกลายเป็นตึงเครียดไม่น้อย

 

สายตาผู้คนจำนวนมากจับจ้องมองไปยังตารางจัดอันดับอย่างไม่วางตา

 

ตอนนี้แต้มคะแนนสะสมของผู้ที่อยู่หัวตารางนั้น ไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไร

 

อันดับ 1 คือ มู่หรงเซี่ยวเซี่ยว

 

อันดับที 2 คือ ต้วนหลิงเทียน

 

อันดับที่ 3 คือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น

 

 

“แม้คะแนนต้วนหลิงเทียนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ยังคงรั้งอยู่ในอันดับที่ 2…ส่วนมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวอันดับ 1 นั่น ดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในรอบหมื่นปีของตระกูลมู่หรง ตระกุลระดับ 7…ที่สำคัญนางยังเป็นสตรี!”

 

หูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิวจับจ้องไปยังรายชื่ออันดับ 2 ในตารางจัดอันดับไม่วางตา ลูกตาของมันตอนนี้ฉายแววสว่างจ้ามากล้นไปด้วยความตื่นเต้น

 

เพราะตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนสามารถรักษาอันดับนี้เอาไว้ได้จนถึงเวลาที่ทุกคนกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณ มันจะได้รับรางวัวลมหาศาลจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล!

 

“อย่างไรก็ตามคะแนนของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นก็จี้ต้วนหลิงเทียนมาติดๆแล้ว…”

 

สองมือหูหลินอี้เริ่มกำหมัดแน่น ยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยกังวลว่าโค้งสุดท้ายอาจบังเกิดความเปลี่ยนแปลง และมีอันทำให้อันดับต้วนหลิงเทียนลดลง!